The Shelter โครงการบ้านเดี่ยว และโฮมออฟฟิศตั้งอยู่ในย่านธุรกิจชั้นนำ เพชรเกษม–พุทธมณฑลสาย 5 บนทำเลที่ดีที่สุดติดถนนเพชรเกษม เดินทางเข้าออกโครงการได้ง่าย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่เชื่อมต่อถึงพุทธมณฑลสาย 4 ในอนาคต กับราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท
[Special Advertising Feature]ในปีนี้ตลาดแนวราบอย่างทาวน์โฮมยังคงมีเส้นทางเดินที่สดใส ซึ่งแท้จริงแล้วก็เริ่มตั้งแต่ประมาณช่วงไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ของปีที่แล้วที่หลายค่ายลดการสร้างบ้านเดี่ยว หันมาจับตลาดทาวน์โฮมเพราะที่ดินแพงขึ้นการจะสร้างบ้านเดี่ยวต้องใช้ที่ดินมากกว่า อีกทั้งกระแสนิยมทาวน์โฮมก็มีมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ทาวน์โฮมสำหรับอยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงทาวน์โฮมกึ่งออฟฟิศหรือจะเรียกว่าโฮมออฟฟิศก็ได้ ซึ่งเทรนด์ของผู้ประกอบการธุรกิจรุ่นใหม่นิยมทำบ้านเป็นออฟฟิศ โดยเฉพาะหากตั้งอยู่ในทำเลใกล้รถไฟฟ้าก็ยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้น
บริษัท พรไพลิน จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทั้งที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงและแนวราบก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เห็นช่องว่างดังกล่าว จึงหยิบที่ดินในสต๊อกมาพัฒนาทาวน์โฮมกึ่งออฟฟิศใกล้กับทำเลสถานีรถไฟฟ้าย่านชานเมืองอย่าง เดคโค แอท แบริ่ง (DECO@ Bearing) ที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง เพียง 300 เมตร ซึ่งปัจจุบันในรัศมีแนวรถไฟฟ้านี้ถือว่าไร้คู่แข่ง บวกกับด้วยราคาที่สมน้ำสมเนื้อเมื่อเทียบกับทำเล หน้าตาของบ้านและพื้นที่ใช้สอยที่ได้รับ
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: เดคโค แอท แบริ่ง (DECO@ Bearing)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท พรไพลิน จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ซอยสุขุมวิท 70/5 แขวงบางนา เขตบางนา กทม. 10260
เว็บไซต์: www.DECOliving.co.th
โทร: 02 – 398 – 7391 – 2
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2560)
พื้นที่โครงการ : 8 ไร่
ลักษณะโครงการ : ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง 3 ห้องนอน 3 น้ำ หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 20.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 190 ตร.ม. มี 4 เฟสๆ ละ 8 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 32 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: ลูกค้าที่มีรายได้เฉลี่ย 100,000 บาทขึ้นไป
สถานะการก่อสร้าง : เฟส 1 เริ่มก่อสร้างปี 2558 แล้วเสร็จปี 2559 ส่วนเฟสอื่นๆ ยังไม่มีการระบุข้อมูล
สถานะการขาย : เฟสแรก 8 ยูนิต ขายไป 2 ยูนิต (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2560)
เงื่อนไขการชำระเงิน:
เงินจอง : 10,000 บาท
เงินทำสัญญา : 30,000 บาท
ค่างวด : ยกตัวอย่างทาวน์โฮม ราคา 6.49 ล้านบาท ขนาดที่ดิน 20.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม. จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 30,000 บาท ดาวน์ 6 งวดๆ ละ 30,000 บาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 6,270,000 บาท กรณีผ่อนธนาคาร ดอกเบี้ย 7% ผ่อน 25 ปี = 44,315 บาท , ผ่อน 30 ปี = 41,714 บาท เป็นต้น
โปรโมชั่น : ส่วนลด 500,000 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2560)
ราคาเริ่มต้น : 6.49 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย : 31,500 บาทต่อตร.ม.
