ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ห้องชุดจำนวน 476 ยูนิต พร้อมลานกิจกรรม และลานออกกำลังกายขนาดใหญ่ รองรับการพักอาศัยช่วง Work from Home ได้อย่างลงตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 1.45 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
นับตั้งแต่มีโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งผ่านมายังพื้นที่ช่วง สามย่าน – สีลม บรรดาผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างเข้าไปจับจองพื้นที่เข้าพัฒนาโครงการโดยเฉพาะบริเวณใกล้ตลาดสามย่านและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเกิดขึ้นของซัพพลายที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเริ่มขยับขยายมายังบริเวณรอบนอกจุฬาฯ ผู้ประกอบการหน้าใหม่แต่เก๋าประสบการณ์อย่าง บริษัท อัลเทอร์เนทีฟ แอสเซท จำกัด เองก็มองเห็นดีมานด์ในโครงการที่อยู่อาศัยระดับ mid-end หรือระดับกลางในทำเลที่มีศักยภาพ จึงตัดสินใจเดินหน้าพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ในชื่อ Altitude Define ที่เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนห้องชุดเพียง 59 ยูนิตที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ทำเลที่ตั้งของโครงการรายล้อมด้วยระบบขนส่งมวลชนทั้ง BTS และ MRT ในราคาขายที่เรียกได้ว่าหาได้ยากในปัจจุบันบนพื้นที่ใกล้สีลม (เริ่มต้นที่ประมาณ 150,000 บาท ต่อ ตร.ม.) จากปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ยอดขายโครงการในส่วนแรกหรือ อัลติจูด สามย่าน – สีลม ถูกขายจนเกือบหมด ถึงคราวสำหรับ อัลติจูด ดีไฟน์ ว่าจะสามารถต่อยอดความสำเร็จได้หรือไม่ ทั้งสองโครงการยังคงมีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่คล้ายกัน (Low-Rise ในสไตล์ Modern) เพื่อตอบรับดีมานด์ของผู้บริโภคที่ยังคงมองหาโปรดักส์ประเภทนี้บนพื้นที่สามย่าน – สีลมนั่นเอง
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2559)
ชื่อโครงการ: อัลติจูด ดีไฟน์ (Altitude Define)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท อัลเทอร์เนทีฟ แอสเซท จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ถนนสี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เว็บไซต์: altitudecondo.com
โทร: 062 363 6456
พื้นที่โครงการ: 218 ตร.ว.
รูปแบบ: คอนโดฯ โลว์ไรส์ความสูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร
จำนวนยูนิต: 59
กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มคนทำงานในย่าน CBD และต้องการความสะดวกด้านการเดินทางจากระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า BTS และ MRT, กลุ่มคนที่มีแผนจะนำบุตรหลานเข้าเรียนในระดับตั้งแต่มัธยมต้นที่โรงเรียนสาธิตปทุมฯ มัธยมปลายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ไปจนถึงระดับอุดมศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กลุ่มอาจารย์ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยใกล้กับมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนในละแวกนั้น
ลิฟท์: 2 ตัว
ที่จอดรถ: 100% (ระบบอัจฉริยะ)
สิ่งอำนวยความสะดวก: สระว่ายน้ำระบบเกลือ, จากุซซี่, ล็อบบี้ความสูงเพดาน Double Volume, ฟิตเนส, ซาวน่า, Sky Deck, Roof Garden
ระบบรักษาความปลอดภัย: รปภ. 24 ชม. กล้อง CCTV เข้าออกโดยใช้คีย์การ์ด
เงินกองทุนสะสม: 500 บาทต่อ ตร.ม. (ชำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าส่วนกลาง: 65 บาทต่อ ตร.ม. (ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ราคาเริ่มต้น: 4.3 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 150,000 บาท – 164,000 บาท ต่อ ตร.ม.
รูปแบบห้อง:
1 ห้องนอนขนาด 28.4 – 35.5 ตร.ม.
2 ห้องนอนขนาด 40 – 48.3 ตร.ม.
