The Shelter โครงการบ้านเดี่ยว และโฮมออฟฟิศตั้งอยู่ในย่านธุรกิจชั้นนำ เพชรเกษม–พุทธมณฑลสาย 5 บนทำเลที่ดีที่สุดติดถนนเพชรเกษม เดินทางเข้าออกโครงการได้ง่าย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่เชื่อมต่อถึงพุทธมณฑลสาย 4 ในอนาคต กับราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท
ด้วยแรงการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ย่านบางนา ที่ขยายตัวไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์อย่างโกลเด้นแลนด์เดินหน้าเปิดขายบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ เฟส 2 ภายใต้แบรนด์ “เดอะแกรนด์ บางนา – วงแหวน (The Grand Bangna – Wongwaen Phase II)” โดยชูจุดเด่นรูปแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น เจเปนนีส (Modern Japanese) เน้นพื้นที่ใช้สอยแบบกว้างขวาง พร้อมพื้นที่ส่วนกลางถึง 50% กับราคาขายเริ่มต้นสุดคุ้ม 10 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างสังคมอยู่อาศัยแบบมีคุณภาพ ให้มีความน่าอยู่ ไม่แออัด และถึงแม้ที่ตั้งของโครงการจะอยู่แถบชานเมือง แต่ด้วยจุดเด่นของถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก ที่เชื่อมต่อกับเส้นบางนา-ตราด ลาดกระบัง สุขุมวิท 77 (อ่อนนุช) รวมถึงยังใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ จึงทำให้ผู้อยู่อาศัยสะดวกสบายต่อการเดินทางเข้า-ออกเมือง
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2559)
• ชื่อโครงการ: เดอะ แกรนด์ บางนา – วงแหวน เฟส 2 (The Grand Bangna – Wongwaen Phase II)
• ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) ในเครือโกลเด้นแลนด์: GOLD
• ทำเลที่ตั้ง: ถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 66 ไร่ 3 งาน 83.5 ตร.ว.
รูปแบบโครงการ: บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 147 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: เน้นรองรับลูกค้ากลุ่ม A+ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่และบริเวณโดยรอบ
สถานะก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างปี 2555 คาดว่าแล้วเสร็จ 100% ทั้งโครงการประมาณเดือนธันวาคม ปี 2560
ระบบความปลอดภัย: Double Security, Auto Side Gate, Pass Card ในการผ่านเข้า-ออก, กล้อง CCTVและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
ส่วนกลาง: คลับเฮ้าส์ ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนหย่อม
ที่จอดรถ: สามารถจอดได้ 3-6 คัน/ ยูนิต
สถานะการขาย: ขณะนี้ขายไปแล้วกว่า 60%
ค่าส่วนกลาง: 30 บาท/ ตร.ว. / เดือน (ชำระล่วงหน้า 3 ปี นับจากวันโอนกรรมสิทธิ์)
ราคาเริ่มต้น: 10 – 18 ล้านบาท
ราคาขายเฉลี่ย: 140,000 บาท / ตร.ว.
เงื่อนไขการชำระเงิน: จอง 200,000 บาท ทำสัญญา 500,000 บาท พร้อมค่างวด 20 %
เว็บไซต์โครงการ: goldenland.co.th
รูปแบบบ้าน: บ้านเดี่ยวหรู สไตล์โมเดิร์น เจเปนนีส 2 ชั้น มี 3 แบบ ได้แก่
Ryuu ขนาด 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ พื้นที่ทำงาน ห้องแม่บ้าน 6 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 406 ตร.ม. บนเนื้อที่ 110 ตร.ว.
Masaru ขนาด 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 322 ตร.ม. บนเนื้อที่ 81 ตร.ว.