รูปแบบบ้าน
มี 1 แบบคือ ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 20.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 190 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
โครงการมีลักษณะเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 20.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 190 ตร.ม. ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ตอบสนองชีวิตทุกไลฟ์สไตล์” และออกแบบบ้านในสไตล์ Art Deco ให้อารมณ์แบบที่อยู่อาศัยกึ่งโฮมออฟฟิศ เป็นการก่อสร้างด้วยการก่ออิฐ (มอญ) ฉาบปูน โดยทีมงานก่อสร้างของบริษัท พรไพลิน จำกัด
เดิมพื้นที่โครงการเป็นที่ดินเปล่า ปัจจุบันเป็นทาวน์โฮมที่มีลักษณะของการขายขาด ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีนิติบุคคลและไม่มีค่าส่วนกลางใดๆ พัฒนาเป็น 4 เฟสๆ ละ 8 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 32 ยูนิต บนเนื้อที่ 8 ไร่ โดยปัจจุบันก่อสร้างเฟสแรกจำนวน 8 ยูนิต แล้วเสร็จพร้อมขาย ซึ่งขายไปแล้ว 2 ยูนิต
ทั้งนี้ผังโครงการทาวน์โฮมทั้ง 4 เฟส เป็นหนึ่งในอาณาบริเวณของที่ดินโดยรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นแนวยาวของทั้งสองฝั่งถนน 2 เลน ในซอยชุมชนพัฒนา 1 ซึ่งเป็นที่ดินของพรไพลินทั้งหมด
สำหรับเฟสแรกสร้างอยู่ติดถนนซอยถัดจากพื้นที่ตั้งของสำนักงานขายในฝั่งเดียวกัน ลักษณะผังโครงการจะหันหน้าบ้านออกถนน โดยเฟสต่อไปก็จะอยู่อีกฝั่งหนึ่งซึ่งจะหันหน้าเข้าหากัน
โดยภาพรวมด้านทำเลถือว่าเดินทางสะดวก เข้าออกได้หลายทาง ส่วนสภาพแวดล้อมภายในซอยที่ตั้งโครงการนั้นเป็นย่านชุมชนที่ค่อนข้างพลุกพล่าน ไม่เงียบเหงา มีกลิ่นอายความเป็นชุมชนดั้งเดิม และชุมชนเมืองผสมผสานกันอยู่ในที่เดียว
ส่วนตัวอาคารนั้นถือว่าหน้าตาภายนอกออกแบบได้ทันสมัย ภายในโล่งกว้าง จัดแบ่งฟังก์ชั่นการใช้งานพื้นที่ใช้สอยให้สอดรับกับการเป็นบ้านกึ่งออฟฟิศได้ดี อีกทั้งได้ถมดินสูงกว่าระดับถนน 40 ซม. เพื่อเลี่ยงปัญหาน้ำท่วมในอนาคต
การวางทิศทางโครงการ
เฟสแรกหน้าบ้านจะหันไปทางทิศตะวันออก
ทิศเหนือ ได้วิวบ้านเรือนประชาชน และอพาร์ทเมนท์
ทิศใต้ ได้วิวบ้านเรือนประชาชน และอพาร์ทเมนท์ และเฟสต่อไปในอนาคต
ทิศตะวันออก ได้วิวบ้านเรือนประชาชน และอพาร์ทเมนท์ และเฟสต่อไปในอนาคต
ทิศตะวันตก ได้วิวบ้านเรือนประชาชน และอพาร์ทเมนท์
Master Plan
ที่ตั้งโครงการทาวน์โฮมจะมีเฉพาะ 4 เฟสทางฝั่งขวาของภาพ ส่วนสนามหญ้าที่เห็นทางฝั่งซ้ายทั้งหมดเป็นเพียงภาพจำลอง ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่เปล่าของบริษัทที่รอการพัฒนาต่อไป โดยยังไม่ได้ระบุว่าจะพัฒนาเป็นอะไร
Floor Plan
แต่ละเฟส มี 5 TYPE ให้เลือกคือ
รีวิวภายในบ้านตัวอย่าง
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
-หมวดงานโครงสร้าง
เสาเข็ม : คอนกรีตอัดแรง
ฐานราก,เสาและคาน : คอนกรีตเสริมเหล็ก
พื้นทั่วไป : คอนกรีตเสริมเหล็ก และพื้นสำเร็จรูป
พื้นห้องน้ำ : คอนกรีตเสริมเหล็ก
ที่จอดรถ : SLAB ON GROUND เว้นรอยต่อกับโครงสร้าง
-หมวดงานหลังคา
เหล็กโครงสร้าง : โครงเหล็กรูปพรรณ
วัสดุมุงหลังคา : กระเบื้องลอนคู่ ขนาด 50 ซม. X 120 ซม. ตราช้าง
ไม้เชิงชาย : ไม้คอนวูด
-หมวดงานฝ้าเพดาน
ภายในทั่วไป : ยิปซั่ม ความหนา 9 มม. ฉาบเรียบทาสีโครงเคร่าเหล็กชุบสังกะสี
ภายนอกทั่วไปและห้องน้ำ : ยิปซั่มกันชื้นความหนา 9 มม. ฉาบเรียบทาสีทาสีโครงเคร่าเหล็กชุบสังกะสี
ฝ้าเพดานชั้น 3 : ยิปซั่มกรุฉนวนกันความร้อน
-หมวดงานผนังและตกแต่งผิว
ผนังภายในทั่วไป : อิฐมอญ ฉาบเรียบ ทาสีน้ำภายใน
ผนังภายนอกทั่วไป : อิฐมอญ ฉาบเรียบ ทาสีน้ำภายนอก
ผนังห้องน้ำ : อิฐมอญ ปูกระเบื้อง “13×13”
-หมวดงานพื้นและตกแต่งผิว