สถานะการก่อสร้าง: อยู่ระหว่างการดำเนินการ EIA
เริ่มก่อสร้าง: ประมาณต้นปี 2560
คาดว่าจะแล้วเสร็จ: กุมภาพันธ์ 2561
รายละเอียดโครงการ
การออกแบบโดยรวม
อัลติจูด ดีไฟน์ เป็นโครงการใหม่ที่เข้ามาปักหมุดบนพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ บริเวณถนนสี่พระยาซึ่งเป็นถนนที่ใกล้กับสีลม สาเหตุที่ทำให้อัลติจูดต้องพัฒนาโครงการเป็นโลว์ไรส์คือความกว้างของถนนสี่พระยาด้านหน้าโครงการมีขนาดไม่ถึง 10 เมตร ซึ่งตามกฎหมายจึงไม่สามารถขึ้นอาคารสูงได้ แต่ความได้เปรียบของโครงการคอนโดฯ แบบโลว์ไรส์คือเรื่องของความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น รวมถึงปัญหาที่เกิดในสังคมลูกบ้านที่จะตามมาก็น้อยลงเช่นกัน และหากมองดูขนาดห้องเริ่มต้นของโครงการที่ 28.4 ตร.ม. (1 ห้องนอน) ไปจนถึง 48.3 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ถือว่าเป็นการออกแบบที่ตอบรับดีมานด์การอยู่อาศัยที่แตกต่างกันในกลุ่มผู้บริโภค
เรื่องการจัดวางของตัวอาคารโครงการระหว่าง อัลติจูด ดีไฟน์ และ อัลติจูด สามย่าน – สีลม จะแตกต่างกันโดยตัวของ อัลติจูด ดีไฟน์ จะถูกวางเป็นแนวลึกเข้าไปในซอยสมบูรณ์ปัญญา โดยตัวอาคารเองจะอยู่ด้านข้าง อัลติจูด สามย่าน – สีลม
เนื่องจากรูปลักษณ์การออกแบบของ อัลติจูด ดีไฟน์ จะคล้ายกับ อัลติจูด สามย่าน – สีลม เราจึงขอหยิบตัวโมเดลของตัว สามย่าน – สีลม (โมเดลตัว อัลติจูด ดีไฟน์ ยังไม่ออกมา) มาใช้เพื่อประกอบคำอธิบาย
พื้นที่รอยประคืออาคารที่จะเกิดขึ้นเป็น อัลติจูด ดีไฟน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ในซอยสมบูรณ์ปัญญา ถนนที่ติดกับด้านหน้าโครงการคือถนนสี่พระยาโดยทางเข้าจะหันหน้าออกติดถนนนี้เช่นกัน
ตัวโครงสร้างของอาคารคือโลหะเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของตัวอาคารมากขึ้นและช่วยลดการเกิดรอยร้าวในอนาคต รูปลักษณ์ของอาคารเป็นโมเดิร์นสไตล์ Art Deco โทนสีน้ำตาลทึบ หากเป็นตอนกลางคืนแสงไฟ LED ที่ลอดออดมาจากตัวอาคารจะทำให้ดูตัดกันสวยงามขับความโดดเด่นของห้องชุดออกมาเมื่อมองจากด้านนอก การตกแต่งบริเวณด้านหน้าตัวอาคารเล่นลวดลายเป็น façade (ส่วนนี้อาจจะไม่ถูกติดตั้งในตัว ดีไฟน์) ที่จะติดบริเวณระเบียงของยูนิตที่หันติดกับถนนสี่พระยา ไม่ใช่แค่ด้านความสวยงามแต่ façade เหล่านี้ยังมีฟังก์ชั่นช่วยกันความร้อนเข้าสู่ตัวห้องชุด และยังสามารถเลือกปรับระดับได้ว่าจะให้แสงข้างนอกลอดเข้ามาภายในห้องมากน้อยแค่ไหน
แผง façade ที่ประกอบขึ้นจากสแตนเลสกรุหุ้มอาคารฉลุลายทำสีพิเศษที่ถูกติดตั้งตรงระเบียงของยูนิตด้านหน้า ซึ่งติดถนนสี่พระยา ยูนิตที่อยู่ในแนวนี้จะมีราคาเริ่มต้นเฉลี่ยที่ประมาณ 150,000 บาท/ตร.ม.
สำหรับยูนิตด้านหลังที่มีวิวเป็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อมด้านล่างจะมีราคาเฉลี่ยเริ่มต้นที่สูงกว่าคือ 164,000 บาท/ตร.ม.