Sachi ขนาด 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 288 ตร.ม. บนเนื้อที่ 74.5 ตร.ว.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
เดอะแกรนด์ บางนา – วงแหวน ภายหลังจากการประสบความสำเร็จสามารถปิดการขายเฟส 1 ได้ในระเวลาอันสั้น ด้วยสไตล์บ้านที่โดดเด่นเน้นความทันสมัย และการใช้วัสดุเกรดพรีเมียมทั้งภายในภายนอก จึงนำความพิเศษดังกล่าวมาสานต่อเฟส 2 พร้อมเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการด้วยสไตล์บ้านโมเดิร์น เจเปนนีส (Modern Japanese) ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องความกว้าง ทำให้ตัวบ้านดูใหญ่ โอ่อ่า อีกทั้งยังใช้กำแพง Stone Wall ดังนั้นผู้อยู่อาศัยจึงสัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งด้วยที่ตั้งอยู่ห่างจากถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก ประมาณ 200 เมตร ด้วยเหตุนี้จึงไม่ประหลาดใจเลยว่าทำไมบรรยากาศภายในโครงการค่อนข้างเงียบ มีความเป็นส่วนตัว และแม้ว่าบริเวณเฟส 2 จะมีลำคลองตัดผ่าน แต่ทางโครงการได้คำนึงถึงความปลอดภัย จึงได้ทำการล้อมรั้วรอบโครงการตามกฎหมายระบุไว้คือ 3 เมตร พร้อมทำรั้วต้นไม้อีกชั้น ประกอบกับบริเวณทางเข้าหลักของโครงการ เจ้าของโปรเจกต์ยังออกแบบให้เป็น Double Security โดยใช้ระบบประตูโครงการอัตโนมัติ Slide Gate พร้อมระบบ Long Range Vehicle Accesses Control System รวมถึงการผ่านเข้า-ออก ด้วย Pass Card ในระยะไกล โดยไม่ต้องเปิดกระจกแตะบัตรให้เสียเวลา ซึ่งทำให้ผู้อยู่อาศัยสะดวกสบายขึ้น
จากภาพ Google Map จะเห็นว่าพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ แม้จะอยู่ริมถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก แต่แปลนที่ดินของส่วนบ้านพักจะห่างจากถนนประมาณ 200 เมตร ซึ่งจะพบโซนเฟส 1 ก่อน โดยจะถูกล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียว และทะเลสาบ ส่วนเฟส 2 จะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน โดยมีคลองเคล็ดกั้นอยู่ นอกจากนี้จะเห็นว่าทางฝั่งทิศใต้จะติดที่กับที่ดินเปล่า อนาคตบริเวณนี้จะเป็นหมู่บ้านจัดสรรของโครงการสวนหลวงวิลล์ ส่วนทิศเหนือ จะเป็นทุ่งหญ้า ทิศตะวันตก มีคลองกั้นระหว่างพื้นที่ของโครงการ กับหมู่บ้านสวนหลวงวิลล์
จะเห็นว่าทางเข้าส่วนบ้านพักอาศัย นั้นอยู่ด้านใน โดยเข้าไปประมาณ 200 เมตร จะพบซุ้มทางเข้าลักษณะ Double Security
จากรูปจะเห็นว่าพื้นที่ของโครงการ บริเวณทางเข้าส่วนพักอาศัย จะติดกับโรงเรียนคลองปักหลัก โดยมีรั้วสูง 3 เมตรกั้น อีกทั้งทางโครงการยังได้ทำรั้วต้นไม้ขึ้นมาอีกชั้น นอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัย
ซุ้มทางเข้าหลักของโครงการ เป็นลักษณะ Double Security โดยแบ่งทางเข้าอยู่ฝั่งซ้าย ทางออกอยู่ขวามือ ดังรูป และสิ่งแรกที่พบนอกจากป้อมยาม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมระบบผ่านเข้า-ออก Pass Card ลักษณะคล้ายกับ Easy Pass บนทางด่วน แล้ว ยังมี Auto Slide Gate อีกชั้น
เมื่อเข้ามาในโครงการ จะเห็นว่าสิ่งแรกที่พบ และดูเหมือนหลายคนจะกังวลนั่นคือ เสาไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งเป็นสิ่งนอกเหนือการควบคุมของโครงการ ดังนั้นเจ้าของโปรเจคจึงแก้ปัญหาด้วยการออกแบบบริเวณดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะ รวมถึงทะเลสาบ เพื่อให้ห่างจากรัศมีของบ้านพักอาศัยประมาณ 30 เมตร ทั้งนี้เพื่อสร้างความอุ่นใจเรื่องความปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัย
โซนเฟส 2 ของโครงการเดอะ แกรนด์ บางนา – วงแหวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อให้เสร็จ 100 % ตามกำหนดคือช่วงปลายปีหน้า
จากรูปจะสังเกตว่าด้วยแนวคิดหลักของโครงการ ที่ต้องการแทรกพื้นที่สีเขียวเข้าไปในทุกยูนิต ดังนั้นแม้แต่ฟุตปาธยังปลูกหญ้าให้ด้วย
แบบบ้าน Sachi ซึ่งเป็นยูนิตเล็กสุดของโครงการ โดยมีพื้นที่ใช้สอย 288 ตร.ม. บนเนื้อที่ 74.5 ตร.ว. สามารถจอดรถได้ 3 คัน ภายในประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น และห้องแม่บ้าน โดยยังคงเป็นสไตล์ โมเดิร์น เจเปนนีส (Modern Japanese)
แบบบ้าน Masaru เป็นยูนิตขนาดกลางของโครงการ และด้วยความกะทัดรัดจึงทำให้ขายดีสุด โดยมีพื้นที่ใช้สอย 322 ตร.ม. บนเนื้อที่ 81 ตร.ว.สามารถจอดรถได้ 3 คัน ภายในประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น และห้องแม่บ้าน
แบบบ้าน Ryuu เป็นยูนิตใหญ่สุดของโครงการ มีพื้นที่ใช้สอย 406 ตร.ม. บนเนื้อที่ 110 ตร.ว. ด้วยฟังก์ชั่นเนื้อที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง จึงทำให้สามารถจอดรถได้ถึง 6 คัน โดยภายในประกอบไปด้วย 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ พื้นที่ทำงาน และห้องแม่บ้าน
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
ด้วยวัตถุประสงค์หลักของดีเวลลอปเปอร์อย่างโกลเด้นแลนด์ ที่ต้องการให้โปรเจคบ้านเดี่ยวอย่าง เดอะ แกรนด์ นั้นนอกจากจะมีความเป็นส่วนตัว รวมถึงการออกแบบบ้านยังต้องกว้างขวาง เน้นฟังค์ชั่นต่างๆ แล้ว สภาพแวดล้อมที่ดี ก็ถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักสำคัญของแบรนด์นี้ ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงถูกอัดแน่นไว้ในคลับเฮาส์หรูดีไซน์โมเดิร์นลักษณะทรงเรขาคณิต หรือรูปแบบ Dynamic Diagonal Design โดยภายในประกอบไปด้วยล็อบบี้ ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ Free Form พร้อม Bubble Jet ระบบเกลือ ส่วนบรรยากาศโดยรอบของโครงการทั้งเฟส 1 และ 2 ทางเจ้าของโปรเจคได้สอดแทรกพื้นที่สีเขียวอย่างสวนสาธารณะ พร้อมด้วย Jogging Loop รวมถึงสวนพักผ่อนแนว Modern Green เพื่อสร้างความร่มรื่นให้กับผู้อยู่อาศัย อีกทั้งยังนำกังหันสีขาวขนาดใหญ่ สัญลักษณ์ของโครงการมาตั้ง เพื่อสร้างความสะดุดตาให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา
ภายในคลับเฮ้าส์ มีสระว่ายน้ำลักษณะรูปทรงเรขาคณิตอยู่ด้านหน้า เป็นระบบเกลือ มีความลึก 1.20 เมตร พร้อมสระเด็กลึก 0.6 เมตร ตามมาตรฐาน
ด้านในคลับเฮ้าส์ชั้นล่าง เป็นพื้นที่ของล็อบบี้ ที่ถูกล้อมรอบด้วยกระจก โดยขณะนี้เป็นสำนักงานขายของโครงการ
และหากขึ้นมาชั้น 2 จะพบห้องออกกำลังกาย ภายในมีเครื่องเล่นได้แก่ ลู่วิ่ง 2 เครื่อง จักรยาน 3 เครื่อง ที่ยกน้ำหนัก และอื่นๆ โดยถูกล้อมรอบด้วยกระจกอีกเช่นเคย
นอกจากนี้ภายในเฟส 2 ยังมีพื้นที่สวนหย่อมอยู่บริเวณตรงกลาง และจากรูปสำหรับบ้านพักอาศัยที่เห็น คือเป็นของเฟส 1 ที่ขายไปแล้ว 90 %
รีวิวภายในโครงการ
พื้น: กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. บริเวณชั้นล่าง ส่วนชั้นบนปูด้วยปาร์เก้ไม้มะค่าขนาด 4 x 14 นิ้ว
ความสูงพื้นจรดเพดาน: 2.75 เมตร
ระบบไฟ: Downlight
พื้นที่ใช้สอย: 288 – 322 ตร.ม.