พื้นทั่วไป : กระเบื้องพอชเลน ขนาด “0.60 x 0.60”
พื้นเฉลียงและระเบียง : กระเบื้องพอชเลน ขนาด “13×13” ยี่ห้อ COTTO หรือเทียบเท่า
พื้นห้องน้ำ : กระเบื้องพอชเลน ขนาด “13×13” ยี่ห้อ COTTO หรือเทียบเท่า
พื้นที่จอดรถ : คอนกรีตเสริมเหล็กขัดเรียบ
-หมวดงานห้องน้ำ
สุขภัณฑ์ : MOGEN หรือเทียบเท่า
ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ : MOGEN หรือเทียบเท่า
-หมวดงานบันได
โครงสร้าง : คอนกรีตเสริมเหล็ก
ราวบันได : เหล็กเคลือบสีน้ำมัน
ลูกตั้ง : ฉาบปูนผิวเรียบ ทาสี
ลูกนอน : ชานพัก ไม้คอนวูด ขนาด 10”
-หมวดงานประตู – หน้าต่าง
หน้าต่าง : อลูมิเนียม
วงกบประตู : วงกบไม้เนื้อแข็ง,วงกบประตูเฌอร่า,อลูมิเนียม
ประตูทั่วไป : บานไม้เนื้อแข็ง,บานไม้เฌอร่า
ประตูห้องน้ำ : ประตูพีวีซี
อุปกรณ์ประตู : HAFELE หรือเทียบเท่า
-หมวดระบบไฟฟ้าและสื่อสาร
ระบบสายไฟ : เดินร้อยท่อฝังผนัง และเดินร้อยท่อบนฝ้า
มิเตอร์ไฟ : ขนาด 30 (100) แอมป์ เฟส 2 สาย
สวิตซ์ และปลั๊ก : BTICINO หรือเทียบเท่า
ตู้ LOAD CENTER : SQUAR – D หรือ MOLLER หรือเทียบเท่า
การสื่อสาร : BTICINO หรือเทียบเท่า
-หมวดงานประปา และสุขาภิบาล
ระบบท่อ : ท่อน้ำดี ท่อ PE ชั้น PN – 6.3 และท่อ PVC ชั้น 13.5 , ท่อ น้ำทิ้งชั้น 8.5 และ 5.5
ถังบำบัด : ถังสำเร็จรูป PE ยี่ห้อ DOS ขนาด 2,000 ลิตร หรือเทียบเท่า
ระบบปั้ม : เดินท่อพร้อมอุปกรณ์เตรียมติดตั้งปั้ม
-หมวดงานอื่นๆ
ระบบกันปลวก : ระบบเดินท่ออัดน้ำยา
ระบบปรับอากาศ : เดินท่อน้ำยา และท่อน้ำทิ้งไว้ให้
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน : 3 เมตร
• หมายเหตุ: รายการวัสดุอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
บ้านตัวอย่าง
ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง 3 ห้องนอน 3 น้ำ หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 20.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 190 ตร.ม.
บ้านตัวอย่างตกแต่งไว้เป็นไอเดียให้ชม 1 หลัง ส่วนบ้านจริงที่ขายนั้นเป็นบ้านเปล่า ไม่มีการตกแต่ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ แต่มีวัสดุพื้นฐานตามกำหนดของโครงการให้ เช่น พื้น ผนัง ประตู หน้าต่าง สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ถังเก็บน้ำ ปั้มน้ำ เป็นต้น
ทั้งนี้ตัวบ้านมีจุดเด่นคือ ฟังก์ชั่น Double Space คือความสูงจากพื้นถึงเพดานสูง 3 เมตรและเพิ่มเติมรายละเอียดของการก่อผนังอิฐเหนือฝ้าเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับห้องแต่ละห้อง
ภายนอกบ้านออกแบบหน้ากากด้านหน้าให้มีความนูนต่ำสลับกันไปเพื่อเพิ่มมิติให้ดูสวยงาม พลางสายตาจากผู้คนภายนอก และบังแดดได้ เน้นใช้โทนสีเรียบขรึมตัดสลับกับสีส้มอิฐให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ซึ่งระแวกนั้นถือว่าหน้าตาดูทันสมัยที่สุด ณ ขณะนี้ภายนอกบ้านออกแบบหน้ากากด้านหน้าให้มีความนูนต่ำสลับกันไปเพื่อเพิ่มมิติให้ดูสวยงาม พลางสายตาจากผู้คนภายนอก และบังแดดได้ เน้นใช้โทนสีเรียบขรึมตัดสลับกับสีส้มอิฐให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ซึ่งระแวกนั้นถือว่าหน้าตาดูทันสมัยที่สุด ณ ขณะนี้
พื้นที่จอดรถเป็น SLAB ON GROUND เว้นรอยต่อกับโครงสร้างเพื่อกันการทรุดตัว สามารถจอดได้ 2 คัน โดยหน้าบ้านจะมีก๊อกสำหรับซักล้าง และมาตรน้ำให้ ส่วนประตูทางเข้าบ้านเข้าได้ 2 ทาง โดยทางหลักเป็นบานกระจกสไลด์ด้านข้าง ส่วนอีกทางหนึ่งเป็นบานกระจกแบบสวิง มีกริ่ง และโคมไฟส่องสว่างให้
บิลท์อินผนังห้องให้มีที่เก็บของให้ ทาสีผนังทึบทับบานประตูห้องเก็บของเพื่อให้ดูสวยงาม กลมกลืนไปกับสีผนัง