นอกจากเรื่องการออกแบบเพื่อความสวยงามของโครงการแล้ว การใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมถือเป็นอีกเรื่องที่ขาดไม่ได้เช่นกันสำหรับผู้พัฒนาโครงการในปัจจุบัน โครงการ อัลติจูด ดีไฟน์ มีการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนดาดฟ้าของตัวโครงการ โดยแสงอาทิตย์ที่เก็บสะสมได้จะถูกแปรไปเป็นพลังงานไฟฟ้า จากกลไกนี้ลูกบ้านจะได้รับประโยชน์เต็มๆ กับค่าไฟที่น้อยลงเพราะใช้พลังงานทดแทนอย่างแสงอาทิตย์นั่นเอง
การตกแต่งและประเภทของยูนิต
ห้องชุดของโครงการ อัลติจูด ดีไฟน์ ตกแต่งแบบ fully-furnished ที่มาพร้อมกับงานบิลท์อินที่ทำจากวัสดุอย่างดี (ผนังห้องน้ำหินอ่อน, พื้น engineered wood) อารมณ์ของห้องที่ได้จะเป็นแบบโมเดิร์น ด้วยพื้นไม้สีน้ำตาลอ่อน (engineered wood) ผนังฉาบเรียบทาสีขาว ทุกยูนิตจะได้วัสดุภายในห้องเหมือนกันทั้งหมดแตกต่างกันเพียงขนาดของตัวห้อง วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำของทุกยูนิตโดดเด่นด้วยวัสดุเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า, ผนัง ที่ให้มาเป็นหินอ่อน ยิ่งไปกว่านั้นชักโครกที่ลูกบ้านจะได้รับจะเป็นแบบ automatation หรืออัตโนมัติมีระบบคล้ายกับระบบสุขภัณฑ์ที่ติดตั้งที่ Terminal 21 สำหรับแบรนด์ที่ได้จะเป็น American Standard
ประเภทของยูนิตเริ่มต้นที่หนึ่งห้องนอนขนาด 28.4 ตร.ม. – 35.5 ตร.ม. สำหรับ layout ของห้องประเภทนี้จะมีทั้งแบบที่มีประตูบานเลื่อน (partition) กั้นส่วนระหว่างห้อนั่งเล่นและห้องนอน และห้องนั่งเล่นห้องนั่งเล่น และแบบที่เป็นประตูเปิด-ปิดที่มีด้ามจับเป็นแบรนด์ Hafele
Floor Plans ของยูนิตต่างๆ
ระบบส่วนกลาง
เริ่มกันที่พื้นที่จอดรถของลูกบ้านที่มีสัดส่วนถึง 100% (ประมาณ 61% เป็นระบบที่จอดอัจฉริยะหรือ Automated) โดยจะอยู่ที่ชั้นใต้ดินของโครงการ
พื้นที่จอดรถใต้ดินมี 3 ชั้น ประกอบด้วย:
ภาพจำลองพื้นที่ส่วนกลาง
รีวิวห้องตัวอย่าง
ห้องชุดที่จัดแสดง ณ สำนักงานขายคือห้อง Type A1 ขนาด 33.2 ตร.ม. ประกอบด้วย 1 ห้องนอนห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ และครัว
ห้องขนาด 33.2 ตร.ม. การจัดเลย์เอ้าท์เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นตอนลึกส่งผลให้ห้องดูกว้างขึ้น เครื่องปรับอากาศตรงส่วนนี้แถมเป็นแบรนด์ Daikin ที่ขนาด 13,000 BTU
ติดกับ ห้องนั่งเล่นคือ เคาน์เตอร์ครัว ที่ทางโครงการบิลท์อินมาให้พร้อม ผนังของจริงจะเป็นสีขาวเรียบ พื้นที่ตอนลึกตั้งแต่ ครัว จนสุด ห้องนั่งเล่นมีขนาดประมาณ 2 x 6 เมตร ความสูงพื้นจรดเพดานตลอดทั้งห้องอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร ด้านหลังทีวีผนังถูกตกแต่งมาให้เรียบร้อยตามรูป
ด้านหลังของ ห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนห้องนอน ที่มี partition กั้นแยกเป็นสัดส่วนไว้ให้ ชุดเฟอร์ฯตรงจุดห้องนั่งเล่นโครงการแถมมาให้ยกชุด สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยการติดผ้าม่านตรงบานกระจกประตูเลื่อนนี้
พื้นที่ใช้สอย ห้องนอน มีขนาดประมาณ 3 x 3 เมตรซึ่งกว้างพอที่จะจัดวางเตียงขนาดคิงไซส์ 6 ฟุตได้อย่างสบายๆ (เตียงในรูปไม่ได้แถมมาให้ ) Headboard หัวเตียงตกแต่งมาให้พร้อมเหมือนกับห้องตัวอย่าง
