รีวิวโครงการ : เดอะ ไพรเวซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (The Privacy Taopoon Interchange)

ภาพรวมโครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์

The Privacy Taopoon Interchange เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 36 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดินขนาดเกือบ 2 ไร่  ออกแบบและดีไซน์ด้วยรูปทรงที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่ดูโมเดิร์น ทันสมัย

โครงการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Tropical Luxury โดยจะเน้นสีโทนขาว น้ำตาล ทอง และมีการผสมผสานสีเขียวของธรรมชาติเข้าไปช่วยเพิ่มความสดชื่น แจ่มใส เหมาะกับประเทศไทยในเขตร้อนอย่างบ้านเรามากที่สุด

ตัวอาคารมีห้องพักอาศัยจำนวน 486 ยูนิตและร้านค้าอีก 1 ยูนิต โดยชั้น 2-6 จะเป็นชั้นที่เอาไว้สำหรับจอดรถ สามารถจอดได้ถึง 211 คันคิดเป็น 40% แต่ถ้าจอดซ้อนคันจะคิดเป็น 43% แบบในร่ม ใครมาก่อนจอดก่อน

ส่วนชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไปจนถึงชั้น 36 โดยโครงการมี Facilities กระจายอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งจะมี Lobby , Mail Room, Co-working Space และ Meeting Room

ถัดมาชั้น 7 ก็จะมี Garden และ Co-kitchen  ที่สำหรับให้ลูกบ้านมาทำกิจกรรมหรือปาร์ตี้เล็กๆได้  ส่วน Main Facilities ยกขึ้นไปไว้ที่ชั้น 35, 36 และ Roof Top นอกจากนี้ในพื้นที่ส่วนกลางทุกห้องยังติดตั้งระบบ Fresh Air System ที่สามารถกรองฝุ่นในอากาศได้ถึง 0.3 microns เลยทีเดียว

• ค้นหาประกาศคอนโดน่าสนใจ ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ได้ที่นี่

การวางทิศทางโครงการ

ผังรวมหรือ Master Plan ของโครงการ จะอยู่ติดถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ที่กำลังคึกคักไปด้วยผู้คนและเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ใกล้กับสถานีเตาปูนเพียง 500 เมตร อยู่ในระยะทางที่สามารถเดินถึงโดยไม่เหนื่อย และแต่ละทิศจะอยู่ใกล้กับสถานที่ต่างๆดังต่อไปนี้

ทิศเหนือ: จะหันไปทางสถานีบางซ่อน วิวโล่ง ถ้าในระยะไกลก็จะเจอกับคอนโด U delight ที่ห่างกันประมาณ 800 เมตร

ทิศตะวันออก: จะหันไปบริเวณเลียบคลองประปา ประชาชื่น

ทิศใต้: จะหันไปทางเตาปูน อินเตอร์เชนจ์

ทิศตะวันตก: จะหันไปทางวิวแม่น้ำเจ้าพระยาหรือถนนกรุงเทพ – นนทบุรี

Floor Plan

ผังพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งทางซ้ายและขวาของตัวโครงการ จะอยู่ติดกับอาคารหรือตึกส่วนบุคคลที่มีความสูงอยู่ที่ระดับ 3-4 ชั้น และเพื่อเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน ทางโครงการได้ปลูกต้นไม้ประเภทพุ่มไว้สองข้างทางเข้าออก เพื่อลดเสียงรบกวนและความวุ่นวายจากภายนอก

การเข้า – ออกโครงการ ก่อนถึงตัวอาคารทุกครั้ง จะต้องผ่าน Car Smart Access ระบบรักษาความปลอดภัยชั้นแรก ที่ทำงานด้วยระบบเปิด-ปิด Gate Barrier อัตโนมัติ สแกนป้ายทะเบียนรถ

ส่วนการสัญจรภายในโครงการ จะเป็นการเดินรถแบบทางเดียว วนรอบอาคารแล้วจึงค่อยขึ้นไปยังลานจอดรถบริเวณชั้น 1 – 6 ที่อยู่ทางด้านหลัง อีกทั้งภายในลานจอดรถยังติดตั้งระบบ Smart Parking ที่ลูกบ้านสามารถตรวจสอบจำนวนที่ว่างในลานจอดรถแต่ละชั้นได้อีกด้วย