ภายในตัวบ้านชั้น 1 โปร่ง โล่ง ใช้โทนสีขาวเป็นหลักทั้งพื้นกระเบื้องและสีผนัง พื้นถึงเพดานสูง 3 เมตร ออกแบบตกแต่งทั้งเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินและลอยตัว โดยออกแบบให้มี 2 ส่วน คือ โซนพื้นที่ทำงาน และโซนรับแขกซึ่งสามารถใช้เป็นโต๊ะรับประทานอาหารได้ด้วย
มองจากภายในออกสู่ภายนอก จะเห็นการใช้ประตูหน้าต่างกระจกบานใหญ่เพื่อให้แสงสว่างส่องถึง ถือเป็นการประหยัดไฟในช่วงเวลากลางวันได้ด้วย
จากชั้น 1 มองขึ้นไปด้านบนจะเห็นชั้นลอย เพิ่มความสวยงามด้วยโคมไฟดีไซน์เก๋ๆ สักชิ้นก็จะทำให้ห้องดูมีลูกเล่นมากขึ้นได้
ถัดเข้ามาด้านในพื้นที่เชื่อมต่อกับมุมทำงาน เป็นพื้นที่ของห้องน้ำ โดยโครงการนี้มีข้อดีคือ แยกอ่างล้างมือ ออกจากห้องน้ำโดยสิ้นเชิง โดยอ่างล้างมือจะมีขนาดกะทัดรัด แต่ทำท็อปกว้างและยาวแบบยกสูงจากพื้นเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดพื้น และสามารถวางของได้มาก กรณีนำถ้วยชามมาล้างเล็กๆ น้อยๆ (ควรทิ้งเศษอาหารเสียก่อน เพื่อกันการอุดตัน) ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังทำกระจกบานใหญ่ให้ด้วย
ภายในห้องน้ำชั้น 1 เป็นห้องน้ำรับแขก มีขนาดกะทัดรัด ไม่เน้นการใช้งานที่ยาวนาน ดูภายนอกเหมือนจะอึดอัด แต่เข้าไปด้านในจะรู้สึกโล่งขึ้น เพราะเพดานสูงโปร่ง 3 เมตร นั่นเอง
บ้านหลังนี้ไม่มีการโชว์ไอเดียห้องครัว เพราะไม่ได้เน้นหนักในเรื่องการทำอาหาร หากต้องการพื้นที่ครัวจริง ๆ ต้องทำเพิ่มด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่โล่ง ตามภาพ
บริเวณรั้วผนังข้างบ้าน อาจปลูกไม้ประดับหรือทำระแนงไม้เพิ่มเติม กั้นเพื่อความสวยงาม และเพิ่มความปลอดภัย
ผนังข้างบันไดทางขึ้นไปยังแต่ละชั้น จะมีหน้าต่างบานกระทุ้ง และบานฟลิปให้เพื่อเป็นการระบายอากาศ และเพิ่มช่องแสง
ชั้นลอยออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือนั่งประชุมคุยงานเฉพาะทีม 1-3 คน เป็นต้น แม้เป็นชั้นลอยแต่ไม่ทึบตันเพราะด้านหน้าบ้านออกแบบให้เป็นหน้าต่างกระจกสไลด์บานใหญ่ บังแสงแดดด้วยมู่ลี่ให้เป็นไอเดีย
โซนผนังของชั้นลอยบิลท์อินเป็นตู้เก็บของ เก็บเอกสารหรือชั้นวางหนังสือก็ได้ ถือว่าเก็บได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
ผนังบันไดชั้นลอยเพื่อไปชั้น 2 นั้นพิเศษตรงที่มีหน้าต่างบานใหญ่ และระหว่างทางขึ้นบันไดก็มีหน้าต่างบานเล็กให้ เพื่อให้รู้สึกโล่ง สบายมากยิ่งขึ้น
ชั้น 2 เป็นห้องโล่ง กว้าง ขนาดใหญ่ สามารถทำเป็นห้องนอน หรือดัดแปลงเป็นห้องทำงาน นั่งเล่นได้เช่นกัน ทั้งนี้บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นห้องทำงานขนาดใหญ่ มีทั้งโซนนั่งเล่น รับแขก และโซนโต๊ะทำงานที่กั้นแบ่งพื้นที่ด้วยเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวชิ้นใหญ่เพื่อง่ายต่อการปรับเปลี่ยน โยกย้าย
วางระบบเชื่อมต่อเครื่องปรับอากาศในลักษณะนี้ไว้ให้ทุกจุดแล้ว เช่น ในห้องนอนชั้น 3 ห้องทำงาน ชั้น 2 เป็นต้น
กั้นแบ่งพื้นที่ภายในห้องกับระเบียงด้านนอกด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสไลด์ด้านข้าง เปิดได้สองทาง ซ้ายและขวา
ระเบียงชั้น 2 กว้างขวาง ปูพื้นกระเบื้อง และราวเหล็กทาสีดำให้ตามภาพ ทั้งนี้แยกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนกว้างที่เชื่อมต่อกับประตูระเบียง และส่วนที่แคบลงมาหน่อยซึ่งปีนข้างราวไปด้านข้าง โดยมีหน้ากากเหล็กลักษณะเหมือนตาข่ายถี่ๆ พรางสายตาจากภายนอกให้ วางคอมเพลสเซอร์แอร์ได้ หรือกรณีจะตาก แขวนผ้าก็ได้
ถ่ายภาพจากบันไดทางขึ้นไปชั้น 3 เพื่อให้เห็นภาพห้องน้ำของชั้น 2 ได้ชัดเจน ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกันกับชั้นแรก คือมีการแยกอ่างล้างมือ และห้องน้ำออกจากกัน เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการใช้งานของแต่ละคน แต่อ่างล้างมือชั้นนี้จะมีขนาดย่อมลงมาจากชั้น 1
