The Shelter โครงการบ้านเดี่ยว และโฮมออฟฟิศตั้งอยู่ในย่านธุรกิจชั้นนำ เพชรเกษม–พุทธมณฑลสาย 5 บนทำเลที่ดีที่สุดติดถนนเพชรเกษม เดินทางเข้าออกโครงการได้ง่าย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่เชื่อมต่อถึงพุทธมณฑลสาย 4 ในอนาคต กับราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท
ในปี 2559 ที่ผ่านมาต้องบอกว่าภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความซบเซา ไม่โดดเด่นอะไรมาก แต่ก็มีกระแสของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับบนที่มาแรงไม่แพ้ตลาดอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่กลับไม่มีผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายระดับบน จึงทำให้เหล่าดีเวลลอปเปอร์หันมาพัฒนาโครงการบ้านหรูที่มีมูลค่าตั้งแต่ 15 ล้านบาทขึ้นไป หากย้อนไปประมาณ 2 ปีที่แล้วหรือประมาณปี 2558 จากผลสำรวจจะมีข้อมูลของตลาด Luxury ในเมืองชั้นในและชั้นนอกเกิดขึ้น รวมทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม มีโครงการใหม่เกิดขึ้นไปถึง 21 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 12 โครงการ และคอนโดมิเนียมอีกถึง 9 โครงการ ซึ่งเป็นสถิติที่สูงมากสำหรับเซกเมนต์ตลาดบน และในปี 2559 เหล่าดีเวลลอปเปอร์ก็ขยับมาลงทุนโปรดักส์ราคาสูงมากขึ้น และมีมูลค่ามากกว่าในปี 2558 เป็นเท่าตัว โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดยังคงเติบโตและน่าสนใจยังคงเป็นราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากต้นทุนที่ดินที่ปรับขึ้นตลอด รวมไปถึงรายละเอียดของ Material วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ดีเวลลอปเปอร์เลือกมาใช้ผลิตโครงการก็มีความหรูหรามากขึ้น
โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่สามารถทำรายได้อยู่ในระดับที่ดี และทำรายได้รวมเกิน 50% ของเป้าหมายที่มูลค่า 15,000 ล้านบาทก็คือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั้น จำกัด (มหาชน) โดยหนึ่งในผลประกอบการที่น่าสนใจก็คือยอดขายของบ้านเดี่ยวที่เติบโตขึ้นมามากกว่า 60% จากกลุ่มเป้าหมายระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง และด้วยปัจจัยนี้เองจึงทำให้ช่วงครึ่งปีหลัง SC Asset ตัดสินใจพัฒนาโครงการระดับบนอีก 6 โครงการ โดยแบ่งเป็นบ้านแนวราบ 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ โดยหนึ่งในโครงการที่มีความน่าสนใจก็คือ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท บ้านในเมืองที่ทาง SC Asset แตกแบรนด์ออกมาใหม่ และปักหมุดโครงการบนพื้นที่ในซอยสุขุมวิท 101 ไม่ไกลจาก BTS ปุณณวิถี ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่มีวิถีชีวิตติดอยู่กับเมือง และเน้นดีไซน์บ้านให้ทันสมัยโดยดึงแนวคิดจากบ้านในเมือง Brooklyn ในรัฐ Newyork มาเป็นตัวชูโรง และมอบความเป็นส่วนตัวด้วยยูนิตบ้านเพียง 57 หลังบนพื้นที่กว่า 16 ไร่ ราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาท
จุดเด่นของโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
เจาะลึกข้อมูลโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
ชื่อโครงการ: เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ทำเลที่ตั้ง: ซอยสุขุมวิท 101 (ปุณณวิถี) ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
เว็บไซต์: http://www.scasset.com
โทร: 1749
รายละเอียดโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) (ข้อมูล ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560)
พื้นที่โครงการ: 16-0-53 ไร่
ลักษณะโครงการ: บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 57 ยูนิต (บ้านแฝด 8 ยูนิต บ้านเดี่ยว 49 ยูนิต)
กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มครอบครัวขยายระดับบนที่กำลังมองหาบ้านในเมือง
เริ่มก่อสร้าง: ปี 2559
คาดว่าแล้วเสร็จ: ประมาณปี 2563
สิ่งอำนวยความสะดวก: คลับเฮ้าส์, ห้องสมุด, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, ฟิตเนส, สวนสาธารณะ, Free Wifi
ระบบรักษาความปลอดภัย: เข้า – ออกโครงการด้วยระบบ Easy pass, ระบบ CCTV รอบโครงการ, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง, ระบบสัญญาณกันขโมย Magnetic & Shock Sensor ในตัวบ้าน
สถานะการขาย: Pre Opening ในวันที่ 4 ก.พ. 2560
ค่าส่วนกลาง: ตารางวาละ 78 บาทต่อเดือน (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
ราคาเริ่มต้น: 18.9 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 300,000 บาทต่อตารางวา
รูปแบบห้อง
Queens ที่ดิน 46.5 – 48.2 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 302 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาท
Brooklyn ที่ดิน 53.6 – 74.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 361 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 22.5 ล้านบาท
Manhattan ที่ดิน 63.1 – 105.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 448 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 28.9 ล้านบาทและ Manhattan Elite ที่ดิน 74.2 – 86.5 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 465 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 29.9 ล้านบาท
สามารถรับชมบ้านตัวอย่างจริงแบบ 360 องศาได้ที่นี่
ภาพ 360 องศาของบ้านตัวอย่าง Manhattan ที่ดิน 63.1 – 105.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 448 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 28.9 ล้านบาท
พื้นที่โดยรวมของ Club House ชั้นล่าง
พื้นที่โดยรวมของบ้าน Manhattan ชั้นล่าง
ห้องนั่งเล่นที่มีเพดานสูงถึง 7 เมตร
พื้นที่ด้านข้างบ้าน
โถงบันไดบริเวณชั้น 2
ห้องนอน Master Bedroom
ห้องน้ำในตัว Master Bedroom
Walk in Closet แบบแยกแต่งตัว His & Her
โถงบันไดบริเวณชั้น 3 เชื่อมต่อไประเบียงขนาดใหญ่ ห้องนอนที่ 2 และ ห้องนอนที่ 3
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
หากมองจากภายนอกโดยศึกษาจากข้อมูลข้างต้นในหัวข้อที่ตั้งโครงการ จากแผนที่จะเห็นว่าโครงการตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของซอยสุขุมวิท 101 หรือ ซอยปุณณวิถี ซึ่งถือเป็นภูมิศาสตร์ที่ดี ในการสร้างโครงการระดับบนที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะก่อนที่จะไปถึงโครงการจะต้องข้ามสะพานข้ามคลอง ทำให้ระยะห่างของชุมชนหรือสถานที่อื่นๆ มีระยะห่างออกไป ตามแนวรั้วโครงการจึงไม่ค่อยมีสิ่งรบกวน ถึงแม้จะตั้งอยู่ในซอยก็ตาม ซึ่งข้อดีของพื้นที่ในซอยที่เชื่อมต่อกับสถานี BTS ปุณณวิถีได้ก็คือเรื่องของความอุดมสมบูรณ์จากดีมานด์ผู้อยู่อาศัยที่หนาแน่น แต่ทั้งนี้เองก็ยังมีข้อเสียจากซอยที่ลัดเลาะไปที่อื่นๆ ได้ แต่เนื่องจากถนนในซอยที่มีเพียงสองเลน ทำให้รถที่วิ่งเข้าวิ่งออกซอยมรการจราจรติดขัดบ้างในบางช่วงเวลา
ประตูทางเข้า – ออก โครงการ ใช้วัสดุหลักเป็นโครงเหล็กและอิฐมอญออกแบบสไตล์ Industrial ให้ลับกับดีไซน์ของตัวบ้านในโครงการ ประตูใช้โครงเหล็กแบบเลื่อน 3 ตอน เป็นระบบ Easy Pass ซึ่งมีความปลอดภัยและสะดวกกว่าประตูกั้นไม้กระดกตามที่โครงการทั่วไปใช้
ด้านในประกอบไปด้วย CCTV และกล้อง Video Call ที่สามารถส่งสัญญาณภาพผู้มาติดต่อไปยังตัวบ้านแต่ละยูนิตได้ พร้อมป้อมยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
ถนนหน้ายูนิตกว้าง 9 ม. ซึ่งกว้างกว่าโครงการทั่วไป สามารถจอดรถหน้าบ้านได้ โดยที่รถคันอื่นๆ ยังสวนเข้า – ออก ซอยกันได้อย่างสบายๆ
คลับเฮ้าส์ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้า – ออก ของโครงการ ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ ห้องสมุดที่ชั้นล่าง สำนักงานตั้งอยู่ที่ชั้น 2 และฟิตเนส
สระว่ายน้ำแบ่งออกเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ตามแนวยาว เป็นไซส์มินิโอลิมปิก ความยาวสระยื่นออกมาจากตัวอาคารคลับเฮ้าส์บางส่วน จึงทำให้สระมีฟังชั่นทั้งแบบ Indoor และ Outdoor
ถัดมาจากสระว่ายน้ำจะเป็นห้องสมุดขนาดไม่ใหญ่มาก โครงการออกแบบให้มีความสงบ และเป็นส่วนตัวมากกว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนรวม
Layout ของผนังห้องสมุดฝั่งทางเข้า และฝั่งสระว่ายน้ำ เป็นบานกระจกแบบ Full Height สามารถมองทะลุเห็นวิวสระว่ายน้ำได้
ที่ชั้นสองมีห้องฟิตเนส พร้อมอุปกรณ์ครบครัน โครงการเน้นพื้นที่ในห้องให้มี Space อากาศท่ายเทสะดวก และให้สามารถทำกิจกรรมอื่นได้ โดยมีเครื่องออกกลังกายจำนวนไม่เยอะมาก
ด้านในโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) จัด Layout ของยูนิตสลับกันไปมา ด้วยถนนที่กว้างกว่า 14 ม. และถนนรองที่กว้างกว่า 9 ม. จึงทำให้บ้านแต่ละยูนิตดูมีความเป็นส่วนตัวจากตำแหน่งที่จัดวาง รวมไปถึงยูนิตบ้านที่มีเพียง 57 ยูนิตเท่านั้น นอกจากนั้นในโครงการยังมีคลับเฮ้าส์ที่ประกอบไปด้วยห้องออกกำลังกายที่มีเครื่องเล่นครบครัน สระว่ายน้ำในร่ม ห้องสมุดที่ตกแต่งให้มองเห็นพื้นที่สระว่ายน้ำจากด้านในได้ พร้อมทั้งสวนหย่อม และต้นไม้รอบรั้วโครงการ ส่วนการเข้า – ออกของโครงการเป็นระบบ Easy Pass เมื่อระบบจับสัญญาณได้ ประตูทางเข้าโครงการจะเปิดให้เองโดยอัตโนมัติให้อารมณ์คล้ายๆ ระบบ Easy Pass ของระบบทางด่วน
แบบบ้านจริงในเมือง Brooklyn รัฐ New York
แบบบ้านของโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
ส่วนในเรื่องของตัวบ้านเองหากพูดถึงมูลค่ายูนิตเริ่มต้นที่ราคา 18.9 ล้าน หากซื้อที่ดินเปล่าบริเวณนี้จะได้ที่ดินประมาณ 150-200 ตารางวา ในราคา 18 – 20 ล้านบาท โดยยังเหลือเงินให้ปลูกบ้านกว่า 7-8 ล้านบาท แต่ที่แน่นอนเลยคงไม่ได้วัสดุระดับนำเข้า และพื้นที่ใช้สอยทรง Tropical House ที่ 3 ชั้น เหมือนที่โครงการออกแบบมาอย่างแน่น่อน และเรื่องการออกแบบนี้ก็คือจุดเด่นหลักๆ ของโครงการที่ SC Asset ทำออกมา นอกจากความเป็นส่วนตัวบนพื้นที่ใช้สอยกว่า 3 ชั้นแล้ว การออกแบบดีไซน์ตัวบ้านที่มีแนวคิดมาจากบ้านสไตล์ Brooklyn ในรัฐนิวยอร์คก็ถือเป็นไอเดียแปลกใหม่ที่ยังไม่ค่อยพบเห็นบ้านเดี่ยวในประเทศไทยที่ออกแบบบ้านสไตล์นี้ โดยบ้านใน Brooklyn ส่วนใหญ่ทจะมีคอนเซ็ปดีไซน์แบบ Industrial Loft เนื่องจากพื้นที่ดั้งเดิมเป็นย่านโรงงานเก่าที่มีพื้นที่สูงโปร่ง และถูกดัดแปลงให้กลายเป็นที่อยู่อาศัย จนทำให้ย่าน Brooklyn กลายเป็นย่านที่มีความหรูหราขึ้นมาทันตา ด้วยจุดนี้เอง SC Asset ก็นำจุดเด่นตรงนี้มาปรับใช้กับโครงการได้อย่างลงตัว ทำให้ได้ตัวบ้านออกมาเป็นบ้านแนวใหม่ที่มีความคลาสสิคผสมกับความโมเดิร์นของวัสดุตกแต่งตัวบ้านแนวสูง 3 ชั้น
ตัวอย่างรอยแตกร้าวของบ้านปูนเปลือย
ภาพ via f.ptcdn.info
ดีไซน์ตัวบ้านเป็นสีเทาดูแล้วคล้ายปูนเปลือยขัดมันแต่แท้จริงเป็นอิฐและกระเบื้อง Kenzai ที่มีความแข็งแรง ทนแดดทนฝนมากกว่าปูนเปลือยขัดมันหลายเท่าตัว ซึ่งในแง่ของการดีไซน์แบบ Industrial Loft ที่นิมยมใช้ปูนเปลือยเป็นส่วนผสมในการสร้างบ้านนั้น ในระยะเวลาไม่นานจะพบรอยแตกร้าวของปูนเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญคงไม่คุ้มค่ากับราคา โครงการจึงตั้งใจเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพแต่ยังคงดีไซน์แบบบ้านใน Brooklyn เอาไว้ ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับในเรื่องนี้เลยก็คือดีไซน์ในสไตล์ที่ชอบ พร้อมกับวัสดุนำเข้าที่ดีกว่า โดยหากใครที่ไม่ได้ชอบสไตล์บ้านแบบนี้ รูปแบบบ้านที่อยากได้ก็จะแตกต่างออกไปเลย
มาที่ตัวบ้าน ถึงแม้จะออกแบบบ้านให้เป็น Tropical House ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยแนวสูงมากกว่าพื้นที่ใช้สอยที่ดินด้านกว้างของบ้านก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ยังมีพื้นที่ให้เดินรอบบ้าน โดยถ้าเป็นบ้านแฝดจะเป็น Space เปล่าๆ ด้านเดียว ขนาดความกว้างไม่น่าจะเกิน 1.5 – 2 ม. และไม่สามารถเดินรอบบ้านได้แน่นอน ส่วนถ้าขยับมาเป็นบ้านเดี่ยวรูปแบบ Brooklyn บริเวณรอบๆ บ้านจะมีขนาดกว้างขึ้น มี Space ครอบคลุม สามารถวิ่งรอบบ้านได้เลย ส่วนถ้าเป็นบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่สุดอย่าง Manhattan โครงการจะเน้นพื้นที่ใช้สอยของบ้านเต็มี่ดินบ้าน พื้นที่รอบบ้านจะห่างจากรั้วด้านนอกไม่เกิน 1 ม. แต่ด้านข้างบ้านด้านใดด้านหนึ่งจะมีพื้นที่ห่างจากรั้วประมาณ 3-4 ม. เลยทีเดียว ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับคนชอบจัดสวนหย่อม พื้นที่พักผ่อนด้านนอกบ้าน หรือกระทั่งสามารถใช้พื้นที่ไปทำสระว่ายน้ำได้เลย
ส่วนเมื่อเข้ามาด้านใน Layout ผนังของบ้านกลับถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนตามสไตล์บ้านเดี่ยว โดยมีไฮไลท์ของบ้านบริเวณห้องนั่งเล่นที่มีความสูงของเพดานที่ประมาณ 7 ม. ซึ่งถือว่าสูงมาก และสูงกว่าโครงการทั่วไปที่ทำเพดานแบบ Double Volume โดยหากเป็นความสูงเพดานของตัวบ้านของห้องอื่นๆ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 3 ม.
นอกจากนั้นจากภาพบ้านตัวอย่างที่ผ่านมา จะเห็นว่าบ้านทั้งทุกแบบในโครงการจะออกแบบให้มีบานกระจกที่มีขนาดใหญ่ตามชั้นแต่ละชั้น ซึ่งแน่นอนนอกจากเน้นดีไซน์ และเรื่องของแสงธรรมชาติ แล้ว เรื่องความปลอดภัยที่เป็นชื่อเสียงของ SC Asset ก็ยังคงมาตรฐานในระดับสูง เพราะกระจกที่เลือกใช้เป็นกระจก Tempered ที่มีการติดฟิล์มไว้ทั้งแผง โดยปกติหากเปรียบเทียบกับ Tempered แบบธรรมดา หากชำรุดเสียหายหรือแตกขึ้นมา จะแตกออกเป็นเม็ดๆไร้แนวแหลมคมช่วยลดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนหากกระจกแตก แต่ถ้าเป็นแบบติดฟิล์ตามที่ SC Asset เลือกใช้กับโครงการนี้เมื่อเกิดการแตกร้าวจะติดอยู่เป็นแผ่นเดียวกันทั้งแผ่น ถ้าจะให้เห็นภาพก็ประมาณฟิล์กระจกไอโฟนแตกแต่ก็ยังเอามาแนบประชิดหูโดยที่ไม่มีรอยบาดได้ อีกทั้งยังมอบสัญญาณกันขโมย Magnetic & Shock Sensor, Video Door Phone และกล้อง CCTV 5 จุดด้านนอกและด้านในบ้าน พร้อมหน้าจอแสดงผล ซึ่งในเรื่องความปลิดภัยนี้เองก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ SC Asset ดึงเข้ามาใช้กับโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
การวางทิศทางโครงการ
ทิศเหนือ: ทางเข้าโครงการเป็นถนนซอยปุณณวิถี ซึ่งเส้นทางหลักๆ ที่ผู้คนสัญจรไปมาส่วนใหญ่ คือ ซอยทับแก้ว 2 เป็นถนนก่อนที่จะถึงตัวโครงการ ดังนั้นถนนหน้าโครงการจึงมีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง
ทิศใต้: ที่ดินบุคคลอื่น
ทิศตะวันออก: บ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 2 ชั้น
ทิศตะวันตก: ที่ดินบุคคลอื่น เขยิบมาจะเป็นถนนซอยทับแก้ว 2 ที่เป็นถนนหลักในการใช้เป็นทางลัดไปสู่อุดมสุขหรือบางนาได้
Master Plan
จากแปลนยูนิตที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดจะอยู่บริเวณยูนิตหมายเลข 10 และ 16 ซึ่งเป็นสองยูนิตที่ติดกับสวนสาธารณะขนาด 1 ไร่ ถึงแม้ตัวบ้านจะหันออกไปเจอยูนิตฝั่งตรงข้าม แต่บริเวณรอบบ้านก็ยังก็ได้รับความเป็นส่วนตัวสูงสุดจากตำแหน่งที่ไม่ได้ใช้รั้วร่วมกับบ้านหลังอื่นเลย ส่วนยูนิตที่มีความเป็นส่วนตัวรองลงมาก็คือช่วงบล็อคยูนิตที่ 1-6 เพราะในซอยยูนิตจะมีเพียงฝั่งเดียวที่ 3 ยูนิตเท่านั้น ถึงแม้หลังบ้านจะติดกับยูนิตอื่น แต่บริเวณหน้าบ้าน ที่มีบานกระจกแบบ Full Height แทบจะไม่ต้องปิดม่านเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ เลย เพราะเมื่อมองออกไปจะไม่เห็นยูนิตฝั่งตรงข้าม แถมยังได้เปรียบในเรื่องของระยะทางที่ไม่ไกลกับสวนสาธารณะ และคลับเฮ้าส์ด้วย โดยในซอยอื่นๆ จะมียูนิตเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 8 ยูนิต ซึ่งถือว่าไม่เยอะมากสำหรับโครงการบ้านเดี่ยว
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
คลับเฮาส์ 2 ชั้น
สวนสาธารณะขนาด 1-0-96.8 ไร่
ห้องสมุด
สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4.3 x 13.7 ลึก 1.2 ม. พร้อมสระเด็กขนาด 1.5 x 8 ลึก 0.5 ม. มีระบบ Jacuzzi 3 จุด
ฟิตเนส
ระบบ CCTV ที่หน้าประตูทางเข้า – ออก และภายในโครงการ 27 จุด
Free Wifi
เข้า – ออก โครงการด้วยระบบ Easy pass
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ทั้งหลัง และ CCTV ในบ้านทั้งภายนอกภายใน 5 จุด
รีวิวภายในบ้านตัวอย่าง
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
พื้น
พื้นชั้นล่าง: กระเบื้องพอร์ซเลน Cotto Italia รุ่น B.Chezza Statuario
พื้นชั้นบน: Engineering Wood
พื้นห้องน้ำ: กระเบื้องเซรามิกผสมหินธรรมชาติ
พื้นห้องครัว: กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม.