เมื่อเข้ามาในตัวอาคารจะเจอชั้น Ground Floor ที่รวบรวมทุกความผ่อนคลายและสิ่งอำนวยความสะดวกเอาไว้คอยต้อนรับการเข้ามาของลูกบ้าน ไม่ว่าจะเป็น Lobby Lounge, Co-Working Space, Meeting Room, Smart Locker ตู้ฝากพัสดุอัตโนมัติ 24 ชม. และร้านค้า 1 ยูนิต

ถัดมาก็จะเป็นส่วนของงานระบบ และพื้นที่สำหรับคอยอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านอย่าง ห้องนิติบุคคล, Lift Lobby, ห้องซักรีด และ Maid room โดยการเข้า-ออกอาคารนั้น จะใช้ระบบ Smart Access 

สำหรับบริเวณรอบนอกจะมีทั้ง Jogging track ไว้ให้ได้วิ่งเยาะๆ ช้าๆ สบายๆ และ EV Charger ห้องชาร์จรถยนต์คอยรองรับผู้ใช้รถยนต์ด้วยระบบไฟฟ้าแทนน้ำมัน ซึ่งอันนี้ถือว่าทางโครงการใส่ใจและอัพเดตเทรนด์เทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี ร

วมถึงห้องล้างรถหรือ Car Washing Area ที่ลูกบ้านสามารถเข้าไปล้างได้เอง โดยไม่ต้องเสียค่าบริการเพราะทางโครงการคิดรวมกับค่าส่วนกลางไว้แล้ว

ผังชั้น 7 ชั้นนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของที่พักอาศัย แต่จะพิเศษหน่อยตรงที่จะมี Facility ต่างๆรวมอยู่ด้วย โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ The Garden และโซนห้องพักอาศัยรวม 10 ยูนิต แถมที่มุมอาคารยังมี Co-Kitchen ให้เราเข้ามาจัดปาร์ตี้หรือทำอาหารทานร่วมกัน

จะว่าไปแล้ว ชั้นนี้ค่อนข้างเหมาะกับคนที่ชอบธรรมชาติ รักความเขียวขจี อิ่มเอมกับบรรยากาศร่มรื่น เพราะสามารถมองเห็นวิวสวนหย่อมสีเขียวได้จากหน้าระเบียงโดยตรง แต่ถ้าใครพักอยู่ชั้นอื่นอยากลงมาสูดอากาศบริสุทธิ์เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ก็มาได้เหมือนกัน

ซึ่งทางโครงการจะมีทางเดินกลางที่เชื่อมไปถึงสวนหย่อม โดยที่ไม่ต้องผ่านเข้าไปยังบริเวณหน้าห้องพักของคนในชั้นนี้ ถือว่าเป็นการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัยอย่างมากเลยทีเดียว

ผังชั้น 8 ไปถึง 34 จะมีลักษณะคล้ายกัน โดยแต่ละชั้นจะคละแบบห้อง คือมีทั้ง Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms รวมกัน 17 ยูนิต โดยแต่ละชั้นจะมีห้อง 2 Bedrooms อย่างละ 1 ยูนิตอยู่ทางทิศเหนือ

ส่วนห้องที่มีจำนวนมากที่สุดจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom และบริเวณมุมอาคารทั้งสองฝั่งจะเป็น 1 Bedroom Plus เหมาะสำหรับคนชอบความสงบ ส่วน Lift Lobby อยู่กลางอาคาร ใช้งานได้ทั่วถึงด้วยระบบลิฟต์แบบล็อคชั้นจำนวน 2 ตัว พร้อมลิฟต์เซอร์วิสสำหรับขนของอีก 1 ตัว ข้างๆกันจะเป็นบันไดหนีไฟสำหรับใช้ในยามฉุกเฉิน

ผังชั้น 35, 36 สองชั้นสุดท้าย มีเพียง 10 ยูนิตเหมือนชั้น 7 เนื่องจากมี Facility แบบ Outdoor เพิ่มเข้ามาตามสไตล์ Tropical Luxury โดยชั้น 35 จะเป็นแนวกิจกรรมทางน้ำ เช่น Sky Pool, Bubble Pool, Kid Pool, Jacuzzi และ Water Wall ให้เลือกสนุกสนานและคลายความเครียด