ห้องน้ำไม่ได้เน้นการใช้งานที่ยาวนานเช่นกัน เพราะขนาดห้องดูกะทัดรัดมาก มีทั้งโถสุขภัณฑ์ และพื้นที่สำหรับอาบน้ำอยู่หลังประตู
ชั้น 3 ออกแบบให้เป็นพื้นที่ของห้องนอนทั้งหมด คือ มีห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก โดยห้องนอนใหญ่วางเตียงคิงไซด์ไว้ข้างระเบียงเพื่อให้มีอากาศที่ถ่ายเทได้สะดวก
ห้องจริงคือ พื้นที่ว่างเปล่าขนาดกว้าง สามารถวางเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน และลอยตัวได้สำหรับเก็บของ และวางโต๊ะทำงานได้
หน้าตาห้องนอนเล็กบนชั้น 3 ตกแต่งให้ดูเรียบง่ายคล้ายกับห้องนอนใหญ่เพียงแต่มีขนาดย่อมลงมา ไม่มีระเบียง แต่มีหน้าต่างให้
ทําเล & การเดินทาง
ทำเลสุขุมวิท – แบริ่ง
ทำเลถนนสุขุมวิทฝั่งชานเมืองซึ่งเชื่อมต่อกับถนนบางนา – ตราด ที่จะมุ่งหน้าไปทางสมุทรปราการได้นั้น เดิมทีเดียวเมื่อสิบปีก่อนยังคงเงียบเหงาและเป็นย่านชานเมืองที่ไม่มีความหวือหวาเหมือนฝั่งในเมือง กระทั่งเมื่อมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวพาดผ่าน ทำให้เมืองเกิดการขยายตัว ตลาดที่อยู่อาศัยทั้งอพาร์ทเมนท์ให้เช่า คอนโดฯ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันย่านนี้ดูคึกคัก และมีสีสันมากขึ้น
หากนับจากช่วงสี่แยกบางนามาถึงจากสถานีรถไฟฟ้า สถานีบางนา จนถึงช่วงสถานีแบริ่ง จะเห็นว่ามีคอนโดฯ เติบโตขึ้นหลายโครงการ อีกทั้งมีคอมมูนิตี้มอลล์เกิดขึ้นตามมาด้วย และหากดูเฉพาะถนนสุขุมวิทซอยลาซาล (สุขุมวิท 105) และซอยแบริ่ง (สุขุมวิท 107) ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าแบริ่งนั้น เป็นแหล่งรวมของโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่ง
ทั้งนี้ดูเหมือนว่าความนิยมในทำเลของทั้งสองซอยนี้มีมากกกว่าฝั่งสุขุมวิทเลขคู่ เพราะที่ผ่านมมาในอดีตฝั่งเลขคู่นั้นมีปัญหาน้ำท่วม แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันโครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นก็แก้ปัญหาล่วงหน้าด้วยการถมดินสูงกว่าระดับถนนเพื่อรองรับปัญหานี้ไว้แล้ว ทำให้ภายในซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ก็มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่แพ้ฝั่งเลขคี่เช่นกัน
ทั้งนี้วิถีชีวิตส่วนใหญ่ของคนในย่านนี้มีทั้งที่อยู่อาศัยดั้งเดิม ย้ายที่ทำงานมา และคนที่ต้องการดีดตัวเองออกมาหาที่อยู่ใหม่นอกเมืองเพราะสู้ราคาในเมืองไม่ไหว และต้องการคลายจากความแออัดในเมือง เพราะถึงอย่างไรย่านชานเมืองก็มีรถไฟฟ้าซึ่งเป็นช่องทางการเดินทางที่สะดวก รวดเร็วเข้าเมืองได้ง่าย อีกทั้งส่วนต่อขยายจากแบริ่งไปสมุทรปราการก็ตอบโจทย์คนที่ทำงานหรือคนที่จะเดินทางไปนอกเมืองได้สะดวกเช่นกัน ซึ่งคาดว่าอีกปีสองปีข้างหน้าได้จะใช้บริการอย่างเป็นทางการกันแล้ว
ถ่ายจากบนรถไฟฟ้าแบริ่ง ไปยังซอยที่ตั้งโครงการจะเห็นว่ามีอพาร์ทเมนท์ และบ้านเรือนประชาชนมากมาย ซึ่งลานจอดรถที่เห็นด้านล่าง ไว้บริการสำหรับคนที่จะมาต่อรถไฟฟ้านั่นเอง (เสียค่าบริการ)
ทำเลที่ตั้งโครงการ
ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอย สุขุมวิท 70/5 คือฝั่งเลขคู่ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำท่วมเพราะทางโครงการได้ถมที่ดินสูงจากระดับถนนไว้ประมาณ 40 ซม. ซึ่งจุดขายหรือข้อดีของที่ตั้งโครงการคือ เดินทางเข้าออกได้หลายเส้นทางทั้งจากด้านหน้าโครงการคือซอยสุขุมวิท 70/5 ซึ่งสามารถเดินทางไปสุขุมวิทชั้นใน ขึ้นทางด่วนบางนา หรือไปบางนา ,ศรีนครินทร์ได้ และด้านหลังโครงการผ่านถนนทางรถไฟสายเก่าซึ่งทะลุไปถนนสรรพวุธเพื่อขึ้นทางด่วนบางนาได้เช่นกัน