พื้นลานจอดรถ: พื้นทรายล้าง
ผนัง
ผนังภายนอก: ฉาบปูนเรียบ ตกแต่งด้วยกระเบื้อง Kenzai และกระเบื้องเซรามิก
ผนังภายใน: ฉาบเรียบติด Wallpaper
พื้นจรดเพดานความสูง: 3 เมตร เฉพาะห้องนั่งเล่นจะมีความสูงอยู่ที่ประมาณ 7 เมตร (ขึ้นอยู่กับแบบบ้าน)
บันได: โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวลูกตั้ง ลูกนอน ด้วยไม้มะค่า
สุขภัณฑ์: สุขภัณฑ์บิวท์อินของ Kohler
แบบบ้านตัวอย่าง
Queens ที่ดิน 46.5 – 48.2 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 302 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาท
Queen เป็นบ้านขนาดเริ่มต้นของโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) มีลักษณะเป็นบ้านแฝด 3 ชั้น สามารถจอดรถได้ 3 คัน บริเวณด้านหน้าโครงการ จะมีทางเข้าออกหลักทางเดียวคือบริเวณด้านข้างบ้าน ส่วนบริเวณที่จอดรถจะเป็นบานกระจกแบบเลื่อนเป็นประตูสำหรับฟังก์ชั่นเอาของจากในตัวบ้านขึ้นหลังรถมากกว่าประตูเข้า – ออกบ้าน
เมื่อเข้ามาที่ประตูหลักของบ้านจะเป็นพื้นที่สำหรับห้องนั่งเล่น ประตูทางเข้าเป็นบานกระจกวงกบอลูมิเนียมแบบ Full Height ทำให้จากทางหน้าบ้านมีแสงธรรมชาติเข้าตลอดเวลา
ตรงข้ามชุดโซฟาจะเป็นผนังกั้นยาวออกมาจากผนังบ้านประมาณ 1.2 ม. สามารถติดตั้งทีวีขนาด 40-60 นิ้วติดผนังได้เลย ถัดไปจะเป็นในส่วนของทางเดินเชื่อมสู่ห้องรับประทานอาหารและห้องครัว บริเวณกลางบ้านจะเป็นตำแหน่งของบันไดทางขึ้นชั้น 2
ถัดมาด้านในจากพื้นที่นั่งเล่นโครงการจัดสรรไอเดียให้เป็นโต๊ะทำงาน ด้วย Layout ของผนังห้องที่เชื่อมต่อกัน หากมุมนี้ไม่ได้จัดเป็นโต๊ะทำงาน สามารถจัดพื้นที่ให้เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ได้ เพราะในส่วนนี้ด้านบนจะมีความสูงจากพื้นไปถึงเพดานอยู่ที่ประมาณ 7 ม. เหมาะที่จะตกแต่งเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนออกไปสู่สวนหลังบ้าน
พื้นที่หลังบ้านมีขนาดความกว้างพอให้เดินรอบบ้านได้ แบบบ้านจริงของโครงการจะปลูกหญ้าให้เหมือนบ้านตัวอย่างที่เห็นในภาพ
บริเวณมุมผนังด้านนนี้จะมีบานหน้าต่างสองมุม ไม่สามารถเดินเข้าออกจากทางนี้ได้แต่สามารถเปิดบานเพื่อขนของจากข้างนอกบ้านเข้ามา หรือ ขนจากด้านในออกไปยังลานจอดรถได้
โครงการจัดสรรไอเดียห้องครัวเป็นเคาท์เตอร์ครัวรูปตัว U เพื่อแบ่งส่วนห้องครัวกับโต๊ะรับประทานอาหารไว้อย่างชัดเจน
ห้องน้ำชั้นล่างมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีเพียงโถสุขภัณฑ์ และอ่างล้างหน้าแบบมีชั้นเก็บของใต้อ่างเท่านั้น และไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำ
ทางเดินเข้า – ออกหลังบ้านจากด้านนี้เป็นบานประตู HDF (ไม้อัดความหนาแน่นสูง) พร้อมระบบล็อค 2 ชั้น สามารถล็อคกุญแจได้จากด้านนอก
พื้นด้านนอกของหลังบ้านในส่วนนี้เป็นชานบ้านยื่นออกไปกว้างประมาณ 1.30 ม. เป็นพื้นที่ของโซนซักล้าง ด้านนอกโครงการติดตั้งระบบประปาและไฟฟ้าไว้ให้เรียบร้อย
ขึ้นมาที่ชั้นสองบริเวณชานพักบันไดเป็นมุมหน้าต่างรูปตัว L สามารถรับแสงได้สองทิศทาง เวลาเช้าถึงกลางวันแทบไม่ต้องเปิดไฟเลย
ที่ชั้นสองจากหน้าบันไดหากหันไปทางขวาจะเป็นทางเดินขนาดไม่ใหญ่มาก Layout ของห้องถูกจัดวางให้ใช้ผนังร่วมกันเพื่อประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอย โดยด้านหน้าจะเป็นห้อง Master Bedroom ทางขวามือจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่โครงการออกแบบให้เป็นห้องซักรีด
ส่วนจากหน้าบันไดถ้าหันมาทางซ้ายจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ไม่มีผนังกั้น โครงการออกแบบไอเดียให้เป็นห้องนั่งเล่น โดยสามารถเชื่อมต่อกับระเบียงบ้านชั้นสองที่หันไปทางหน้าบ้านได้ หากใครจะต่อเติมให้ส่วนนี้เป็นห้องนอนก็สามารถทำได้จากขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่พอสำหรับห้องนอนทั้งแบบเดี่ยวหรือแบบคู่
ระเบียงมีขนาดไม่กว้างมาก แต่เน้นพื้นที่ยาว จากหน้าบ้านความยาวของระเบียงจะช่วยสร้างดีไซน์ภายนอกให้กับตัวบ้านด้วย รวมไปถึงที่กั้นตกที่เป็นวัสดุกระจก Tempered และขอบจับที่เป็นอลูมิเนียมขัดเงาก็สามารถช่วยเรื่องความสวยของบ้านได้
พื้นที่โดยรวมของโถงบันไดชั้นสอง นอกจากจะเชื่อมต่อกับระเบียงด้านหน้าบ้านแล้ว ฝั่งตรงข้ามจะเป็นราวกั้นตกจาก Layout ของบ้านที่ทำ Floor to Ceiling พื้นที่ด้านล่างให้สูงขึ้นมาถึงเพดานชั้นสอง พื้นที่ใช้สอยส่วนนี้จึงหายไป
จากชั้น 2 มุมนี้จะสามารถมองลงมาเห็นพื้นที่ชั้นล่างได้เลย ข้อดีนอกจากความโปร่งโล่งสบายของพื้นที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองแล้วคือ สามารถตกแต่งโครมไฟแบบ Rain Chandelier เพิ่มความหรูหราของตัวบ้านได้
พื้นที่โดยรวมของห้องอเนกประสงค์ที่โครงการตกแต่งให้เป็นห้องซักรีด เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีระเบียงที่ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ซักล้างอยู่ด้านนอก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่หันไปทางด้านหลังบ้าน
ระเบียงด้านนอกมี Floor Drain ติดตั้งอยู่ เป็นฟังก์ชั่นที่ออกแบบมาเพื่อกันน้ำฝน และปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานในส่วนนี้ให้สามารถใช้งานแบบเปียกได้
ถัดมาจากห้องซักรีดเป็น Master Bedroom มีขนาดหน้ากว้างของตัวห้องประมาณ 2 ส่วน 3 ของความกว้างหน้าบ้าน มีบานหน้าต่างขนาดใหญ่ตามแนวผนังฝั่งหน้าบ้าน ผนังด้านบนของแบบบ้านจริงจะไม่มีช่องสำหรับติดตั้งรางม่าน ถึงแม้ภายในห้องจะมีฟังก์ชั่นหน้าต่างของตัวบ้านที่เน้นให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องก็ตาม
พื้นที่โดยรวมของ Walk in Closet สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดมาตรฐานได้สองตู้ โดยสามารถจัดองค์ประกอบของโต๊ะเครื่องแป้งให้อยู่ในห้องได้อยู่ แต่หากต้องการเน้นการเก็บเสื้อผ้าจะตกแต่งเป็นตู้เสื้อผ้าบิวท์อินรูปตัวแอล และใช้ฟังก์ชั่นโต๊ะเครื่องแป้งแบบยืนแต่งก็ยังได้อยู่
ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิกลายหิน ให้ความเรียบง่ายแต่ยังคงความหรูหรา โถสุขภัณฑ์ที่โครงการมอบให้มีรีโมทควมคุมติดอยู่ที่ผนังด้านข้าง ก็อกน้ำอ่างล้างหน้าเป็นแบบสองหัวสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาเชื่อมต่อกับก็อกบริเวณนี้ได้
เคาท์เตอร์และอ่างล้างหน้าที่โครงการมอบให้เป็นแบบมีชั้นเก็บของด้านล่าง จากภาพจะเห็นว่าด้านข้างอ่างล้างหน้ามีพื้นที่สำหรับวางของเหลือเยอะพอสมควร ทำให้การใช้งานบริเวณนี้มีความสะดวกมากขึ้น
ฝั่งตรงข้ามโถสุขภัณฑ์เป็นพื้นที่โซนเปียกที่รวมอ่างอาบน้ำไว้กับพื้นที่อาบน้ำ มีบานกระจกกั้นส่วนตามภาพ
พื้นที่อาบน่ำมีขนาดกว้างประมาณ 60-70 ซม. สามารถยืนอาบน้ำคนเดียวได้สบาย พร้อมปรับเปลี่ยนขอบอ่างอาบน้ำให้เป็นที่นั่งถูตัวก็สามารถทำได้
อ่างอาบน้ำเป็นไซส์มาตราฐาน แต่มีทั้งระบบจากุซชี่ และระบบทำน้ำวน ผนังด้านข้างอ่างโครงการทำเป็นบานหน้าต่างแบบฟิกซ์ และแบบช่อง Void ที่สามารถเปิดออกรับลมได้
โครงการมอบ Rain Shower ข้อสังเกตของบ้านระดับบนเรามักจะเห็น Rain Shower ที่ต่อท่อลงมาจากบนฝ้าเพดาน ซึ่งถือเป็นการเก็บงานของท่อน้ำไปในตัวด้วย แต่สำหรับโครงการ เดอะ เจนทริ ของ SC Asset จะมอบให้แบบต่อท่อมาจากด้านล่างเลย