หรือจะไปนั่งตากแอร์เย็นๆที่ Sky Lounge ก็ได้เช่นกัน ส่วนชั้น 36 จะมี Fitness แบบ indoor ห้องกระจก หันไปทางทิศตะวันตก ทำให้ผู้ออกกำลังกายได้มองเห็นวิวเมืองหรือแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ 360 องศา

สุดท้ายกับชั้นดาดฟ้าหรือ Roof Floor ที่ตกแต่งอย่างร่มรื่นด้วยต้นไม้ใบหญ้าจนเกิดเป็นพื้นที่สีเขียวสบายตาไปทั่วบริเวณ พร้อมโซน Facility อีกมากมาย

ไม่ว่าจะเป็น Observation Terrace, Sky Pods, Exercise Court และ Yoga Lawn พร้อม Emergency Aircraft Evacuation ที่ให้เฮลิคอปเตอร์สามารถหย่อมบันได้มารับลูกบ้านได้ในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน

Unit Layout

สำหรับห้องพักอาศัยจะมีให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedrooms โดยขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 22.25 – 50.25 ตร.ม.

แปลนห้องพักแบบ Studio 1 พื้นที่ใช้สอยขนาด 22.25-22.50 ตารางเมตร

แปลนห้องพักแบบ Studio 2 พื้นที่ใช้สอยขนาด 22.25 ตารางเมตร

แปลนห้องพักแบบ 1 Bedroom 1 พื้นที่ใช้สอยขนาด 26.50-27.50 ตารางเมตร

แปลนห้องพักแบบ 1 Bedroom 2 พื้นที่ใช้สอยขนาด 27.25-27.50 ตารางเมตร

แปลนห้องพักแบบ 1 Bedroom 3 พื้นที่ใช้สอยขนาด 29.50 ตารางเมตร

แปลนห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยขนาด 34.50 ตารางเมตร

แปลนห้องพักแบบ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยขนาด 49.25-50.25 ตารางเมตร

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ก็จะมีทั้ง Living Lobby Lounge, Meeting Room, Co-Working Space และ Co- Kitchen พร้อมสวนสีเขียวสไตล์ Tropical ที่ชั้น 1 และยังมีส่วนกลางขนาดใหญ่ที่เห็นวิวเมืองในชั้น 36 

แถมบันเทิงไปกับกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง Fitness, Sky Lounge,  Sky Pods, Sky Pool และ Observation Terrace ให้คุณได้เพลิดเพลิน ผ่อนคลาย ถือเป็นความสุขที่หาได้ในพื้นที่เพียงแห่งเดียว และที่สำคัญทุกพื้นที่ยังติดตั้งระบบกรองอากาศแบบ Fresh Air System ที่สามารถตรวจจับ Co2

รวมไปถึงฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM 2.5 และกำจัดอากาศเสียออกไป ทำให้คุณได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ สดชื่นเข้ามาแทนที่

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ซึ่งจะออกแบบในสไตล์ Tropical Luxury เน้นโทนสีขาว น้ำตาล ทอง ส่วนพื้นจะใช้กระเบื้องหินอ่อน และเพิ่มโคมไฟสีทองหน้าตาสุดเก๋ เพื่อความหรูหราพร้อมกระจกแบบ Ceiling Height ทำให้ห้องดูกว้างมากกว่าขนาดจริง

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Co-working Space บรรยากาศดูอบอุ่น หรูหรา อีกทั้งยังมีที่นั่งหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ล้อมรอบด้วยกระจกแบบ Ceiling Height ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติและห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้น  

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Meeting Room หรือห้องประชุม ลูกบ้านสามารถจองเพื่อจะขอใช้งานผ่านทาง App โครงการได้ แถมในห้องนี้ยังติดตั้ง Samsung Flip หน้าจออัจฉริยะ ที่จะบันทึกการประชุมในทุกๆข้อความที่ขีดเขียนไว้บนหน้าจอ โดย Export เป็นไฟล์ส่งต่อไปยังมือถือของทุกคนในห้องประชุม นับเป็นอีกหนึ่ง smart function ที่น่าจับตามองมากๆ

ภาพจำลองบรรยากาศ Co-Kitchen บนชั้น 7 เป็นห้องทำครัวขนาดใหญ่ พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารถึง 10 ที่ อีกทั้งในห้องนี้ยังมีอุปกรณ์ทำอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์บาร์, ชุดครัว แถมตู้ปลูกผัก Nano Garden ก็มีด้วยเช่นกัน