นอกจากนี้ทางโครงการก็ยังห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีแบริ่งเพียงแค่ประมาณ 300 เมตร ซึ่งถือว่าไม่ไกลมากนัก อีกทั้งนับจากปากซอยทางเข้าโครงการมาก็ไม่แห้งแล้ง มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรรายล้อมไปด้วยร้านสะดวกซื้อ ( 7-11) , โลตัส เอ็กซ์เพลส และปั้มน้ำมันเอสโซ่รวมถึงร้านอาหารทั่วๆ ไปที่เกาะติดแนวรถไฟฟ้าอยู่หลายร้าน นอกจากนี้ก็ยังมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีลานจอดรถขนาดกว้างไว้บริการ (คิดค่าจอด) สำหรับคนที่ต้องการต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางอีกด้วย
ทั้งนี้โครงการถือว่าตั้งอยู่ในย่านชุมชน ซึ่งมีชื่อเรียกว่าซอยชุมชนพัฒนา 1 หากขยับเลยจากโครงการเข้าไปในซอย เลี้ยวขวาไปก็จะเป็นซอยตัน มี 7-11 ตั้งอยู่และตลาดขายอาหารตอนเย็นไว้ให้จับจ่าย ส่วนถ้าหากเลี้ยวซ้ายไปก็เป็นอาคารพาณิชย์ และร้านค้าทั่วไป โดยรวมถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ในระดับที่น่าพึงพอใจไม่น้อย
ส่วนจุดด้อยที่อาจทำให้ดูพลุกพล่านและจอแจไปสักนิดก็ด้วยเพราะย่านนี้มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยรอบโครงการจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า บ้านเรือนประชาชน และร้านค้าทั่วไป การอยู่อาศัยจึงต้องใช้ความระมัดระวังทั้งการขับขี่ยานพาหนะ และการเดินเท้า เห็นได้ชัดจากการลงพื้นที่สำรวจโครงการจะมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่ตลอดเวลาทำให้ดูจอแจไปสักหน่อย
หน้าปากซอยสุขุมวิท 70/5 ซึ่งเป็นทางเข้าโครงการ มีปั้มน้ำมัน และ 7 – 11 อยู่ติดกับสถานีรถฟ้า แบริ่ง พอดี
ถัดจากปากซอยทางเข้าโครงการมาอีกนิดมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการ โดยฝั่งตรงข้ามจะเป็นลานจอดรถสำหรับคนที่จะมาต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสแบริ่ง
บรรยากาศในซอยที่ตั้งโครงการ หากเลี้ยวขวาถัดจากโครงการไปจะมี 7-11 และตลาดนัดช่วงเย็นเล็กๆ อยู่ ซึ่งเป็นซอยทางตัน
การเดินทาง
เส้นทางหลักคือ
ทางด่วน
ทั้งนี้เราใช้เส้นทางด่วนศรีรัชจากด่านประชาชื่น เข้าทางด่วนเฉลิมมหานคร ไปลงบางนา และมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่จะไปสมุทรปราการ ภาพจาก: Google Map
กลับรถมาแล้วสังเกตซ้ายมือจะมีปั้มเอสโซ และเทสโก้โลตัส เอ็กซ์เพลส ซอยทางเข้าโครงการจะอยู่ติดตรงนั้น (คือซอยสุขุมวิท 70/5) ให้เลี้ยวเข้าไป
ขับเข้าไปประมาณ 300 เมตร จะถึงโครงการ แต่ระหว่างทางฝั่งซ้ายมือจะเจอรั้วสีนำเงินกั้นอยู่ ตรงนี้คือที่พักชั่วคราวของคนงานก่อสร้าง ให้ขับเลยไป จะเจอทางเลี้ยวขวาซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานขาย
เส้นทางรถยนต์ที่เหมาะสมที่สุด 2 เส้นทางคือ
เส้นทางที่ 1 จากถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปสมุทรปราการ ผ่านถนนบางนาตราด เจอบีทีเอสแบริ่ง ขับตรงไปอีกนิดกลับรถเข้าซอยสุขุมวิท 70/5
เส้นทางที่ 2 จากถนนศรีนครินทร์ มุ่งหน้าไปสมุทรปราการ เจอสี่แยกไฟแดงก่อนถึง รพ.ศรีนครินทร์ เลี้ยวขวาเข้า ถนนสุขุมวิท 105 เจอบีทีเอสแบริ่ง เลี้ยวซ้ายและตัดเข้าเลนขวาหาที่กลับรถเพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 70/5
ทางด่วน
ทางด่วนขั้นที่ 1 บางนา
BTS
รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (แบริ่ง – สมุทรปราการ) สถานีแบริ่งประมาณ 300 เมตร
แท็กซี่
ผ่านหน้าโครงการ
รถสองแถว
ผ่านหน้าปากซอยสุขุมวิท 70/5
รถเมล์
สาย 2 , 45 ผ่านหน้าปากซอยสุขุมวิท 70/5
มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ผ่านหน้าโครงการ
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