ประตู: ประตูบานเลื่อน กระจกตัดแสงสีเขียว พร้อมกรอบอะลูมิเนียมสีดำ และประตูบานไม้สัก สำหรับยูนิต Ryuu
สุขภัณฑ์ห้องน้ำ: Victor และ American Standard
บ้านตัวอย่างแบบ Ryuu เป็นสไตล์โมเดิร์น เจเปนนิส (Modern Japanese) ซึ่งนอกจากจะมีเอกลักษณ์เรื่องความกว้าง และขนาดใหญ่แล้ว ยังได้ตกแต่งกำแพงบ้านด้านหน้าเป็นแบบ Stone Wall อีกทั้งจะเห็นว่าบริเวณที่จอดรถ สามรถจอดได้ถึง 6 คันเลยทีเดียว
หน้าบ้าน มีมุกยื่นออกมา โดยประตูทางเข้าภายในบ้านเป็นบานไม้สัก พร้อมกระจกตัดแสง ทำให้เพิ่มความหรูหราให้กับบ้าน
และด้วยขนาดพื้นที่ของบ้านที่ค่อนข้างกว้าง ด้านข้างจึงสามารถติดตั้งสระว่ายน้ำเพิ่มเติมได้ หรือบางบ้านอาจทำเป็นห้องอเนกประสงค์เพิ่มเติมได้
สวนด้านข้างที่โครงการออกแบบให้จะมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น ด้วยต้นไผ่ หรือการนำหินมาประกอบกับการจัดสวน
ส่วนบริเวณที่วางทีวี จากรูปโครงการได้ติดวอลเปเปอร์แบบกระจก เพื่อช่วยให้บ้านดูโปร่ง กว้างมากขึ้น ที่สำคัญยังทำให้ดูหรูอีกด้วย
เข้ามาด้านใน สามารถตกแต่งเป็นห้องกินข้าวได้ดังรูป โดยสามารถนำโต๊ะกินข้าวขนาด 6 ที่นั่งมาวางได้ ซึ่งบริเวณนี้ จะมีประตูบานเลื่อนออกไปบริเวณสวนด้านข้างบ้าน ซึ่งเป็นการถ่ายเทอากาศได้ดี ทำให้บ้านเย็น
โดยสามารถตกแต่งเป็นห้องอ่านหนังสือ หรือห้องทำงาน และอื่นๆ ได้ตามความต้องการ โดยบริเวณนี้ จะมีหน้าต่างบานเลื่อนบานใหญ่ ช่วยให้ถ่ายเทอากาศ
และเมื่อเดินเข้ามาด้านใน จะพบกับห้องนอนเล็ก ที่ออกแบบขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยสามารถนำเตียงขนาด 3 ฟุต หรือเตียงเดี่ยวมาวางได้
ส่วนปลายเตียง มีหน้าต่างให้แสงลอดผ่าน ทำให้ห้องไม่ดูทึบเกินไป ประกอบกับสามารถ Built-in เป็นโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ เนื่องจากระยะห่างระหว่างเตียงกับโต๊ะนั้นถือว่ายังเดินไปห้องน้ำได้ ไม่แคบเกินไป
ออกมาจากห้องนอนเล็ก จะพบว่าฝั่งซ้ายมือคือประตูบานเลื่อนออกไปส่วนของพื้นที่จอดรถ พร้อมมีห้องเก็บของหรืออุปกรณ์ต่างๆ ให้เพิ่มเติม ส่วนด้านในสุดจะเป็นพื้นที่ของห้องครัว
ภายในห้องครัวสำหรับยูนิตนี้ ค่อนข้างกว้าง จึงทำให้สามารถติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวลักษณะรูปตัว L ได้ และบ้านจริงโครงการจะทำการติดตั้งซิงค์ล้างจาน และเคาน์เตอร์ขนาดมาตรฐานให้ นอกจากนี้บริเวณห้องครัว และชั้นล่างทั้งหมด ถูกปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีมขนาด 60 x 60 ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
ห้องเก็บของใต้บันได้ กลอนประตูจะเป็นแบบก้านโยก โดยด้านในจะเป็นลักษณะรูปตัว L หากเดินเข้าไป อาจจะต้องระวังหัวเล็กน้อย
สำหรับบันได ถูกปูด้วยไม้มะค่า ก้านราวจับเป็นสแตนเลส ส่วนราวบันไดเป็นไม้มะค่า พร้อมติดกระจก โดยบันไดมีความกว้างเกือบ 2 เมตร โดยความสูง Floor to celling ประมาณ 2.75 เมตร
ขึ้นมาชั้น 2 ถูกปูด้วยไม้ปาร์เก้มะค่า ซึ่งการทำความสะอาดอาจจำเป็นต้องไม่นำผ้าไปชุบน้ำเปียกเกินไปมาถู เพื่อยืดอายุการใช้งาน เนื่องจากไม้จะพองได้หากโดนน้ำมากๆ โดยบริเวณโถงทางเดิน สามารถกั้นเป็นห้องนั่งเล่นดังรูป
สำหรับห้องนอนมาสเตอร์ สังเกตว่าค่อนข้างมีพื้นที่กว้าง นอกจากจะนำเตียงขนาด 6 ฟุตขึ้นไปมาติดตั้งได้แล้ว ยังสามารถจัดพื้นที่ด้านข้างให้เป็นมุมนั่งเล่นเพิ่มเติมได้อีกด้วย