เนื่องจากทั้ง ห้องนั่งเล่นและ ห้องนอน ใช้พื้นที่ร่วมกันอาจจะไม่จำเป็นต้องจัดวางทีวีอีกตำแหน่ง เพราะสามารถดูผ่านมายัง ห้องนั่งเล่นได้เลยเพียงแค่เลื่อนเปิด partition ก็สามารถรวมห้องได้เลย
ระเบียงส่วนตัวที่ได้ในยูนิตนี้จะประกอบด้วยสองส่วนคือตำแหน่งของ ห้องนั่งเล่นและ ห้องนอน ขนาดความกว้างของแต่ละระเบียงอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร เป็นบานฉลุลายทำสีที่สามารถเลือกปรับระดับองศาการเปิดได้ 3 ตอน ขึ้นอยู่กับว่าอยากให้แสงเข้ามาในห้องมากน้อยแค่ไหน Armchair ตรงจุดนี้โครงการแถมให้เช่นกัน
ภายในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์เป็นแบรนด์ American Standard ระบบอัตโนมัติ และอ่างล้างหน้าที่ให้เป็นแบรนด์เดียวกัน งานบิลท์อินไม้ engineered wood ใต้อ่างล้างหน้าถูกติดตั้งมาให้พร้อม
เต้าปลั๊ก socket อะลูมิเนียมเป็นแบรนด์ Siemens ซึ่งตำแหน่งอื่นของห้องก็จะถูกติดตั้งเป็น spec นี้เช่นกันรวมถึงสวิตซ์เปิด – ปิดไฟ
รายละเอียดด้านวัสดุที่จะได้รับจากโครงการ
ผิวหน้าของพื้นไม้เคลือบด้วยอะคริลิกเสริมความทนทานการใช้งานพร้อมมีการฉีดน้ำยากันปลวกเข้าไปภายชั้นของไม้ดังนั้นหมดห่วงเรื่องปัญหาปลวกกิน
ท่อน้ำเป็น PPR ที่เชื่อมจ่อเป็นเนื้อเดียวกันแตกต่างจากท่อ PVC ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหารั่วซึม
specs เฟอร์นิเจอร์ที่จะได้รับจากโครงการ
เฟอร์นิเจอร์ที่จะถูกแถมในยูนิต Type A1 ได้แก่ โซฟา Love Seat, โต๊ะกาแฟ, ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร, เคาน์เตอร์ครัว, ตู้ชั้นวางรองเท้า, ผนังแต่งด้านหลังชั้นวางทีวี, ตู้เสื้อผ้าตำแหน่งห้องนอน, โต๊ะเครื่องแป้ง และ Headboard บริเวณหัวเตียง
เฟอร์นิเจอร์ที่จะถูกแถมในยูนิต Type A2A ได้แก่ โซฟา Love Seat, Armchair โต๊ะกาแฟ, ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร, เคาน์เตอร์ครัว, ตู้ชั้นวางรองเท้า, ผนังตกแต่งด้านหลังชั้นวางทีวี, ตู้เสื้อผ้าตำแหน่งห้องนอน, โต๊ะเครื่องแป้ง และ Headboard บริเวณหัวเตียง
เฟอร์นิเจอร์ที่จะถูกแถมในยูนิต Type A2B ได้แก่ โซฟา Love Seat, โต๊ะกาแฟ, ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร, เคาน์เตอร์ครัว, ตู้ชั้นวางรองเท้า, ผนังแต่งด้านหลังชั้นวางทีวี, ตู้เสื้อผ้าตำแหน่งห้องนอน, โต๊ะเครื่องแป้ง และ Headboard บริเวณหัวเตียง
*ชุดของแถมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเล
โครงการตั้งอยู่บนถนนสี่พระยาหนึ่งในถนนเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ถนนเส้นนี้สามารถเข้าถึงโซนสามย่านและถนนสีลมได้อย่างรวดเร็ว เสน่ห์ของถนนสี่พระยาช่วงที่เป็นที่ตั้งของโครงการคือเป็นจุดที่เชื่อมระหว่างถนนเก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพฯ นั่นคือ ถนนเจริญกรุงเข้ากับโซนเมืองอย่างสีลมเข้าไว้ด้วยกัน ถนนสีลมอย่างที่ทราบกันดีคือศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) สำคัญ และเป็นจุดยุทธศาสตร์ของกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานทั้งบริษัทไทยและข้ามชาติ และการที่ถนนสีลมสามารถเข้าถึงได้ด้วยระบบรถไฟฟ้าถึงสองสาย (BTS สายสีเขียวอ่อนและ MRT สายสีน้ำเงิน) ส่งผลให้ราคาที่ดินมีมูลค่าสูง โดยจากการถูกประเมินโดยกรมธนารักษ์รอบล่าสุดเริ่มต้นที่ประมาณ 1 ล้านบาท แต่ราคาซื้อ-ขายที่ดินจริงพุ่งไปอยู่ที่ประมาณ 200 – 300% จากราคาประเมิน เนื่องจากที่ดินเปล่าๆ ที่แทบจะหาไม่ได้บนถนนสีลม ผู้ประกอบการรายต่างๆจึงมองหาทำเลใกล้เคียงที่ยังมีพื้นที่ที่มีศักยภาพเพียงพอสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ซึ่งหนึ่งในพื้นที่ใกล้เคียงที่ว่านี้ก็คือ สามย่าน