โถงหน้าบันไดชั้น 3 เป็นทางเดินขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถจัดสรรให้เป็นห้องสมุดหรือห้องพระได้ โดยอาจจะปรับผนังด้านข้างเป็นชั้นหนังสือ และวางโซฟาเดี่ยว 2 ตัว พร้อมโต๊ะกลางได้ โดยยังเหลือพื้นที่ให้เดินเข้าออก
ห้องนอนที่ 2 มีขนาดไม่ใหญ่มากหากเปรียบเทียบกับ Master Bedroom แต่ก็สามารถวางเตียงขนาดคิงไซส์ โดยยังจัดวางโต๊ะหนังสือ ชั้นวางทีวีได้อยู่ ส่วนห้องนี้นั้น ตั้งอยู่ในตำแหน่งด้านหลังบ้าน โครงการจึงจัดสรรความเป็นส่วนตัวด้วยการทำมุมหน้าต่างด้านข้างบ้านแค่มุมเดียว
เขยิบมาอีกด้านของมุมห้องเป็นพื้นที่ของห้องแต่ตัว โครงการติดตั้งปลั๊กตัวเมียไว้ให้เรียบร้อยสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า ทางด้านขวามือจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ
เนื่องจากห้องนอนที่ 3 ตั้งอยู่ตำแหน่งที่หันไปทางหน้าบ้าน ฟังก์ชั่นการใช้งานของหน้าต่างจึงมีถึงสองมุม เปิดให้แสงธรรมชาติจากทางหน้าบ้านและด้านข้างบ้านเข้ามาได้ และยังอยู่ห่างจากระยะสายตาของบ้านยูนิตอื่นๆ ด้วยโดยหากเป็นตำแหน่งของห้องนอนที่ 2 ที่มีผนังหันไปทางหลังบ้าน อาจมีบางมุมที่ยูนิตที่ชิดกันด้านหลังบ้านมองผ่านกระจกมายังในห้องได้
ภายในห้องน้ำได้รับสุขภัณฑ์มาตรฐาน แต่โถสุขภัณฑ์ของห้องนอนที่ 2 และ 3 จะแตกต่างจาก Master Bedroom คือเป็นแบบธรรมดาไม่มีปุ่มควบคุม
บริเวณพื้นที่อาบน้ำโครงการไม่ได้มอบบานกั้นให้เหมือนห้องนอนที่ 2 แต่บริเวณห้องอาบน้ำทุกห้องจะมีบานหน้าต่างที่สามารถเปิดรับลมได้ทุกห้อง รวมไปถึงมาร์คจุดเครื่องทำน้ำอุ่น พร้อมเดินสายไฟซ่อนผนังไว้ให้เรียบร้อย
แบบบ้านจริง
Queens ที่ดิน 46.5 – 48.2 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 302 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาท
แบบบ้านจริงของบ้าน Queen แต่อยู่คนละตำแหน่งกัน มีการสลับฝั่งของพื้นที่นั่งเล่น แต่ Layout บ้านยังเหมือนเดิม
โครงการติดตั้งปลั๊กสัญญานโทรศัพท์ สัญญาณทีวี ปลั๊กไฟฟ้า ต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อย พร้อมวอลล์เปเปอร์ที่โครงการเลือกให้
ผนังที่เชื่อมต่อกับบริเวณห้อนั่งเล่นด้านหลังบ้านเป็นบานกระจกแบบ Full Height ตามภาพ หากเป็นยูนิตที่ใช้รั้วเดียวกับยูนิตด้านหลังบ้านก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความร้อน เพราะตัวบ้านแต่ละหลังมีความสูงกว่าบานกระจกตามภาพ ส่วนบริเวณด้านมุมซ้ายล่างของรูปเป็นกล้องวงจรปิดที่โครงการมอบให้ทั้งหมด 5 จุด ทั้งด้านนอกและด้านในบ้าน
พื้นที่บริเวณที่โครงการจัดสรรให้เป็นห้องรับประทานอาหาร เชื่อมต่อกับห้องครัวแบบปิดที่โครงการมอบส่วนกั้นให้เป็นประตูบานเลื่อนตอนเดียว
พื้นที่บริเวณห้องครัวปิดมีขนาดไม่ใหญ่มาก โครงการติดตั้งระบบประปา และระบบไฟไว้ให้เรียบร้อย ตามที่เห็นในบ้านตัวอย่างจะเห็นว่าผนังกั้นห้องส่วนนี้หายไปจึงทำให้บ้านดูโล่ง เพราะกลายเป็นบ้านแปลนเปิด
อีกฝั่งหนึ่งของพื้นที่ส่วนนี้เป็นห้องน้ำกลางที่ไม่สามารถอาบน้ำได้ มีเพียงโถสุขภัณฑ์ และอ่างล้างหน้า โดยจากบ้านจริงทำให้เห็นว่าพื้นที่ของห้องน้ำถูกกั้นส่วนให้เดินผ่านครัวจึงจะใช้งานได้
พื้นที่บริเวณชั้นสองเป็นทางเชื่อมไปสู่ห้องต่างๆ ไม่น่าจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่ใช้สอยอย่างอื่นได้
พื้นที่โดยรวมของโถงบันไดเป็นห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับระเบียงที่หันไปทางหน้าบ้าน สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือ ห้องอื่นๆ ได้
ถัดมาจากพื้นที่อเนกประสงค์ จะเป็นห้องที่โครงการตั้งใจออกแบบมาให้เป็นห้องซักรีด เพราะได้มีการติดตั้งระบบท่อน้ำสำหรับเครื่องซักผ้า และระบบไฟฟ้าต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อย
Master Bedroom ไม่มีระเบียง แต่จะเป็นบานหน้าต่างแบบ Full Height 2 จุด ด้านบนผนังโครงการไม่ได้เว้นพื้นที่สำหรับติดตั้งรางม่านมาให้ ริมผนังด้านในสุดโครงการติดตั้งปลั๊กสัญญานทีวี ปลั๊กไฟ และปลั๊กโทรศัพท์ไว้ให้เรียบร้อย
ที่ชั้น 3 โถงบันไดจะมีความกว้างมากกว่าพื้นที่ชั้นสอง สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นห้องพระหรือมุมอ่านหนังสือเล็กๆ ได้
พื้นที่โดยรวมของห้องนอนที่ 2 เป็นแปลนห้องแบบเปิดไม่มีผนังกั้นส่วน พร้อมมอบห้องน้ำในตัวและสุขภัณฑ์ให้
บริเวณที่อาบน้ำมีช่อง Void รับแสงที่สามาถแง้มเปิดออกได้ประมาณ 45 องศา เป็นบานกระทุ้งทั้งช่องเล็กและช่องใหญ่ รวมทั้งหมด 2 ช่อง
แบบบ้านตัวอย่าง
Manhattan ที่ดิน 63.1 – 105.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 448 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 28.9 ล้านบาท
บ้านแบบ Manhattan เป็นบ้านไซส์ใหญ่สุดของโครงการเดอะเจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) แบ่งออกเป็นแบบธรรมดาที่สามารถจอดรถได้ 3 คัน และแบบ Elite ที่สามารถจอดรถได้ 4 คัน โดยนอกจากพื้นที่จอดรถ และพื้นที่ใช้สอยของบ้านและที่ดินแล้ว Layout ภายในตัวบ้านก็มีความคล้ายคลึงกันแทบทุกส่วน
บริเวณ พื้นที่จอดรถ โครงการออกแบบพื้นจอดรถด้วยการเล่นลวดลายพื้นทรายล้างให้สามารถแบ่งช่องจอดได้ 3 คัน ทางด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าบ้านจากลานจอดรถ
พื้นที่ด้านข้างบ้านมีขนาดไม่กว้างมาก แต่ก็สามารถเดินได้ โครงการออกแบบบ้านให้มีพื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะทำให้พื้นที่ด้านนอกเหลือน้อยมากๆ
ด้านหน้าบ้านโครงการออกแบบให้มีทางเดินไปสู่พื้นที่พักผ่อนด้านข้างบ้าน ประตูทางเข้าหลักของตัวบ้านเป็นวัสดุบานไม้สัก ส่วนทางเข้ารองเป็นประตูกระจกบานเลื่อนวงกบอลูมิเนียมตอนเดียว
เข้ามาที่ด้านในบ้านจะเห็นว่าพื้นภายในด้านหน้าของตัวบ้านมีการดร็อบพื้นลงจากพื้นบ้าน ทำให้ในส่วนนี้ดูเหมือน เป็น Foyer ของตัวบ้านไปโดยปริยาย
ด้านในแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ บริเวณพื้นที่ นั่งเล่น พื้นที่ห้องรับประทานอาหาร และห้องอเนกประสงค์ด้านข้างบ้านที่เพิ่มเติมเข้ามา
จากประตูทางเข้าหลักหากหันมาทางซ้ายมือจะเป็นห้องนั่งเล่น โดยมีไฮไลท์คือเป็นห้องที่มี Floor to Ceiling สูงมาก อยู่ที่ประมาณ 7 เมตร พร้อมทั้งมุมหน้าต่างสองมุม ทำให้ห้องมีความโปร่งสบายมาก เรียกว่าพอแต่งออกมาทำให้เป็นจุดศูนย์กลางของครอบครัวในบ้านได้เลย
บริเวณด้านข้างบ้านโครงการจัดสรรเป็นชานบ้านยื่นออกมาจนเกือบถึงรั้วบ้าน ออกแบบเป็นพื้นที่พักผ่อนในสวนส่วนตัว จากขนาดพื้นที่ด้านข้างบ้านโซนนี้สามารถสร้างสระว่ายน้ำขนาดเล็กได้เลย
บริเวณกลางบ้านถัดมาจากโต๊ะอาหาร จะเป็นพื้นที่ Pantry เล็กๆ พร้อมทางเดินเชื่อมต่อไปสู่ห้องน้ำกลาง ห้องครัวปิด และห้องอเนกประสงค์
จากมุมนี้จะเห็นว่าจุดที่เป็นพื้นที่รับประทานอาหารมีบานกระจกเลื่อน 2 ตอนอยู่ทั้งด้านหลังและด้านข้าง ซึ่งเป็นเป็นพื้นที่ใช้สอยตรงกลางของบ้านทำให้บ้านดูโล่งโปร่งจากแสงธรรมชาติที่เข้ามา ถัดไปด้านในจะเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง บานกระจกฝั่งขวามือจะเป็นบานเลื่อนออกไปสู่สวนหลังบ้าน