บริเวณปลายเตียง หากต้องการความหรูหรา สามารถนำไอเดียของโครงการ ที่ Built-in ที่วางทีวี พร้อมพนังกระจก ทำให้ดูหรู และห้องดูโปร่งขึ้น
ห้องน้ำภายในห้องนอนมาสเตอร์ กว้างขวางมากทีเดียว โดยมีการแบ่งอ่างล้างหน้าชาย-หญิง พร้อมที่นั่งบริเวณที่อาบน้ำ แต่ไม่มีฉากกั้นให้ สุขภัณฑ์ทั้งหมดจะเป็นของ American Standard
ตรงข้ามห้องพระจะมีห้องนอนอีกห้อง โดยสามารถนำเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตมาติดตั้งได้ ส่วนปลายเตียงจะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน
เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีในการ Built-in ตู้เสื้อผ้าบานกระจกไว้ด้านหน้าห้องน้ำ โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง โดยนอกจากจะได้สัดส่วนแล้ว ยังทำให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย
จากรูปจะเห็นว่าด้านนอกมีพื้นที่ให้วางคอมเพสเซอร์แอร์ค่อนข้างมาก โดยทางโครงการได้ปูหญ้าเทียมสำหรับยูนิตตัวอย่างนี้ เพื่อให้สัมผัสถึงความร่มรื่น
มาดูบ้านตัวอย่างขนาดกลาง หรือ Masaru ที่แว่วมาว่าขายดี ได้รับความนิยม อาจเป็นเพราะเป็นขนาดกำลังดี โดยมีพื้นที่ใช้สอย 322 ตร.ม. บนเนื้อที่ 81 ตร.ว.สามารถจอดรถได้ 3 คัน ภายในประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น และห้องแม่บ้าน
เมื่อเข้ามาด้านในบ้านจะพบโถงนั่งเล่น แม้จะกว้างไม่เท่ายูนิต Ryuu แต่ยังคงความโอ่โถง โดยชั้นล่างยังคงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนด้านในสามารถจัดวางเป็นมุมนั่งกินข้าวได้เพิ่มเติม ซึ่งสามารถนำโต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่งมาวางได้
สำหรับบ้านตัวอย่างยูนิตนี้ ห้องอเนกประสงค์ ออกแบบให้เป็นลักษณะห้องนอนเล็ก สามารถนำเตียงขนาด 5 ฟุตมาวางได้
โดยถัดจากห้องอเนกประสงค์ไปเป็นห้องน้ำแบ่งส่วนเปียก-แห้ง แต่ยังคงไม่มีที่กั้น และหากสังเกตดีๆ จะพบว่าบริเวณฝักบัว โครงการทำที่วางของไว้ให้ด้วย
สำหรับครัว พื้นที่ลดขนาดลงตามพื้นที่ใช้สอยของบ้าน แต่ยัง Built-in เคานเตอร์ครัวรูปตัว L พร้อมประตูออกไปส่วนซักล้าง
มาดูส่วนของบันไดขึ้นไปชั้น 2 สิ่งที่แตกต่างกับยูนิต Ryuu คือ ราวบันได เป็นเหล็กสีดำ ที่จับเป็นไม้มะค่าสีน้ำตาล ส่วนความกว้างของบันได สังเกตว่าแคบลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 จะพบโถงทางเดิน ซึ่งยังสามารถกั้นเป็นห้องอเนกประสงค์ โดยด้านบนจะปูด้วยปาร์เก้ไม้มะค่า ห้องนอนยังคงถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งเช่นเคย
มาดูส่วนของห้องนอนมาสเตอร์ สามารถนำเตียงขนาด 6 ฟุตขึ้นไปมาวางได้ โดยด้านข้างเตียง ยังสามารถนำโซฟามาวางเพิ่มเติม
ห้องน้ำในห้องนอนมาสเตอร์ ประกอบไปด้วยอ่างอาบน้ำ ส่วนอาบน้ำด้วยฟักบัว แต่อ่างล้างหน้าไม่ได้แบ่งแยกหญิง-ชาย เหมือนยูนิต Ryuu
โดยบริเวณปลายเตียง สามารถโต๊ะวางหนังสือ หรือชั้นวางของมาติดตั้งได้อย่างไม่อึดอัด เนื่องจากห้องยังมีขนาดกว้างอยู่
ห้องน้ำยังคงแบ่งส่วนเปียกและแห้ง แต่สังเกตว่าตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้าถูกตัดออก และให้สามารถวางของได้บริเวณใต้กระจก