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำบนชั้น 35 จะเป็นสระแบบ Infinity Edge คือเห็นวิวเมืองรอบข้างได้อย่างเต็มที่กว่า 360 องศา มีขนาดกว้าง 8 x 15 เมตร ลึก 1.2 เมตร ด้วยระบบเกลือ

มีการแยกส่วนสำหรับเด็กเล็กคือ Kids Pool ขนาด 1.5 x 5.5 เมตร ลึก 60 ซม. ที่สำคัญใครชอบ Jacuzzi ที่นี่ก็มีให้ใช้บริการด้วย พอเห็นน้ำ เราก็นึกถึงอีกสิ่งหนึ่งของโครงการที่เราชอบมาก นั่นก็คือระบบกรองน้ำประปาภายในโครงการ ยังเป็นแบบพิเศษ จึงทำให้ลูกบ้านได้ใช้น้ำที่สะอาดกว่าโครงการอื่น

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Fitness ที่ครบครันบนชั้น 36 ออกแบบผนังด้วยกระจก Ceiling Height รอบห้อง จึงทำให้มองเห็นวิวเมืองได้อย่างสวยงามในขณะออกกำลังกาย

อีกทั้งยังสามารถมองลงมาเห็นสระว่ายน้ำที่ชั้น 35 ได้ด้วย ซึ่งห้องมีขนาดค่อนข้างกว้าง วางอุปกรณ์ได้หลายตัว ไม่ว่าจะเป็นประเภท Weight Training, Boxing รวมถึง Jogging Track 

รีวิวภายในห้องตัวอย่างของโครงการ The Privacy Taopoon Interchange

สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ มีดังต่อไปนี้

• เฟอร์นิเจอร์ Standard ของทางโครงการ
• วอลล์เปเปอร์สีขาวครีม
• กระจกพาร์ทิชั่น
• เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 ของ Daikin 2 เครื่อง
• ชุดครัวครบเซ็ต
• เตาไฟฟ้าพร้อมที่ดูดควัน
• สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Cotto
• พื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูป
• พื้นกระเบื้องเซรามิคในห้องน้ำ

สำหรับวันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างชนิด 1 Bedroom แบบ Fully Fitted ขนาด 26.50-27.50 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ ระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.70 เมตร

ภายในจะปูด้วยไม้ลามิเนตหนา 8 มม ลักษณะห้องหน้าจะแคบลึก มีการจัดวางพื้นที่ใช้งานได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ระเบียง

ออกแบบและตกแต่งสวยงาม เพิ่มความหรูหราให้กับบรรยากาศภายในห้องด้วยการประดับวัสดุหินอ่อนตามธรรมชาติกับโลหะสีทอง แต่ยังคงความอบอุ่นด้วยสีน้ำตาลของไม้และเขียวใบไม้ไว้ตามมุมต่างๆ

เมื่อเราเดินเข้ามา ก็จะเจอกับโซนนั่งเล่นขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะวางโซฟาสำหรับ 2 คนได้อย่างไม่อึดอัดแล้ว ยังมีพื้นที่เหลือไว้ให้วางโต๊ะกินข้าวได้อีก 2 ที่อีกด้วย

ลักษณะพื้นที่จะเชื่อมต่อกับห้องนอน คล้ายกับการ Combine Space คือเชื่อมพื้นที่ใช้สอยแต่ละส่วนให้ใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งบรรยากาศยังดูปลอดโปร่ง เพราะได้รับแสงสว่างเต็มที่จากช่องรับแสงในห้องนอน เพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 2 ดวง

พื้นที่กว้างขวาง อีกทั้งทางโครงการยังสามารถออกแบบและจัดวางโซนนั่งเล่น โซนรับประทานไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว  ตอบโจทย์การพักผ่อนสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำอะไรหลายๆอย่างได้อย่างฉับไว รวดเร็วในพื้นที่จำกัด  

เนื่องจากห้องตัวอย่างไม่มีประตู ทางโครงการจึงนำกลอนประตูแบบ Digital Door Lock จาก UNICOR มาให้ดูอย่างชัดเจน โดยทุกห้องจะได้รับแบบนี้เหมือนกันหมด ความพิเศษคือ จะรองรับการเปิดเข้าทั้งรหัส, การ์ด, กุญแจ, เทคโนโลยี N.F.C อีกด้วย