บริเวณทางเชื่อมด้านหลังบ้านสามารถเข้า – ออก ได้สองทางทั้งจากทางฝั่งห้องครัวและฝั่งบันได โครงการออกแบบชานบ้านที่ยื่นออกไปด้วยวัสดุปิดทับเซรามิกลายหินสีดำ ซึ่งจะมอบให้จริงตามนี้
พื้นที่ด้านหลังบ้านมีขนาดไม่ใหญ่มากจาก Layout ของผนังบ้านที่สร้างเกือบเต็มพื้นที่ แต่ก็ยังมีที่เหลือพอให้คนเดินผ่านได้สำหรับงานระบบนอกบ้าน
ถัดมาจาก Pantry จะเป็นห้องครัวปิดมีขนาดใหญ่พอสมควร สามารถประกอบอาหารพร้อมกันได้ 3-4 คน หรือจะวางไอซ์แลนด์เกาะกลางครัวเพิ่มเข้าไปก็ยังสามารถประกอบอาหารได้สะดวก
ออกมาจากบานประตูในห้องครัวจะเป็นพื้นที่ซักล้าง โดยโครงการออกแบบให้โซนหลังบ้านตรงนี้เป็นในส่วนของแม่บ้าน ซึ่งสามารถเข้า – ออก บ้านได้จากตรงนี้เลย
ถัดมาเป็นห้องน้ำกลางชั้นล่าง สามารถอาบน้ำได้ โครงการใช้ Floor Drain กันกลิ่น แบบซ่อนพื้น พร้อมตกแต่งด้วยพื้นและผนังเซรามิกลายหิน ทำให้ห้องน้ำดูหรูหรา
ภายในห้องน้ำชั้นล่างประกอบด้วยโถสุขภัณฑ์แบบธรรมดา และอ่างล้างหน้า พร้อมบานกระจกสะท้อนเงาขนาดใหญ่ที่โครงการมอบให้
ถัดมาจากห้องน้ำเป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถจัดให้เป็นห้องพระ ห้องนั่งเล่น หรือโรงหนังส่วนตัวในบ้านก็ได้จากพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร
วัสดุของบันไดบ้าน Manhattan เป็นวัสดุเดียวกันกับบ้านแบบอื่นๆ ปิดลูกนอน ลูกตั้ง และราวบันไดด้วยไม้มะค่า พร้อมตกแต่งเชิงบัวสีขาวเก็บงานขอบบันไดสวยงามตามมาตรฐานโครงการ
บริเวณชานพักบันไดจะมีฟังก์ชั่นของบานกระทุ้งขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาบริเวณบันได ได้ แบบที่ช่วงกลางวันไม่ต้องเปิดไฟบ้านเลย
บันไดจะมี Layout ทางขึ้น – ลง เป็นรูปตัว U เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นโถงบันไดเล็กๆ ที่เชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆ
ถัดมาจากห้องอเนกประสงค์จะเป็นในส่วนของ Master Bedroom ที่มีการแยกส่วนของห้องซักรีดออกมา เพื่อความสะดวกรวดเร็วสำหรับการใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องขึ้น – ลง บันไดไปโซนแม่บ้าน
ถัดมาจากห้องซักรีดจะเป็น Master Bedroom พื้นชั้นสองเป็น Engineering Wood วัสดุไม้สังเคราะห์ที่ให้สัมผัสใกล้ไม้จริงมากที่สุด
Layout ข้องทางเดินใน Master Bedroom จะเป็นรูปตัว T บริเวณด้านในของห้องจะเป็น Walk in Closet โครงการออกแบบให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานแบบ His & Her โดยจากรูปจะเป็นพื้นที่แต่งตัวของผู้ชาย
อีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่แต่งตัวของผู้หญิง โดยสามารถติดตั้งบานประตู หรือ บานเลื่อนเพื่อความเป็นส่วนตัวได้
มองกลับมาจาก Walk in Clost ทางซ้ายมือจะเป็นในส่วนของห้องนอน ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องน้ำ จากมุมนี้ Layout ของทางเดินห้องกับ Walk in Closet จะเป็นรูป ตัว T กลับหัว
มาที่ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ มีการแยกส่วนอ่างอาบน้ำกับพื้นที่อาบน้ำไว้ชัดเจน พร้อมอ่างล่างหน้าบิวท์อินแบบ His & Her
โถสุขภัณฑ์ตั้งอยู่ตำแหน่งข้างเคียงกับอ่างอาบน้ำ รัศมีการใช้งานกว้างมากสามารถปรับท่วงท่าได้ทุกอริยาบถ
ฝักบัวที่โครงการมอบให้เป็นแบบด้ามจับแท่งเดียว ไม่สามารถปรับระดับน้ำได้ ด้านบนเป็น Rain Shower ที่ต่อท่อมาจากด้านล่าง ผนังด้านใน โครงการทำการดร็อบเข้าไปสามารถใช้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้
ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำจะเป็นห้องนอน มีขนาดกว้างมาก สามารถจัดห้องนั่งเล่น ห้องนอน ให้อยู่ใน Layout ผนังเดียวกันได้สบาย
จากภาพเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต ทำให้พื้นที่รอบเตียงเหลือเยอะ สามารถวางตู้ค้างเตียงได้สบาย หากอยากจะเปลี่ยนเป็นเตียง 6 ฟุต ก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินรอบเตียง
จากมุมเตียงจะเห็นว่าห้องเน้นพื้นที่ใช้สอยทางยาว จากผนังห้องที่มีความกว้างพอสมควร อาจจะปรับเปลี่ยนขนาดจอทีวีให้ใหญ่กว่านี้ได้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
ห้องนอน Master Bedroom เชื่อมต่อกับระเบียงที่หันออกไปทางหน้าบ้าน ขนาดของระเบียงเน้นพื้นที่ใช้สอยทางยาว ไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถออกมายืนรับลมได้ทั้งครอบครัว
บานกระทุ้งในบ้านทุกจุดเป็นระบบ Manual หมุนซ้าย หมุนขวา เพื่อเปิด – ปิด บานกระจก โดยในภาพเป็นรัศมีมากสุดของการเปิดกระจกออก
มาที่ชั้นสามบริเวณโถงบันได โครงการออกแบบ Layout ผนังให้ยื่นออกมาเป็นรูปตัว L พร้อมติดตั้ง ปลั๊กไฟไว้ให้ตามภาพ ทำให้มุมนี้สามารถใช้งานปรับเปลี่ยนรูปแบบพื้นที่ใช้สอยเป็นมุมอื่นๆในบ้านได้บนพื้นที่ไม่ใหญ่มาก
เมื่อเข้ามาจากโถงบันไดจะแบ่งออกเป็นห้องนอนที่ 2 และห้องนอนที่ 3 ห้องอเนกประสงค์ ทางออกไปสู่ระเบียงโดยมี Space ขนาดใหญ่ให้ผู้อาศัยเลือกจัดสรรพื้นที่ได้ตามใจชอบ
ฟังก์ชั่นของระเบียงที่ชั้น 3 ถือเป็นไฮไลท์ของตัวบ้านได้เลยเพราะมีขนาดใหญ่มาก จาก Layout ระเบียงจะเห็นว่าสามารถต่อเติมออกไปบริเวณชานบ้านด้านนอกที่เชื่อมต่ออยู่กับห้องนอนที่ 2 ได้เลย โดยพื้นที่ส่วนนี้โครงการตั้งใจออกแบบมาให้เป็นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์
จากประตูหน้าห้องมองเข้ามาจะเห็น Space กลางห้อง สามารถวางเตียง วางชุดโซฟานั่งเล่นได้สบาย โดยยังเหลือพื้นที่ให้เดินแบบไม่ชนเฟอร์นิเจอร์ในห้องเลย
พื้นที่โดยรวมของห้องนอนที่ 2 โครงการออกแบบให้มีเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ถัดไปด้านในจะเป็นมุมโต๊ะทำงานที่หันออกไปทางระเบียงบ้านของชั้น 3
โซนอาบน้ำโครงการมอบฝักบัวแบบปรับระดับน้ำให้ ก็อกน้ำเป็นแบบหัวผสมเปิดน้ำเย็น น้ำอุ่นได้ ในก็อกเดียว รวมไปถึงโครงการติดตั้งสายไฟซ่อนผนัง และมาร์คตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นให้เรียบร้อย
ต่อมาเป็นห้องนอนที่ 3 เป็นห้องนอนที่มีขนาดพอๆ กับห้องนอนที่ 2 สามารถจัดฟังก์ชั่นของห้องให้อำนวยความสะดวกได้ครบครัน ทั้งส่วนนั่งเล่น โต๊ะทำงาน ห้องแต่งตัว และห้องน้ำในตัว
Layout ห้องน้ำเป็นพื้นที่ใช้สอยทางยาว ประกอบไปด้วยอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ด้านในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำ
แบบบ้านจริง
Manhattan ที่ดิน 63.1 – 105.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 448 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 28.9 ล้านบาท
แบบบ้านจริงของบ้าน Manhattan สามารถจอดรถได้ 3 คัน ดีไซน์ภายนอกให้อารมณ์ปูนเปลือย แต่แท้จริงเป็นกระเบื้อง Kenzai และวัสดุนำเข้าจากอิตาลี
ประตูบ้านเป็นโครงเหล็กสูงไม่เกิน 2 ม. สามารถติดระบบประตูเลื่อนอัตโนมัติควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรลเพิ่มได้
สามารถเข้าบ้านได้ 2 ทาง ประตูทางเข้าหลักเป็นบานไม้สัก ประตูทางเข้าจากลานจอดรถเป็นบานกระจกเลื่อนตอนเดียว
พื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบ้าน มีไฮไลท์คือ Floor to Ceiling ที่สูงกว่า 7 ม.