จากตำแหน่งด้านหน้าโครงการคือถนนสี่พระยา เพียงแค่เลือกที่จะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาจากด้านหน้าโครงการก็สามารถกำหนดได้ว่าจะเลือกเข้าสู่บรรยากาศเมืองเก่า (เลี้ยวซ้ายสู่ถนนเจริญกรุง) หรือบรรยากาศเมืองใหม่ (เลี้ยวขวาเข้าถนนพญาไท – แยกราชประสงค์) โครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สามย่านประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นตำแหน่งของแยกจามจุรี แลนด์มารค์ของแยกนี้คือมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทยนั่นคือ จุฬาฯ และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา หากมีสมาชิกครอบครัวเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนนี้จะสะดวกในเรื่องการเดินทางเป็นอย่างมากซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้
แยกจามจุรีนี้เองยังสามารถเลี้ยวขวาออกไปถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นถนนที่มีจุดเชื่อมต่อไปยังถนนวิทยุและสีลมได้ พื้นที่เดิมของโครงการเป็นอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัย 3 ชั้น ด้านหน้าโครงการเป็นถนน 3 เลน โดยสามารถเข้าออกเส้นทางต่างๆได้ดังนี้:
จากตำแหน่งที่ตั้งของโครงการเมื่อเลี้ยวขวาออกมาจะเจอกับแยกจามจุรี หากเลือกตรงไปจะเป็นถนนพญาไทซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้า MBK Center ซึ่งหากตรงไปต่อจะสามารถออกไปยัง ราชเทวี – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ ตัวโครงการอยู่ใกล้กับสวนลุมพินีและราชกรีฑาสโมสร
Center ซึ่งหากตรงไปต่อจะสามารถออกไปยัง ราชเทวี – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ ตัวโครงการอยู่ใกล้กับสวนลุมพินีและราชกรีฑาสโมสร (RBSC) และทางขวาตรงตำแหน่งที่ตั้ง MBK (แยกปทุมวัน) จะเป็นเส้นที่จะวิ่งผ่านห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่างๆอย่าง สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน หากเลยต่อมาเรื่อยๆก็จะเข้าสู่แยกราชประสงค์ซึ่งเป็นที่ตั้งของเซ็นทรัลเวิลด์
*บริเวณแยกปทุมวันจะไม่สามารถเลี้ยวขวามายังถนนปทุมวันเพื่อเข้าราชประสงค์ได้ทันทีจะต้องทำการกลับรถหน้า MBK เพื่อมาเข้าซอย สยามแสควร์ 7 และออกไปสู่ถนนปทุมวัน
แนวรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้กับตัวโครงการประกอบด้วยกันทั้ง MRT (ใกล้สุดคือสถานีสามย่าน) ซึ่งสามารถเดินไปได้ด้วยระยะทางประมาณ 200 เมตร และ BTS (ใกล้สุดคือสถานีศาลาแดงประมาณ 1 กม.) สำหรับ MRT สามารถพาเข้าสู่พื้นที่ New CBD อย่างพระราม 9 ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนสำหรับผู้ที่ต้องการข้ามแม่น้ำมายังฝั่งธนบุรีสามารถเลือกใช้บริการ BTS ได้เช่นกัน (สายสีเขียวส่วนต่อขยาย สะพานตากสิน – บางหว้า)