มาดูบ้านตัวอย่างขนาดเล็กสุดกันบ้าง หากจากรูปด้วยสไตล์ของบ้านสไตล์โมเดิร์น เจเปนนิส จึงยังรักษาความกว้างและใหญ่ไว้อยู่ โดยสำหรับยูนิต Sachi มีพื้นที่ใช้สอย 288 ตร.ม. บนเนื้อที่ 74.5 ตร.ว. ยังคงจอดรถได้สูงสุด 3 คัน ภายในประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น และห้องแม่บ้าน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้าน จะพบโถงนั่งเล่น โดยสามารถนำโซฟารูปตัว L มาวางได้ แต่ถ้าหากจัดวางแบบสัดส่วนเหมือนยูนิต Ryuu และ Masaru จะทำให้บ้านอาจดูแคบเกินไป
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 บริเวณโถงทางเดิน ไม่ได้กั้นเป็นสัดส่วน แต่สามารถทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ พร้อมวางโซฟาในลักษณะตัว L
มาดูฝั่งขวามือ สามารถนำเตียงขนาด 5 ฟุตมาวางได้ แต่ถ้าอยากได้ห้องกว้างให้นำเตียงเดี่ยวขนาด 3 ฟุตมาวางได้ จะทำให้เพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลบางนา-ตราด
ศักยภาพของย่านบางนา ในระยะเวลาไม่กี่ปี นับตั้งแต่เกิดเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสส่งผลให้ย่านนี้เข้าสู่ความเจริญแบบก้าวกระโดด
พื้นที่โซนบางนา-ตราด เปรียบเสมือนด่านปราการสู่เมืองทางภาคตะวันออก สังเกตได้จากบริเวณสี่แยกบางนา มักพบรถทัวร์ คอยบริการผู้คนที่ต้องการเดินทางไปจังหวัดต่างๆ แต่ดูเหมือนระยะหลัง เริ่มเห็นบางตาแล้ว สืบเนื่องจากคนหันมานิยมนั่งรถตู้มากกว่า เนื่องจากเร็วและสะดวก ประกอบกับทางหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบคมนาคมให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขยายเส้นทางเพื่อเชื่อมต่อกับถนนหลากหลายสายทั้งกรุงเทพฝั่งตะวันตก (พระราม 2) ตะวันออก (รามอินทรา) ด้วยเส้นทางของมอเตอร์เวย์และโทลล์เวย์ ประกอบกับในย่านดังกล่าวยังได้รับอานิสงส์จากรถไฟฟ้าบีทีเอสที่มีการขยายเส้นทางจากอ่อนนุชมาจนถึงแบริ่ง และกำลังเพิ่มสถานีให้บริการถึงฝั่งสมุทรปราการ โดยคาดการณ์ว่าจะเปิดให้ใช้ในช่วงปลายปีนี้ อันจะทำให้กลุ่มคนพื้นที่เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องไปเผชิญสภาพจราจรอันหนาแน่น ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก อาจเป็นเพราะนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันย่านดังกล่าวประกอบไปด้วยแหล่งงาน ทั้งโกดัง โรงงาน รวมถึงการเกิดขึ้นของออฟฟิศ สำนักงานใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ โปรเจคภิรัชบุรีเจ้าของไบเทค บางนา ได้ทุ่มทุนสร้างอาคารสำนักงานใหม่นามว่า ภิรัชบุรี แอทไบเทค โดยจะเปิดให้เหล่านักธุรกิจ ผู้ประกอบการจับจองพื้นที่ในเร็วๆ นี้ รวมถึงห้างสรรพสินค้า แบงค็อก มอลล์ จากเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่กำลังเตรียมปักหมุดบริเวณสี่แยกบางนา ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวทั้งหมดข้างต้นส่งผลให้ระดับความนิยมการอยู่อาศัยในย่านบางนา-ตราดเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บรรดาดีเวลลอปเปอร์รายหลายพากันปักหมุดโปรเจคอสังหาฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบ มีราคาขายเฉลี่ยตั้งแต่ 3-40 ล้านบาท/ยูนิต พร้อมทั้ยัวมักกระจุกตัวอยู่ริมถนนเส้นบางนา-ตราด และเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก (มอเตอร์เวย์) ทั้งนี้เพื่อรองรับระดับประชากรผู้อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น อันส่งผลให้มูลค่าที่ดินในย่านดังกล่าว โดยเฉพาะติดถนนบางนา-ตราด มีราคาอยู่ที่ 120,000 – 160,000 บาท/ตร.ว.