ด้านหลังบ้านโครงการออกแบบให้ผนังของตัวบ้านห่างออกมาจากรั้วบ้านไม่เกิน 1 ม. เท่ากับระยะห่างหลังบ้านของแต่ละยูนิตจะห่างกันไม่ถึง 2 ม. แต่โครงการก็ออกแบบผนังหลังบ้านให้มีมุมหน้าต่างไม่เยอะมากเพื่อความเป็นส่วนตัว
ประตูทุกบานภายในบ้านเป็นประตู HDF (ไม้อัดความหนาแน่นสูง) บานตัน จากภาพเป็นพื้นที่ของห้องอเนกประสงค์เชื่อมต่อกับทางเข้าออกด้านข้างบ้านด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใสสองตอน
ถัดมาเป็นห้องอเนกประสงค์ที่บ้านตัวอย่างโครงการจัดให้เป็นห้องซักรีด โดยโครงการติดตั้ง Floor Drain และระบบประปาไว้ให้สำหรับฟังก์ชั่นการใช้งานแบบเปียกไว้ให้เรียบร้อย ทั้งในห้องด้านใน และระเบียงหลังบ้านด้านนอก
Master Bedtoom โครงการมอบประตูกั้นส่วนให้เรียบร้อย Layout ทางเดินของห้องจะเป็นรูปตัว T ด้านขวามือเป็นพื้นที่ของห้องนอนที่โครงการไม่ได้มอบบานกั้นโซนให้ ห้องนี้จะเป็นแปลนแบบเปิด ที่มีผนังยื่นออกมาเผื่อจะตกแต่งบานเลื่อนเพิ่มเติม
ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิกลายหิน ให้อารมณ์การตกแต่งแบบปูนเปลือยแต่ยังคงวัสดุที่ดี คงทน รักษาง่ายมากกว่า ฟังก์ชั่นในห้องน้ำเป็นแบบ His & Her ทั้งอ่างล้างหน้าแบบคู่ ห้องอาบน้ำที่แบ่งออกเป็นอ่างอาบน้ำ และห้องอาบน้ำ ส่วนโถสุขภัณฑ์จะเป็นระบบที่ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรลได้
พื้นที่ของ Walk in Closet ที่แบบบ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นมุมแต่งตัวของผู้หญิง ซึ่งระหว่าง 2 พื้นที่นี้จะมี Layout ของบานกระทุ้งอยู่ตรงกลาง
ด้านหลังบ้านโครงการออกแบบให้มีชานบ้านยื่นออกไปตามภาพ เป็นในส่วนของที่พักคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านหลังบ้าน
Layout บ้านชั้น 3 ผนังบ้านด้านหน้าบันไดเป็นรูปตัว L สามารถจัดชั้น ตู้ โซฟา เข้ามุมได้จากพื้นที่โถงทางเดินที่มีขนาดใหญ่พอสมควร
เมื่อเดินจากโถงบันไดเข้ามา จะเป็นในส่วนของทางเชื่อมสู่ห้องต่างๆ แบ่งออกเป็นห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องนอนที่ 2 และห้องนอนที่ 3
พื้นที่ของห้องอเนกประสงค์โดยรวมมีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถตกแต่งให้เป็นห้องพระ หรือ ห้องสมุดขนาดย่อมภายในบ้านได้
ถัดมาเป็นพื้นที่ของระเบียงชั้น 3 ที่มีชานบ้านยื่นออกมาจากตัวระเบียงอีกที เป็นฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับพักคอมเพรสเซอร์แอร์
จากภาพเป็น Layout ของห้องนอนที่ 2 มีขนาดใหญ่พอสมควรสามารถวางเตียงคิงไซส์ พร้อมชุดโซฟานั่งเล่น และโต๊ะทำงานได้อย่างเหลือพื้นที่สบายๆ ในห้อง
อีกด้านหนึ่งเป็นส่วนของห้องน้ำในตัว สามารถต่อเติมผนังเบากั้นส่วนห้องเพิ่มเป็นห้องแต่งตัวที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำได้สบายจากพื้นที่ของห้องนอนขนาดใหญ่
ทําเล & การเดินทาง
ศักยภาพทำเลโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
หากจะพูดถึงทำเลปุณณวิถีที่เป็นสุขุมตอนปลาย คงต้องกล่าวไปถึงศักยภาพทำเลสุขุมวิทตอนต้น ย้อนไปนับตั้งแต่มีรถไฟฟ้าต้องบอกว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีมีความน่าสนใจมาก ตามแนวรถไฟฟ้าของสุขุมวิทช่วงต้นพื้นที่เปล่าจะถูกพัฒนากลายเป็นโครงการระดับบน โดยมีการกระจุกตัวของกลุ่มบ้านเดี่ยวอยู่บริเวณทองหล่อ – เอกมัย ทำให้ตั้งแต่ดีตจนถึงปัจจุบันที่ดินบริเวณสุขุมวิทช่วงต้นจึงมีราคาที่สูงมาก คอนโดมิเนียมบริเวณนี้ขยับราคาพุ่งขึ้นสูงไปถึง 200,000 – 250,000 บาทต่อตร.ม. รวมไปถึงเซกเมนต์บ้านเดี่ยวที่แทบจะมองหาที่ดินในเมืองที่มีราคาต้นทุนที่ดินที่คุ้มค่ากับการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบขึ้นมาได้ เหล่าดีเวลลอปเปอร์ต่างๆ จึงค่อยๆ เริ่มเขยิบมาปักหมุดโครงการบริเวณที่เป็นจุดเชื่อมต่อหรือตัวเมืองชั้นนอกอย่างบริเวณ พระโขนง อ่อนนุช และปุณณวิถี
ตัวโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท เองมีที่ตั้งอยู่บนทำเลซอยปุณณวิถีหรือซอยสุขุมวิท 101 หากมองที่กฎหมายผังเมืองปัจจุบันจะเห็นว่าบริเวณปุณณวิถีอยู่ในพื้นที่สีส้ม ย.7 และ ย.6 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นปานกลาง ซึ่งจะแตกต่างจากพื่นที่ข้างเคียงอย่างบริเวณอุดมสุขไปถึงบางนาที่มีการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภท พ.3 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับพาณิชยกรรมที่สามารถดำเนินกิจกรรมได้หลากหลายมากกว่า ดังนั้นข้อได้เปรียบของปุณณวิถี ก็คือที่ดินที่มีราคาถูกกว่าเพราะจำกัดรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนา ในเซกเมนต์บ้านเดี่ยวส่วนใหญ่จึงมักได้พื้นที่ใช้สอยและที่ดินที่มากกว่าหากเขยิบออกไปโซนข้างเคียงที่มีแนวโน้มในการพัฒนาอาคารตึกสูงอื่นๆ ได้อีกในอนาคต
ทั้งนี้เองการที่ผังเมืองกำหนดสีบริเวณพื้นที่ปุณณวิถีให้เป็นพื้นที่สีส้ม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีแนวโน้มในการเจริญและเพิ่มมูลค่าที่ดินขึ้นไปในอนาคต เพราะบริเวณซอยปุณณวิถีที่เป็นซอยลัดไปสู่ถนนอ่อนนุช บางจาก และศรีนครินทร์นั้นเอง ถือเป็นหนึ่งในศักยภาพที่ดีของการคมนาคม นอกจากสถานี BTS ปุณณวิถีที่เป็นปัจจัยหลักในการเดินทางไปเชื่อมต่อเมืองชั้นในแล้ว เส้นทางคมนาคมที่เป็นทางลัดก็มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทำเลบริเวณนี้ โดยข้อได้เปรียบของการเป็นเส้นซอยทางลัด ก็คือความเจริญจากพื้นที่โดยรอบที่เชื่อมต่อกับซอยปุณณวิถีนี้ จะช่วยส่งอานิสงส์รัศมีความเจริญเข้ามาในซอยนี้จากทุกทิศทาง รวมไปถึงโซนบางนาที่มีการพัฒนาเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ก็ถือว่ามีผลกระทบในทางที่ดีกับซอยปุณณวิถี ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทั้งของทางภาครัฐ และเอกชน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง), โครงการ Light Rail บางนา-สุวรรณภูมิ ที่จะอยู่ห่างจากสุขุมวิท 101 เพียง 1 กิโลเมตร, โครงการศูนย์การค้า The Bangkok Mall และ BITEC Phase 2 ซึ่งทุกโครงการล้วนมีผลกระทบที่ดีต่อผู้อยู่อาศัยย่านปุณณวิถี
ทำเลที่ตั้งโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
พิกัดที่ตั้งโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) 13.693135, 100.622612
โครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 101 หรือ ซอยปุณณวิถี อยู่ห่างจากปากซอยฝั่งถนนสุขุมวิทที่เป็นตำแหน่งของ BTS สถานีปุณณวิธีที่ประมาณ 1.5 กม. หากอยู่ในชั่วโมงเร่งด่วนการขับรถออกมาจากโครงการมาสู่เส้นทางฝั่งถนนสุขุมวิทน่าจะใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที เนื่องจากซอยสุขุมวิท 101 ถือเป็นเส้นทางลัดที่มีถนนไม่กว้างมาก และผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่ก็มักเลือกเส้นทางนี้เป็นตัวนำไปยังจุดต่างๆ มากกว่าถนนสุขุมวิทที่มีการจราจรเป็นกราฟสีแดงตลอดทั้งวัน โดยเส้นทางลัดหลักๆ ที่ซอยสุขุมวิท 101 สามารถนำพาไปได้ คือ
จากสุขุมวิท 101 ไปสู่ถนนสุขุมวิท 77 (อ่อนนุช) และศรีนครินทร์
เมื่อเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยทับแก้ว 2 จะออกสู่ถนนวชิรธรรมสาธิต 29 ตรงมาเรื่อยๆ หากเลี้ยวขวาจะออกไปสู่ถนนหลักสุขุมวิท จากหน้าปากซอยสุขุมวิท 101/1 สามารถไปเชื่อมต่อ BTS อุดมสุขได้ในระยะทางประมาณ 500 ม. หากเลี้ยวซ้ายจะเข้าสู่ซอยวชิรธรรมสาธิต มุ่งตรงไปตามทางผ่านซอยวัดทุ่งเข้าสู่ถนนเลียบคลองเคล็ด ตรงไปประมาณ 1 กม. จะเข้าสู่ถนนอ่อนนุช 46 และสามารถใช้เส้นทางนี้มุ่งตรงออกไปยังซอยอ่อนนุชหรือซอยสุขุมวิท 77 ได้เลย ซึ่งหากเลี้ยวขวาก็จะสามารถไปเชื่อมต่อกับถนนศรีนครินทร์ได้