สำหรับการมายัง BTS ศาลาแดง อาจจะต้องใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ เนื่องจากระยะห่างจากตัวโครงการมายังสถานีอยู่ที่ประมาณ 1 กม. โดยสามารถเข้าได้จากทาง ถนนพระราม 4 หลังจากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสุรวงศ์ เพื่อใช้ซอยธนิยะลัดเข้ามายังสถานีศาลาแดง
ทางด่วนศรีรัชและเฉลิมมหานคร
ที่ตั้งโครงการอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนถึง 2 สายนั่นคือ ศรีรัชและฉลองรัช
การมายังทางด่วนศรีรัชสามารถทำได้โดยผ่านถนนเจริญกรุงเข้ามายังช่วงต้นของถนนสีลม จุดทางลงของทางด่วนที่สามารถลงได้สำหรับทางด่วนศรีรัชคือ พระราม 9, พญาไท, รัชดาภิเษก, แจ้งวัฒนะ และศรีนครินทร์
การเข้าถึงทางด่วนเฉลิมมหานครสามารถทำได้โดยผ่านถนนพระราม 4 จุดทางลงของทางด่วนที่สามารถลงได้จากด่วนนี้คือ ดินแดง – ท่าเรือ, บางนา – ท่าเรือ, ดาวคะนอง – ท่าเรือ รวมถึงสุขุมวิทและถนนเพชรบุรี
ตำแหน่งของโครงการตั้งอยู่บนถนนสี่พระยาช่วงปลายซึ่งสามารถเข้าไปยังพื้นที่ริมน้ำอย่างเจริญกรุงได้ โดยเจริญกรุงเองเป็นถนนที่เชื่อมไปยังย่านตลาดท่องเที่ยวชื่อดังอย่างเยาวราชได้ด้วยเช่นกัน
ความคึกคักของตลาดคอนโดฯบนพื้นที่สามย่าน
ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ดีเวลลอปเปอร์เจ้าใหญ่อย่างอนันดาฯ รุกเกมหนักเข้าซื้อที่ดินแถบจุฬาฯ สามย่าน และสีลมเช่นกัน โดยเลือกพัฒนาเป็นโครงการทั้งในระดับกลาง (ไอดิโอ คิว จุฬา – สามย่าน) และระดับบน (แอชตัน จุฬา – สีลม และ แอชตัน สีลม) ตอกย้ำดีมานด์ด้านการอยู่อาศัยในพื้นที่ทั้งสามนี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการ The Bangkok จากค่าย แลนด์แอนด์เฮาส์ และ ไซมิส สุรวงศ์ จากค่าย ไซมิส แอสเสท ที่เข้ามาปักหมุดในพื้นที่สีลมก่อนหน้านี้
การเดินทางมายังโครงการ
รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT คือตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกสุดในทุกช่วงเวลาของการเยี่ยมชมโครงการ เลือกลง สถานีสามย่าน หลังจากนั้นเลือกทางออก วัดหัวลำโพง (ทางออกที่ 1)
เมื่อขึ้นมาจากตัวสถานีให้เดินย้อนมาทางฝั่งแยกจามจุรีเพื่อเข้าถนนสี่พระยา หลังจากนั้นเดินตรงมาเรื่อยๆประมาณ 200 เมตรที่ตั้งโครงการจะอยู่ซ้ายมือ
สถานที่ Lifestyle
1. Too Fast Too Sleep
ร้าน Too Fast Too Sleep คือร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีหนังสือไว้คอยบริการ มักเป็นสถานที่ที่เหล่านิสิต-นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มารวมตัวกันติวหนังสือโดยเฉพาะช่วงใกล้สอบเพราะเป็นร้านที่เปิดให้บริการ 24 ชม. (ภาพ via Chillpainai.com)
จากโครงการ อัลติจูด เดินมาที่แยกจามจุรีหลังจากนั้นเลี้ยวขวาอีกประมาณ 100 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ
2. ตลาดสามย่าน
ตลาดสามย่านแบ่งออกเป็นโซนของสด(ด้านล่าง)และโซนร้านอาหาร(ด้านบน)เมนูที่คนสั่งส่วนใหญ่คือสเต็กที่ขึ้นชื่อในย่านนี้
จากโครงการให้ตรงเลยแยกจามจุรีมา เมื่อเลยแยกมาแล้วให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อเข้าซอย จุฬาฯ 42 (ภาพ via: Facebook.com/samyanmarket
3. ร้านอาหารเจ้าเก่าแก่ต่างๆบนถนน พระราม 4 – หัวลำโพง