รัศมีโดยรอบฝั่งทางโครงการนั้นไม่ได้มีความหวือหวาของแหล่งช้อปปิ้งหรือตลาดนัดชิคๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก ฉะนั้นหากใครต้องการหรือนั่งชิวที่ร้านอาหารอร่อยๆ ร้านกาแฟชิคๆ ก็จะต้องขยับไปฝั่งตรงข้ามก็คือในซอยแบริ่ง และซอยลาซาล เพราะเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ทันสมัยมากมาย เช่น ร้านกาแฟ Black Forest , ร้านก๋วยเตี๋ยว ลิ้มเล่าซาจูเนียร์ ในซอยแบริ่ง 36 ซึ่งขึ้นชื่อว่าอร่อย เพราะนี่เป็นรุ่นที่ 3 แล้วเป็นต้น
หากจะไปตากแอร์ในห้างก็ต้องขยับไปแถวย่านศรีนครินทร์ บางนา เพราะมีห้างใหญ่ อาทิ เซ็นทรัล บางนา, ซีคอนสแควร์ ,พาราไดซ์พาร์ค ซึ่งด้านหลังของพาราไดซ์พาร์คนี้เป็นแหล่งรวมร้านอาหารน่านั่งหลายร้าน นอกจากนี้ก็ไปชมไปช้อปเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้านที่อิเกีย และเดินเล่นที่เมกาบางนา เป็นต้น หรือไม่ก็ต้องนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองไปเอกมัย ทองหล่อ อโศก สยาม เป็นต้น และนอกจากนี้ก็จะมีห้างยักษ์อย่าง Bangkok Mall ของกลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ป บริเวณแยกบางนาด้วย
ทั้งนี้สำหรับใครที่มีรถยนต์ส่วนตัวอยากไปเดินเล่นคอมมูนิตี้มอลล์ใกล้ๆ ก็สามารถขับไปได้ที่คอมมูนิตี้มอลล์ของโครงการ The Coast Village ซึ่งอยู่ใกล้กับทางขึ้นทางด่วนบางนาพอดี หรือใครที่ชอบความเย็นอยากสัมผัสเมืองน้ำแข็งก็ไปเที่ยวได้ที่ Harbin Ice Wonderland เมืองจำลองน้ำแข็ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก BTS แบริ่ง
สำหรับคนที่ชอบกีฬา ย่านนี้ก็มีให้เลือกหลายที่ หลายแบบ เช่น Rock Doman ซึ่งมีกิจกรรมแบบแอคทีฟ ปีนป่ายเขา เพราะมีหน้าผาจำลองให้ได้ไปสนุกกัน, สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ ใกล้ BTS แบริ่ง ฝั่งตรงข้ามทางเข้าโครงการ และสุดท้ายที่ Taco หรือบึงตะโก้ ซึ่งมีกีฬาทางน้ำให้ได้ไปเล่นกัน เช่น เวคบอร์ด ,เคเบิ้ลสกี วินด์เซิร์ฟ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้คำปรึกษา เป็นต้น
นอกจากนี้สามารถขยับไปเที่ยวนอกเมืองอย่างจังหวัดสมุทรปราการก็ได้ เพราะมีที่เที่ยวหลายแห่ง อาทิ เมืองโบราณ, ช้างสามเศียร, สถานตากอากาศบางปู ,โรบินสัน สมุทรปราการ เป็นต้น
สถานที่สำคัญรอบโครงการ
สนามบิน
สุวรรณภูมิ ประมาณ 30 นาที
ห้างสรรพสินค้า
ซีคอนสแควร์
พาราไดซ์พาร์ค
เซ็นทรัล บางนา
เทสโก้โลตัส พลัสมอลล์
โรบินสันสมุทรปราการ
สถานศึกษา
โรงเรียนนานาชาติ บางกอกพัฒนา
โรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา
โรงเรียนนานาชาติเซนแอนดรูวส์
โรงเรียนลาซาลบางนา
สถานพยาบาล
โรงพยาบาลไทยนครินทร์
โรงพยาบาลมนารมย์ ( โรงพยาบาลสำหรับผู้พิการ ทุพลภาพ)
อื่นๆ
ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติกรุงเทพ ( ไบเทคบางนา)
กรมอุตุนิยมวิทยา
บทวิเคราะห์
ในละแวกซอยที่ตั้งโครงการเรียกได้ว่าไม่มีทาวน์โฮมในลักษณะนี้ ฉะนั้นถือว่าไม่มีมีคู่แข่งเลยก็ว่าได้ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกันจริงๆ ก็ต้องกระโดดไปโซนอื่น ซึ่งถือเป็นข้อดี และถือว่าได้เปรียบในเรื่องของราคาเพราะทำราคาได้ถูกเมื่อเทียบกับราคาที่ดินในปัจจุบัน คือ ราคาขายของโครงการเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 31,500 บาทต่อ ตร.ม. หากนำไปเทียบกับคอนโดฯ ในย่านนี้ ที่มีราคาขายเฉลี่ย 60,000 บาทต่อตร.ม. ก็ถือว่าถูกกว่าเกือบครึ่ง และได้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า แต่อย่างไรการเลือกซื้อก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วยว่าต้องการพื้นที่มากน้อยเพียงใด ดูแลได้มากน้อยเช่นไร
โครงการนี้เป็นลักษณะของการขายขาดคือ ซื้อแล้วก็จบไป ไม่มีนิติบุคคล ไม่มีค่าส่วนกลางและไม่มีพื้นที่ส่วนกลางแต่อย่างใด ซึ่งก็จะเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก หรือวุ่นวาย แต่ต้องรับผิดชอบดูแลพื้นที่ส่วนตัวของตนเองให้ดี เหมาะกับการซื้อจริงเพื่ออยู่อาศัย และทำเป็นโฮมออฟฟิศ ฉะนั้นไม่แนะนำการซื้อเพื่อการลงทุนเพราะกว่าจะได้กำไรคืนก็ยาวนาน และอาจไม่คุ้มค่ากับการต้องคอยมาดูแลรักษา