ในแง่ของเซกเมนต์บ้านเดี่ยวที่มีมูลค่ามากกว่า 15 ล้านบาทขึ้นไป และผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่มักจะใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง พอยท์หลักที่เป็นจุดเด่นนอกจากการเชื่อมต่อด้วยเส้นทางลัดไปยังที่ต่างๆ แล้วก็คือ ทางด่วนพิเศษต่างๆ ที่สามารถพาออกไปสู่โซนที่เป็นธุรกิจต่างๆ ได้ อาทิ
ทางด่วนพิเศษบูรพาวิถี
ทางฝั่งบางนาที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ ให้อาศัยเส้นทางลัดจากโครงการมุ่งมายังซอยทับแก้วออกมาสู่ซอยวชิรธรรมสาธิต หรือสุขุมวิท 101 / 1 แล้วเลี้ยวขวา ไปเพียง 500 ม. แล้วหักเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยอุดมสุข 24 มุ่งตรงไปเชื่อมกับซอยบางนา – ตราด 3 จะออกไปสู่ทางคู่ขนาน ถนนบางนา – ตราด และเชื่อมต่อเข้าสู่ทางด่วนพิเศษบูรพาวิถีไปยังบริเวณ เมกา บางนา (Mega Bangna) และสุวรรณภูมิที่เป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ได้
ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร
ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานครสามารถนำไปยังศูนย์กลางธุรกิจ โดยหากนับจากโครงการให้ใช้เส้นทางหลักในซอยสุขุมวิท 101 มุ่งหน้าออกมายังถนนสุขุมวิท จากนั้นเมื่อเลี้ยวขวาออกไปบนถนนสุขุมวิทให้เตรียมตัวเบี่ยงขวา ในระยะไม่เกิน 200 ม. จะเจอทางกลับรถ เมื่อกลับรถมาให้ชิดซ้ายไว้เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าสู่สุขุมวิท 62 เชื่อมต่อไปยังจุดขึ้นลงทางด่วนพิเศษศรีรัชทางขึ้น – ลง สุขุมวิท 62 และมุ่งหน้าไปยังจุดที่เป็น CBD ของกรุงเทพอย่างสีลม – สาทรได้สบาย
ความอุดมสมบูรณ์
นอกจากเรื่องของเส้นทางคมนาคมแล้ว เรื่องความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยสุขุมวิท 101 หรือ ซอยปุณณวิถีก็ถือว่ามีครบครันไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ จากความเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของกลุ่มผู้อาศัยทั้งหน้าเดิมหน้าใหม่ที่อัดแน่นอยู่ในซอย ในระยะเดินที่ 100 ม. จากหน้าโครงการเดินมาทางฝั่งถนนที่มุ่งหน้าออกไปถนนสุขุมวิทก็จะเป็นแหล่งกระจุกตัวของชุมชนมีทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากในซอยสุขุมวิท 101 เองเป็นชุมชนขนาดใหญ่พอสมควร โดยเฉพาะมีตำแหน่งที่ตั้งของโรงเรียนด้วย เรื่องความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ในการดำเนินชีวิตจึงไม่มีความน่าเป็นห่วง
การเดินทาง
เส้นทางที่ 1 จากสาทร
ให้เลือกใช้ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานครมุ่งตรงไปตามป้ายบางนา และเบี่ยงซ้ายไปตามป้ายรามอินทรา – บางนา จะเจอด่านเก็บเงินบางนาอัตราค่าบริการสำหรับรถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 30 บาท บริเวณนี้ในชั่วโมงเร่งด้วนรถจะติดมากแนะนำให้ติดตั้ง Easy Pass จะใช้เวลารวดเร็วกว่า เมื่อผ่านด่านเก็บเงินมาได้ให้มุ่งหน้าไปทาง บางนา – ดาวคะนอง วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนเจอป้ายทางออกสุขุมวิท 62 ให้ลงทางออกนั้น แล้วมุ่งหน้าออกไปยังถนนสุขุมวิท จากนั้นเลี้ยวขวาตรงไปบนถนนสุขุมวิทใต้แนว BTS ไปสักประมาณ 650 ม. จะเจอซอยปุณณวิถีหรือซอยสุขุมวิท 101 ตรงไปตามทางประมาณ 1.5 กม. จะพบกับโครงการอยู่หัวมุมซอย
เส้นทางที่ 2 จากทางบางนา
สามารถเลือกวิ่งบนทางคู่ขนานหรือใช้ทางพิเศษบูรพาวิถีมาลงบริเวณแยกบางนาฝั่งถนนสุขุมวิท จากนั้นวิ่งไปตามทางประมาณ 1 กม. จะเจอทางเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนวชิรธรรมสาธิต ตรงเข้าไปตามทางอีกประมาณ 1.4 กม. จะเจอทางเลี้ยวซ้าย หรือ ซอยวชิรธรรมสาธิต 29 ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทาง เชื่อมต่อไปสู่ซอยทับแก้ว 2 เมื่อออกมาจากซอยทับแก้ว 2 ให้เลี้ยวขวาไป ข้ามสะพานข้ามคลองลงมาก็จะพบกับโครงการเลย
เส้นทางที่ 3 BTS ปุณณวิถี
ถึงแม้โครงการจะเป็นรูปแบบบ้านเดี่ยวระดับบน แต่ก็มีตัวเลือกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้เช่นกัน จากที่ตั้งทำเลที่อยู่ไม่ห่างจากสถานี BTS ปุณณวิถีมากนัก โดยหากโดยสารมาโดยรถไฟฟ้าให้เลือกลงที่สถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถี ทางออกที่ 1 และใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ไปสู่โครงการในระยะทางไม่เกิน 2 กม. หรือ ประมาณ 20 บาท
หากเดินทางโดยรถยนต์ก็ให้วิ่งตามแนวรถไฟฟ้าบนถนนสุขุมวิทมาก่อนเจอซอยสุขุมวิท 101 หรือ ซอยปุณณวิถี จะเห็นสถานี BTS ปุณณวิถี ก่อนถึงซอย ให้เตรียมตัวเบี่ยงเข้าซ้ายเพื่อเข้าซอยตรงไปประมาณ 1.5 กม. จะพบโครงการอยู่หัวมุมซอยก่อนเลี้ยวขวาพอดี
บรรยากาศการเดินทางไปโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
จากหน้าปากซอยสุขุมวิท 101 จะเห็นว่าอยู่ติดกับ BTS สถานีปุณณวิถีเลย การจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนบริเวณนี้ถือว่าติดขัดพอสมควร แต่ในช่วงเวลาธรรมดาการจราจรก็มีความคล่องตัว
บรรยากาศภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพานิชย์ ตึกแถวสูงไม่เกิน 2 ชั้น ถนนภายในซอยเป็นถนนสองเลนส์ การจราจรคับคั่งตลอดทั้งวันเนื่องจากผู้สัญจรส่วนใหญ่ชอบเลือกใช้ซอยนี้ลัดเลาะไปยังถนนสายสำคัญสายอื่นๆ
เนื่องจากภายในซอยเป็นชุมชนดั้งเดิมสักส่วนใหญ่เรื่องของความสะดวกสบาย ร้านสะดวกซื้อจริงมีเป็นระยะๆ ตลอดเส้นทางจากปากซอยไปถึงตัวโครงการ
โครงการจะตั้งอยู่หลังสะพานข้ามคลอง ทางซ้ายมือจะเป็นซอยทับแก้ว 2 ที่สามารถลัดเลาะไปออกสุขุมวิท 77 หรือ ซอยอ่อนนุชได้ การจราจรจึงติดขัดพอสมควร แต่เขยิบไปเมื่อลงสะพานข้ามคลองด้านหน้าก็จะเป็นที่ตั้งของโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit)
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
ทำเลปุณณวิถี หรือ ซอยสุขุมวิท 101 ถือว่าตั้งอยู่ระหว่างแหล่งไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่ 2 จุดด้วยกัน คือ บริเวณสุขุมวิทช่วงต้นที่เชื่อมต่อมาสู่ BTS ปุณณวิถีได้ไม่ยาก ถึงแม้จะต้องอาศัยระยะทางกว่า 4 – 6 สถานีก็ตามในระยะ BTS แต่สำหรับการเดินทางเข้าออกบริเวณสถานีปุณณวิถีที่เรียกว่าคนไม่พลุกพล่านหรือหนาแน่นมาก ถือว่าเป็นจุด – ขึ้นลงที่สะดวกสบาย โดยทางสุขุมวิทช่วงต้นจะประกอบไปด้วยไลฟ์สไตล์ระดับบนทีตั้งอยู่ตั้งแต่ เอกมัย พร้อมพงษ์ ทองหล่อ ตั้งแต่สถานที่แฮงค์เอาท์ ไฮเปอร์มอลล์ ร้านอาหารญี่ปุ่น Em District เรียกว่าเป็นโซนที่อุดมสมบูรณ์และมีความครบถ้วนมากที่สุด
นอกจากบริเวณไลฟ์สไตล์ฝั่งสุขุมวิทช่วงต้นแล้ว อีกหนึ่งจุดที่สามารถมอบไลฟ์สไตล์การจับจ่ายใช้สอยได้อย่างครบวงจรไม่ต่างกันก็คือบริเวณแยกบางนาที่อยู่ไม่ไกลโครงการ ซึ่งโซนนี้ในอนาคตจะมี Bangkok Mall สรรพสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาช่วยมอบความสะดวกสบาย รวมทั้งไลฟ์สไตล์ระดับหรูให้กับผู้อยู่อาศัยโซนนี้ จากเดิมที่มี ไบเทค บางนา, เซ็นทรัล บางนา อยู่แล้ว ก็จะยิ่งคับคั่งไปด้วยผู้คนเมื่อมีการลงทุนภาคเอกชนขนาดใหญ่เข้ามา โดยเขยิบออกไปก็จะเป็นเมกา บางนา ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่มีทุกอย่างไม่แตกต่างห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเมือง ซึ่งในระยะขับรถสำหรับ 2 โซนที่กล่าวมานี้ต้องบอกว่าในช่วงที่การจราจรไม่ติดขัดอย่างวันเสาร์ – อาทิตย์ สามารถเชื่อมต่อไปถึงสถานที่ต่างๆ ได้ในระยะเวลาไม่ถึง 20 นาทีเลยทีเดียว
สถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า และตลาดสด
ตลาดอุดมสุข 3.2 กม.
Bangkok Mall 3.9 กม.
Tesco Lotus อ่อนนุช 3.8 กม.
ตลาดบางนา 3.9 กม.
Big C อ่อนนุช 4.1 กม.
ไบเทคบางนา 5.2 กม.
Central Plaza บางนา 5.3 กม.
SB Design Square 5.6 กม.
Gateway เอกมัย 5.9 กม.
Big C บางนา 6 กม.
เมเจอร์เอกมัย 6.1 กม.
ตลาดสดลาซาล 6.5 กม.
Mega บางนา 12.3 กม.
สถานพยาบาล
ร.พ.ศิครินทร์ 7.2 กม.
ร.พ.ไทยนครินทร์ 6.3 กม.
สถานศึกษา
วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ 2.4 กม.