ณ แยกจามจุรีเมื่อเลี้ยวซ้ายจะเป็นเส้นถนนพระราม 4 ที่สามารถออกไปแยกสถานีรถไฟหัวลำโพงได้ ซึ่งตลอดสองฝั่งถนนนี้จะเรียงรายไปด้วยร้านอาหารเจ้าเก่าฝีมือดีต่างๆมากมายเช่น โจ๊กสามย่าน, อี่โภชนา
บทวิเคราะห์
หากดูด้านดีมานด์ที่อยู่อาศัย โครงการนี้อาจจะเป็นที่ถูกใจสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในตัวเมืองและกำลังมองหาที่อยู่อาศัยอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าหรือคนไทยฐานเงินเดือนดีที่ต้องทำงานและเดินทางไปมาระหว่างโซน CBD ต่างๆ โดยส่วนมากโปรดักส์ประเภทที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าและใกล้ตัวเมืองจะถูกดูดซับได้ดี ค่าเช่าที่สำรวจจากโครงการในระดับเดียวกันและมีราคาต่อตารางเมตรที่อยู่ในระดับไล่เลี่ยกันบนถนนทรัพย์ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการ อัลติจูด สามย่าน-สีลม ก็มีโครงการ The Bangkok ของค่าย แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ที่มีค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 400 บาท/ตร.ม. ซึ่งทำให้อัตราค่าเช่ารวมต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 33,000 – 35,000 บาท (ขนาดเริ่มที่ 84 ตร.ม.) และโครงการ ไซมิส สุรวงศ์ ซึ่งเป็นโครงการที่แล้วเสร็จออกมาใหม่กว่า (สร้างเสร็จเมื่อ เมษายน ’59) ที่ค่าเช่าอาจจะเรียกเก็บได้ประมาณ 500 บาทต่อ ตร.ม. ทำให้ได้ราคาเช่าที่ประมาณ 17,000 บาทต่อเดือน (ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 34 ตร.ม.) ดังนั้นในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้าซึ่งเป็นช่วงที่โครงการ อัลติจูด ดีไฟน์ จะสร้างเสร็จ อาจจะได้เห็นค่าเช่าสำหรับโครงการใหม่ที่ถูกปรับขึ้นอีกประมาณ 100 – 200 บาท ต่อ ตร.ม. ส่งผลให้ผู้ลงทุนระยะยาวอาจจะสามารถปล่อยเช่าได้ถึงประมาณ 800 – 900 บาทต่อ ตร.ม. หรือประมาณ 23,000 – 25,000 บาทต่อเดือนที่ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 29.5 ตร.ม.
ในเรื่องของการปรับขึ้นของราคาห้องชุดในอนาคตจะถูกปรับขึ้นสอดคล้องกับราคาที่ดินที่ถูกปรับสูงขึ้นในแต่ละปี ซึ่งโซนสีลมดูเหมือนจะมีก้าวขยับของราคาที่โดดเด่นกว่าราคาปรับขึ้นเฉลี่ยของที่ดินกรุงเทพฯโดยรวม ราคาที่ดินสีลมจะขยับที่ประมาณ 10 – 14% ต่อปี ส่วนที่ดินในพื้นที่มิดทาวน์ (พหลโยธิน – วิภาวดี, สุขุมวิทตอนปลาย, ส่วนต่อขยายฝั่งธนบุรี) จะถูกปรับขึ้นประมาณ 4 – 5 % ต่อปี อัตราการดูดซับเรื่องที่อยู่อาศัยยังคงสามารถทำได้ดีในโซนสามย่าน ดังนั้นจึงอาจจะยังมีผู้ประกอบการหน้าใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาโครงการในพื้นที่นี้เพื่อมาแบ่งชิ้นเค้กอันหอมหวนในพื้นที่ใกล้สีลม หรืออาจจะเป็นเจ้าใหญ่ที่มีเงินทุนหนากว่าเข้าซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการต่อไปในอนาคต สิ่งที่น่าจับตามองคือราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. ของโครงการที่อยู่อาศัยจะขยับขึ้นไปอยู่ที่เท่าไรในอนาคต หากสปีดการขยับขึ้นของราคาที่ดินยังคงอยู่ในระดับนี้เรื่อยๆ สำหรับราคาห้องชุดโครงการ อัลติจูด ดีไฟน์ ยังคงอยู่ในราคาต่อ ตร.ม. ที่น่าสนใจทั้งด้านการลงทุนและการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง (150,000 – 160,000 บาท/ตร.ม.)