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
ชื่อโครงการ | ยูนิต | พื้นที่ใช้สอย(ตร.ม.) | ราคาเฉลี่ย | ราคาขาย(ล้านบาท) |
เสนา ช้อป เฮ้าส์ (Sena Shop House ) | 25 | 175.73 | – | 6.99 |
เดคโค แอท แบริ่ง (DECO@ Bearing) | 32 | 190 | 31,500 | 6.49 |
ชื่อโครงการ: เสนา ช้อป เฮ้าส์ (Sena Shop House)
เจ้าของโครงการ: บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ทำเลที่ตั้ง : ซอยสุขุมวิท 113 (ซอยสำโรงเหนือ 7) ถนนสุขุมวิท อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
โทร: 1775 กด 37
เว็บไซต์ : www.sena.co.th
รายละเอียดโครงการ
รูปแบบ : โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 175.73 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 6.99 ล้านบาท
สรุป
โครงการนี้แม้จะอยู่ในทำเลถนนสุขุมวิทฝั่งเลขคู่แถบชานเมือง ที่อาจยังไม่เติบโตมากเท่าฝั่งซอยเลขคี่ แต่ทว่าปัจจุบันเมืองขยาย ความต้องการที่อยู่อาศัยมีมากขึ้น แม้ฝั่งที่ตั้งโครงการจะได้รับผลกระทบเรื่องน้ำท่วมมากกว่า แต่โครงการใหม่ๆ อย่างโครงการนี้ก็ได้ถมที่ดินสูงกว่าระดับถนนไว้แล้ว 40 ซม. เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ทางหนึ่ง
อีกทั้งทำเลที่ตั้งโครงการนี้ก็สามารถเดินทางเข้าออกไปยังถนนสายหลักๆ ได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิท 70/5 ซึ่งเป็นฝั่งด้านหน้าโครงการที่สามารถเชื่อมไปยังถนนบางนาตราด ถนนศรีนครินทร์ และถนนสุขุมวิท และใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนบางนาด้วย หรือทางด้านหลังโครงการก็สามารถทะลุไปยังถนนรถไฟสายเก่า ต่อไปยังถนนสรรพวุธ เพื่อไปยังถนนสุขุมวิทเพื่อเข้าเมืองและขึ้นทางด่วนบางนาได้เช่นกัน
นอกจากนี้ก็ยังอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า แบริ่งประมาณ 300 เมตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดขายของโครงการ และถือว่าเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่เดินทางสะดวก จะเข้าเมืองไปเอกมัย ทองหล่อ สยามก็ง่าย หรือจะไปทางสมุทรปราการก็ง่ายเพราะมีส่วนต่อขยายที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าอีก 1 – 2 ปีข้างหน้าก็สามารถเปิดใช้งานได้
ส่วนสภาพแวดล้อมก็ถือว่ามีความสมบูรณ์ในระดับหนึ่ง มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อไว้คอยบริการ และหากต้องการแหล่งบันเทิง ร้านอาหาร ร้านกาแฟสวยๆ ก็ข้ามไปฝั่งซอยแบริ่ง หรือซอยลาซาลได้ นอกจากนี้ย่านนี้ให้ความสำคัญกับสถานที่ออกกำลังกาย มีสถานที่ให้ทำกิจกรรมทั้งกลางแจ้ง และในร่ม เช่น สนามฟุตบอล, บึงขนาดใหญ่ไว้ให้เล่นเวคบอร์ด เป็นต้น
อย่างไรก็ดีย่านนี้ค่อนข้างพลุกพล่านทั้งคนที่ใช้บริการรถไฟฟ้า และคนที่อยู่อพาร์ทเมนท์เพราะย่านนี้มีอพาร์ทเมนท์ให้เช่าหลายแห่งติดๆ กัน จึงอาจต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเท้า และการใช้รถใช้ถนน เพราะมีการสัญจรไปมากันตลอดเวลา
ทั้งนี้หากมองในแง่ของการลงทุน ไม่แนะนำให้ซื้อเพื่อปล่อยเช่า เพราะไม่คุ้มทุน อีกทั้งโครงการนี้เป็นการขายขาด ไม่มีนิติบุคคล ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่แล้วด้วย แนะนำสำหรับคนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงหรือต้องการทำเป็นออฟฟิศถือว่าคุ้มค่า เพราะได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้าง 190 ตร.ม. ในราคาขายเฉลี่ย 31,500 บาทต่อตร.ม.ซึ่งถือว่าราคานี้ถูกกว่าท้องตลาดมากนั่นเอง