วิทยาลัยเซาท์อีสต์บางกอก 4.4 กม.
โรงเรียนลาซาล 6.6 กม.
โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา 7 กม.
โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา 9 กม.
โรงเรียนนานาชาติ St. .Andrews 5.9 กม.
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ
หากจะพูดถึงศักยภาพทำเลของช่วงสุขุมวิทตอนปลายในแง่ของตลาดบ้านเดี่ยว คงต้องมองภาพรวมของตลาดบ้านเดี่ยวลักซัวรี่ในปีที่ผ่านๆ มา ซึ่งต้องบอกว่ากระแสการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีราคาตั้งแต่ 15 ล้านขึ้นไปมาแรงมาก จากปัจจัยในเรื่องที่ดินที่มีมูลค่ามหาศาล และผลของเศรษฐกิจไม่ได้มีผลกระทบกับตลาดระดับบนมากนัก จึงทำให้เหล่าดีเวลลอปเปอร์หยิบเอาที่ดินราคาแพงที่อยู่ในเมืองมาพัฒนาโครงการ โดยที่ดินที่น่าสนใจของตลาดแนวราบจะถูกแยกออกมาจากที่ดินในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมชัดเจน หากพูดให้เห็นภาพก็คือเซกเมนต์ของคอนโดมิเนียมจะอยู่บริเวณติดกับถนนแนวถนนที่มีรถไฟฟ้า แต่เซกเมนต์ของบ้านเดี่ยวจะถูกขยับเข้ามาในซอยที่มีรัศมีไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ก็สามารถขับรถไปเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญหรือตามแนวรถไฟฟ้าเหล่านั้นได้ในระยะไม่เกิน 3 กม.
มองมาที่ภาพรวมของศักยภาพซอยปุณณวิถีหรือสุขุมวิท 101 ถึงแม้ตลาดของผู้อยู่อาศัยสำหรับบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมจะมีความต้องการแตกต่างกัน แต่ด้วยมูลค่าโครงการในราคาที่เท่าๆ กันของบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า จะสามารถเห็นได้ถึงข้อแตกต่างของโปรดักส์ทั้งสอง โดยคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่บริเวณรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถีจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อตารางเมตร แต่เขยิบออกมาห่างจากรถไฟฟ้าในซอยปุณณวิถี ซึ่งเป็นทำเลที่มีการลงทุนของบ้านเดี่ยวสูงจะมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 80,000 – 85,000 บาท และแบบบ้านส่วนใหญ่จะเป็นบ้านแนวใหม่ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยหรือ Vertical House ที่เป็นบ้านแนวสูงโดยขนาดที่ดินไม่ใหญ่มาก แต่เน้นพื้นที่ใช้สอยเยอะ และผลิตออกมาเป็นโปรดักส์ที่มีมูลค่าอยู่ในระดับบน ซึ่งจุดนี้แสดงให้เห็นว่าที่ดินบริเวณซอยปุณณวิถีน่าจะมีราคาค่าที่สูงพอสมควร และเป็นทางเลือกของกลุ่มผู้อยู่อาศัยระดับบนที่ไม่สามารถหาที่อยู่อาศัยแนวราบบริเวณสุขุมวิทช่วงต้นได้
ในแง่ของบ้านเดี่ยว สิ่งที่มีมูลค่าที่สุดก็คือที่ดินของเนื้อที่บ้าน แน่นอนว่ายิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งสามารถเพิ่มมูลค่าได้มากในอนาคต แต่กลับตัวโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) นี้เองต้องบอกว่าโปรดักส์นี้จัดอยู่ในความต้องการของครอบครัวที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตในเมืองได้แบบครบวงจร และเลือกที่จะอยู่อาศัยจริงบนบ้านเดี่ยวมากกว่าคอนโดฯ โดยไม่ได้สนใจในเรื่องของการลงทุน
ในระดับราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาทของโครงการ เดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) กับพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 302 ตร.ม. ถามว่าคุ้มไหม ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อยู่อาศัย เพราะจากการสำรวจตลาดบ้านเดี่ยวในซอยปุณณวิถี หากอัพราคาขึ้นไปที่ 40 ล้านจะได้บ้านมือสองที่มีพื้นที่ดินกว่า 200 ตร.ว. บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 740 ตร.ม. หากมองมาที่ตัวโครงการในราคาจะอยู่ระดับเดียวกับแบบบ้าน Manhattan Elite แบบบ้านขนาดใหญ่สุด แต่จะได้รับที่ดินไม่เกิน 90 ตร.ว. บนพื้นที่ใช้สอยประมาณ 500 ตร.ม. แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนส่วนต่างอื่นๆ ก็คือ ความสด ความใหม่ ความเป็นบ้านมือหนึ่ง และมีฟังก์ชั่นการใช้งานของตัวบ้านที่เพียบพร้อมกว่า ปลอดภัยกว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า
ทั้งนี้การเปรียบเทียบกับตลาดบ้านหรูมือสองในซอยปุณณวิถีที่กล่าวมา เนื่องจากที่ดินบริเวณนี้มีราคาเพิ่มขึ้นตลอด และมีการซื้อขายเปลี่ยนมือบ้านหรูระดับ Luxury ตลอด โดยในปัจจุบันจาก BTS ปุณณวิถีถัดไปในระยะไม่เกิน 2 กม. ในราคา 20 ล้านบาทก็สามารถซื้อที่ดินเปล่าได้ 200 ตร.ว. ดังนั้นการเปรียบเทียบในส่วนนี้จึงถือเป็นหนึ่งในข้อมูลให้ผู้บริโภคตัดสินใจ
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
โครงการ นันทวัน บางนา กม.7
ผู้พัฒนาโครงการ : บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กทม.
ลักษณะโครงการ: บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 371 ยูนิต
พื้นที่โครงการ: 220 – 2 – 0 ไร่
รูปแบบบ้าน: ที่ดินเริ่มต้น 80 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 275 ตร.ม. 3-5 ห้องนอน 4-6 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3-4 คัน
ราคาเริ่มต้น: 20 ล้านบาท
โครงการ ดิ เอวา เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: ถนนสุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม.
ลักษณะโครงการ: บ้านเดี่ยว 3 ชั้น
รูปแบบบ้าน: พื้นที่ใช้ซอยเริ่มต้น 299 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ที่จอดรถ 2 คัน
ราคาเริ่มต้น: 25 ล้านบาท
สรุป
หากมองในแง่ของทำเลและตัวโปรดักส์ของโครงการเดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) ต้องบอกว่าในระแวกเดียวกันเซกเมนต์ของโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 15 ล้านขึ้นไป ถือว่ายังมีไม่มาก บ้านเดี่ยวส่วนใหญ่จะเป็นการหยิบที่ดินเปล่ามาพัฒนาหรือปลูกบ้านเดี่ยวขึ้นเอง ซึ่งมีงบประมาณที่สูงพอสมควร
ดังนั้นจากกลุ่มผู้อาศัยที่มีกำลังซื้อที่ดินและปลูกบ้านเองที่เข้ามาปักหมุดที่อยู่อาศัยบริเวณนี้ ทำให้เห็นถึงการขยับขยายความเจริญออกมาบริเวณนี้ จากความสะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทที่อยู่ไม่ไกลก็ดี หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในซอยก็มีผลกระทบให้คนส่วนใหญ่ที่สู้กำลังบ้านเดี่ยวในเมืองชั้นในไม่ไหว เข้ามาอยู่อาศัยบนทำเลสุขุมวิท 101 หรือ ซอยปุณณวิถี
นอกจากที่กล่าวมาไฮไลท์ที่เด่นที่สุดก็คือเส้นทางภายในซอยที่ลัดเลาะออกไปยังถนนสายสำคัญและเชื่อมต่อกับเมืองชั้นในได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณอ่อนนุช บางจาก ศรีนครินทร์ หรือสามารถเชื่อมต่อไปยังแหล่งงานขนาดใหญ่อย่างสีลม – สาทร ด้วยทางพิเศษมหานครก็ได้ หรือจะใช้ทางพิเศษบูรพาวิถี ออกไปทาง เมกา บางนา หรือสุวรรณภูมิ แต่ด้วยศักยภาพของทำเลดังที่กล่าวมาก็ต้องแลกกับการจราจรที่ติดขัดอย่างรุนแรงในชั่วโมงเร่งด่วน
นอกจากจุดแข็งของการเดินทางสำหรับคนใช้รถยนต์แล้ว อีกหนึ่งจุดก็คือเรื่องดีไซน์ ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว ที่ถือเป็นตัวชูโรงของบ้าน SC Asset และทางดีเวลลอปเปอร์ก็สามารถตอบโจทย์ 3 สิ่งนี้ได้อย่างครบถ้วน แต่ทั้งนี้เองก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงพอสมควร เรียกได้ว่าสามารถนำเงินก้อนนี้ไปซื้อที่ดินขนาดใหญ่สร้างบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าขึ้นมาได้ แต่ทั้งนี้เองก็ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้บริโภค
ทั้งเองนี้ต้องบอกว่า โครงการเดอะ เจนทริ สุขุมวิท (The Gentry Sukhumvit) จึงเหมาะกับผู้อาศัยเฉพาะกลุ่มมากๆ อาจจะเป็นกลุ่มผู้อาศัยที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวที่ใกล้เมืองชั้นใน แต่สู้ราคาบ้านเดี่ยวในหัวเมืองไม่ไหวก็ถือว่าเหมาะสมที่จะย้ายถื่นฐานเข้ามาโครงการนี้ ที่สำคัญด้วยดีไซน์ที่แปลกใหม่ ทันสมัยก็ถือเป็นจุดเด่นที่น่าจะดึงดูดกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่มีความชอบเฉพาะตัว
สุดท้ายนี้จากข้อมูลโครงการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้ง โปรดักส์ หรือ ราคา ก็ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบสอดคล้องต่อราคา ดังนั้นนอกจากขนาดที่ดินหรือพื้นที่ใช้สอยที่ได้มาแล้ว ก็ต้องกลับมาดูในเรื่องของ Facility ต่างๆ ของโครงการด้วยว่ามีความคุ้มค่า และตอบโจทย์แล้วหรือยัง ก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะความต้องการของบ้านระดับบนสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการอยู่อาศัยจริงนั้น นอกจากจุดแข็งภายในตัวโครงการแล้ว เรื่องที่เป็นจุดแข็งภายนอก อาทิ ทำเลที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก สิ่งแวดล้อมรอบๆ โครงการ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนที่มีผลต่อการตัดสินใจของคนที่กำลังมองหาบ้านใหม่