เปรียบเทียบโครงการ
1. Siamese Surawong
ชื่อโครงการ: ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด
ที่ตั้งโครงการ: ถนนทรัพย์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก
พื้นที่โครงการ: 1 ไร่ 2 งาน 11.9 ตารางวา
ลักษณะโครงการ: คอนโดฯ ไฮไรส์สูง 20 ชั้น
จำนวนยูนิต: 77 ยูนิต
รูปแบบห้องชุด:
ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 34 – 62 ตร.ม.
ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 49 – 92 ตร.ม.
ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 81 – 197 ตร.ม.
ห้องชุดแบบทาวน์เฮ้าส์ 100 – 152 ตร.ม.
ราคาขายเฉลี่ย: 150,000 บาทต่อตารางเมตร
ราคาขายเริ่มต้น: ประมาณ 5 ล้านบาท ห้องขนาดเริ่มต้นที่ 34 ตร.ม.
เว็บไซต์โครงการ: www.siameseasset.co.th
ชื่อโครงการ: ไอดีโอ คิว จุฬา-สามย่าน Ideo Q Chula-Samyan
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน): ANAN
ที่ตั้งโครงการ: แยกสามย่าน
เนื้อที่โครงการ: 5-3-59.8 ไร่
ประเภทโครงการ: คอนโดฯ ไฮไรส์สูง 40 ชั้น 1,605 ยูนิต
ประเภทห้องชุด:
Studio ขนาด 21 – 28.5 ตารางเมตร
1 ห้องนอน ขนาด 33.50 – 34.00 ตารางเมตร
2 ห้องนอนs ขนาด 47.00 – 50.00 ตารางเมตร
2 ห้องนอนs แบบ Duplex ขนาด 66 ตารางเมตร
ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้น: 150,000 – 170,000 บาท
เว็บไซต์โครงการ: www.ananda.co.th
จากตำแหน่งที่ตั้งของโครงการคอนโดฯรอบ อัลติจูด สามย่าน-สีลม, ไซมิส สุรวงศ์ และ ไอดีโอ คิว ซึ่งยังคงถือว่าเป็นโครงการใหม่ จะมีราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. ที่ใกล้เคียงและจัดอยู่ในโปรดักส์เซ็กเมนต์เดียวกัน จึงยกมาเปรียบเทียบในข้างต้น
สรุป
โครงการ อัลติจูด ดีไฟน์ มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 150,000 บาท ต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นราคาเปิดที่อยู่ในระดับที่ไม่สูงนักเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการเกิดใหม่ในละแวกใกล้เคียง ระดับราคานี้สามารถหาได้ในโครงการที่แล้วเสร็จเช่นกันแต่โครงการเหล่านั้นจะมีจำนวนยูนิตที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบการอยู่อาศัยในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน โครงการโลว์ไรส์อาจจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า
ถึงแม้พื้นที่รวมของโครงการในแต่ละจะอยู่ที่ประมาณ 200 – 300 ตารางวา (อัลติจูด ดีไฟน์ และ อัลติจูด สีลม – สามย่าน) แต่ก็มีความครบครันของสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่รอบรับการอยู่อาศัย ประกอบกับการเน้นไปที่วัสดุทั้งส่วนของตัวอาคารและห้องชุดรวมถึงส่วนกลางที่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่รองรับการพักผ่อนของลูกบ้าน สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงสร้างจุดเด่นให้กับตัวโครงการได้เป็นอย่างดี
ด้านการเดินทาง โครงการอยู่ไม่ไกลจากระบบขนส่งมวลชนทั้งสองระบบ (BTS และ MRT) ทำให้สามารถเดินทางไปไหนมาไหนสะดวก แต่สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์อาจจะต้องใช้เวลาในการเดินทางสักหน่อยโดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนที่การจราจรจะค่อนข้างหนาแน่นบริเวณถนนด้านหน้าโครงการ แต่หากเป็นเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดจะไม่หนาแน่นมากเท่าไรนัก
ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ยังคงทำให้โครงการ อัลติจูด ดีไฟน์ ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยจริง
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