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลโครงการ
ภาพจาก Google Map ทำให้เห็นว่าทำเลที่ตั้งโครงการ ซึ่งอยู่ริมถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนนั้น สามารถทะลุได้หลายเส้นทางทั้ง สายสุขุมวิท (อ่อนนุช) ลาดกระบัง หรือบางนา-ตราด เป็นต้น
โครงการตั้งอยู่บริเวณถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก ซึ่งถือว่าเป็นทำเลน้องใหม่อันได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาพื้นที่ย่านบางนา ลาดกระบัง รวมถึงฝั่งเขตประเวศ ให้เข้าสู่ความเจริญอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้สังเกตได้จากโครงการขยายเส้นทาง เพื่อให้ถนนเชื่อมต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณซอยเฉลิมพระเกียรติ ที่สามารถทะลุมาบางนา-ตราดได้ หรือจะเป็นฝั่งถนนสุขุมวิท สามารถใช้เส้นทางบริเวณซอยสุขุมวิท 77 หรืออ่อนนุช ซึ่งจะตัดผ่านบริเวณที่ตั้งโครงการ
อีกทั้งในอนาคตอันใกล้ ทางภาครัฐยังมีแผนสร้างเส้นทางรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา LRT หรือ Light Rail สายบางนา – สุวรรณภูมิ รวมระยะทาง 15.3 กม. โดยจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอสสายแบริ่ง-หมอชิต อีกด้วย ซึ่งจะทำให้กลุ่มคนชานเมือง รวมถึงนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวกสบายขึ้น ดังนั้นด้วยปัจจัยการพัฒนาคมนาคมของย่านดังกล่าวอย่างต่อเนื่องนี่เอง จึงส่งผลให้บรรดาดีเวลลอปเปอร์ รวมถึงนักลงทุน และผู้ประกอบการภาคเอกชน ต่างปักหมุดจับจองที่ดินทั้งริมถนนบางนา-ตราด ซอยต่างๆ รวมถึงเส้นตัดใหม่อย่างเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ให้กลายเป็นทั้งโครงการบ้านราคาระดับกลาง ไปจนถึงหลักหลายสิบล้าน หรือแม้แต่สวนอาหาร ร้านค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และห้างสรรพสินค้า ส่งผลให้มูลค่าที่ดินในย่านดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 20% จากการประเมินของกรมธนารักษ์ และดูเหมือนว่าศักยภาพทำเลย่านนี้จะมีความใกล้เคียงกับฝั่งเลียบทางด่วนรามอินทราเข้าไปทุกที
การเดินทาง
โครงการตั้งอยู่บริเวณถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก ซึ่งถนนหน้าโครงการเป็นแบบสองเลน วิ่งสวนกันได้ และหากต้องการกลับรถให้ใช้ทางลอดถนนวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออกไปอีกฝั่ง ซึ่งจะจำกัดความสูงเพียง 1.50 เมตร เพราะฉะนั้นรถหลังคาสูงอย่างกระบะ หรือรถตู้จะไม่สามารถข้ามไปได้
อย่างไรก็ดี ทำเลนี้สามารถทะลุได้หลายเส้นทาง เพียงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ซอย 9 เพื่อทะลุออกประเวศ อุดมสุข และบางนา-ตราดได้ หรือตรงไปจนสุดแล้วเลี้ยวซ้ายออกสุขุมวิท 77 เลี้ยวขวาไปลาดกระบัง หรือออกสู่พระราม 9 รามอินทรา และต่างจังหวัดโซนภาคตะวันออก ด้วยถนนวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก รวมทั้งยังสามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้โดยใช้เวลาเพียง 10 นาที
โดยเส้นทางที่มาโครงการสะดวกสุดคือ เริ่มต้นจากถนนบางนา-ตราด โดยให้มุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 4 กม. พร้อมกับให้สังเกตเทสโก้ โลตัส อยู่ด้านซ้ายมือ ให้เตรียมชิดซ้าย เพื่อเข้าเส้นถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก จากนั้นตรงไปตามทางประมาณ 3.5 กม. จะเจอป้ายโครงการเดอะ แกรนด์ บางนา – วงแหวน ให้เข้าไปประมาณ 500 เมตร จะเจอซุ้มทางเข้าตัวโครงการ
หากมาจากถนนบางนา-ตราด ให้เบี่ยงซ้ายเข้าถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก ซึ่งจากภาพจะเป็นลักษณะ One-way
สถานที่แนว Lifestyle
ปัจจุบันสถานที่ไลฟ์สไตล์บริเวณพื้นที่บางนา-ตราด นั้นมีความใกล้เคียงกับทางฝั่งรามอินทราเข้าไปทุกที สังเกตได้จากสองฝั่งข้างทาง นอกจากจะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านจัดสรรแล้ว บรรดาร้านค้าแหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านอย่างบุญถาวร Index Ikea หรือ Chic Republic ต่างพากันปักหมุด เพื่อรองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยย่านนี้ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากอยากได้บรรยากาศสวนอาหารตลอดสองฝั่งของถนน คงหนีไม่พ้นฝั่งถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก ต่างเต็มไปด้วยสวนอาหารชื่อดัง ที่โด่งดังทั้งรสชาติ และห้องคาราโอเกะ อารมณ์เดียวกับเส้นเลียบทางด่วนรามอินทรา อาทิ ร้านอาหารวิวดี (ห่างจากโครงการประมาณ 1 กม.) แพริมน้ำ (ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม.) และบึงใหญ่ เป็นต้น ซึ่งจุดขายของร้านอาหารในย่านนี้ อยู่ที่ความสด อร่อยของซีฟู้ด และมักแข่งขันกันที่บรรยากาศอันสวยงาม รวมถึงราคาถูก ชวนเชิญให้ทั้งคนในพื้นที่และบริเวณโดยรอบต่างอยากมาลองลิ้มชิมรส สังเกตได้จากจำนวนรถที่หนาแน่นเกือบทุกร้าน
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่ได้รับ
สำหรับการลงทุนบ้านที่มีราคาขายค่อนข้างสูงหลัก 10 ล้านบาทขึ้นไป หากจะทำการลงทุนเพื่อแสวงหากำไร อาจจะต้องเป็นรูปแบบระยะยาว และมุ่งเป้าหมายระดับดีมานอสังหาฯ เหล่านี้ ไปที่ผู้อยู่อาศัยเฉพาะกลุ่ม โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นระดับผู้บริหารชาวต่างชาติ ซึ่งหากปล่อยเช่าจะได้ผลตอบแทนประมาณ 50,000 บาท ขึ้นไป / เดือน สำหรับบ้านเดี่ยวที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 288 ตร.ม. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสืบเนื่องจากที่ตั้งของโครงการอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพด้านคมนาคม รวมถึงยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาด้านต่างๆ จากภาครัฐ ส่งผลให้มูลค่าที่ดินมีการปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นหากขายต่อ คาดว่าน่าจะกำไรประมาณ 40 %
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
Mantana Bangna KM 7
Mantana Bangna KM 7 ภาพ via lh.co.th
โครงการ: มัณฑนา บางนา กม.7
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน): LH
ทำเลที่ตั้ง: ถนนบางนา-ตราด กม. 7 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี สมุทรปราการ
เว็บไซต์: lh.co.th
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 80 ไร่
พื้นที่ใช้สอย: 172 ตร.ม. ขึ้นไป
รูปแบบ: บ้านเดี่ยว 2 ชั้น รวมทั้งหมด 229 ยูนิต รูปแบบ 4 ห้องนอน 3-4 ห้องน้ำ
ที่จอดรถ: 2-4 คัน
ราคาขายปัจจุบันเริ่มต้น: 8-20 ล้านบาท
Casa Grand Onnuch-Wongwhaen
Casa Grand Onnuch Wongwhaen ภาพ via qh.co.th
โครงการ: คาซ่า แกรนด์ อ่อนนุช-วงแหวน
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน): QH
ทำเลที่ตั้ง: ถนนเลียบวงแหวน (ช่วงอ่อนนุช) แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
เว็บไซต์: qh.co.th
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 63 ไร่
พื้นที่ใช้สอย: 171 – 211 ตร.ม.
รูปแบบ: บ้านเดี่ยว 2 ชั้น รวมทั้งหมด 226 ยูนิต รูปแบบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ
ที่จอดรถ: 3 คัน
ราคาขายปัจจุบันเริ่มต้น: 9-15 ล้านบาท
สรุป
บทสรุป
ถนนกาญจนาภิเษก เลียบวงแหวนรอบนอกศรีรัชตะวันออก ที่ตั้งของโครงการแม้จะเป็นเส้นทางที่เกิดขึ้นมาใหม่ จากอานิสงส์ของการทำทางพิเศษมอเตอร์เวย์ แต่ถึงกระนั้นในระยะเวลาไม่กี่ปี กลับปรากฎโครงการอสังหาฯ แนวราบมากมาย รวมถึงสวนอาหาร และสถานที่แนวไลฟ์สไตล์อื่นๆ ประกอบกับถนนเส้นนี้ยังเชื่อมต่อกับหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นบางนา-ตราด สุขุมวิท 77 (อ่อนนุช) ลาดกระบัง หรือแม้แต่มุ่งหน้าไปสุวรรณภูมิ ด้วยเหตุนี้เองจึงส่งผลให้ระดับดีมานอสังหาฯ ในย่านดังกล่าวปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไปพร้อมๆ กับมูลค่าของที่ดินบริเวณดังกล่าวด้วย เพราะถึงแม้จะเป็นโครงการบ้านที่อยู่ชานเมือง แต่ก็ใช่ว่าจะเดินทางเข้า-ออก ใจกลางเมืองลำบาก
ส่วนภาพรวมโครงการ แม้จะมีเสาไฟฟ้าแรงสูงให้รำคาญใจ แต่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ เนื่องจากเจ้าของโปรเจคได้สร้างบ้านให้ห่างออกมาประมาณ 30 เมตร ประกอบกับในรัศมีใกล้เสาไฟฟ้านั้น เป็นพื้นที่สวนสาธารณะและทะเลสาบ กินเนื้อที่ของโครงการกว่า 50% ซึ่งอยู่กันคนละฝั่งกับเฟส 2 ของโครงการ อีกทั้งด้วยรูปแบบของบ้านในสไตล์โมเดิร์น เจเปนนีส (Modern Japanese) ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องความกว้าง ทำให้ตัวบ้านดูใหญ่ โอ่อ่า ประหนึ่งเหมือนได้บ้านหรูราคาหลายสิบล้านนั้น ซึ่งถือว่าผู้อยู่อาศัยค่อนข้างได้กำไรด้านฟังค์ชั่นพอสมควร