นอกจากนั้นยังติดตั้งสวิตซ์เปิด – ปิดไฟด้วยระบบสัมผัส พร้อม Home Automation สำหรับควบคุมปลั๊ก, ไฟ, ทีวี และเครื่องปรับอากาศอย่างละ 1 จุด ผ่าน Pruksa Application สะดวกต่อการใช้ชีวิต แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะเปิดไวไฟไว้ในห้องเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ถัดมาด้านในสุดบริเวณห้องนอน ขนาดกำลังดี สามารวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ จะถูกแยกออกมาเป็นสัดส่วนจากโซนนั่งเล่นและโต๊ะทานข้าวด้วยประตูพาร์ติชั่นแบบกระจกบานเลื่อน 3 ตอน หรือ Double Slice ซึ่งบานขวาสุดจะเป็นบาน Fixed จึงสามารถเลื่อนเปิดได้กว้างมากขึ้นถึงประมาณ 1.5 เมตรเลยทำให้ห้องดูไม่แคบ

อีกทั้งยังอยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ริมผนัง แต่งขอบด้วยอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกตัดแสงสีเทาหรือที่เรียกกันว่า Euro Grey Glass ที่จะสามารถป้องกันรังสี UV ได้ดี จึงทำให้โซนนี้ได้รับแสงจากธรรมชาติส่องผ่านเข้ามา นอกจากจะประหยัดไฟแล้ว ยังทำให้ห้องยิ่งดูปลอดโปร่ง โล่งกว้างเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว

นอกจากนั้นทางโครงการยังได้ฝังขอบอลูมิเนียมไว้กับพื้น ทำให้เดินได้สะดวกไม่ต้องกลัวสะดุด แถมทำความสะอาดเช็ดถูก็ง่ายอีกด้วย

ออกจากห้องนอนเดินมาทางซ้ายจะเป็นห้องน้ำ โดยทางโครงการจะจัดอุปกรณ์และบิลต์อินชั้นวางของขนาดต่างๆมาให้ครบชุด พร้อมแบ่งแยกโซนเปียกและโซนแห้งด้วยกระจกกั้นอาบน้ำที่สูงกว่า 2 เมตร ซึ่งจะช่วยป้องกันน้ำกระเด็นออกมาได้เป็นอย่างดี พร้อมติดขอบยางกันกระแทกมาเรียบร้อย

สำหรับใครที่ต้องการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ทางโครงการก็ได้เดินระบบน้ำไว้ให้ แต่อย่าลืมเดินสายดินเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดีที่สุด ส่วนบริเวณอ่างล้างหน้าจะอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ และติดกระจกเงาครึ่งตัวไว้ให้ด้วย สำหรับพื้นและผนังจะปูด้วยกระเบื้องสีครีม ดูสะอาดตา น่ามอง และด้านบนติดไฟ LED 2 ดวง แถมเครื่องดูดอากาศอีก 1 ตัว

ห้องน้ำจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ สำหรับฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นส่วนของห้องครัว

มาที่โซนครัวเป็นแบบปิดแนวยาว มีการติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ขนาดของเนื้อที่จะเหมาะสำหรับเอาไว้ทำครัวแค่ 2 คนกำลังดี ถ้า 3 คนจะแน่นและอึดอัดมาก

ทางโครงการจะบิลต์อินชุดครัวมาให้ครบ ทั้งเคาน์เตอร์ครัว, ตู้เก็บของด้านบน และเตาไฟฟ้า 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน สำหรับพื้นจะปูด้วยกระเบื้องผิวด้าน ซึ่งสามารถป้องกันคราบมัน กันลื่นเมื่อโดนน้ำและทำความสะอาดง่าย เชื่อมต่อกับระเบียงจึงสามารถระบายอากาศออกอีกช่องทางได้เป็นอย่างดี

ประตูระเบียงจะเป็นบานเลื่อนกระจก 2 ตอน เมื่อเดินออกไปจะเจอพื้นที่กว้าง 1.5 เมตร ก็สามารถตากผ้าได้แบบไม่เยอะมาก พื้นระเบียงปูกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 เซนติเมตร มีไฟให้ความสว่างอยู่ตรงข้ามคอมฯ แอร์ ด้านล่างจะมีก๊อกน้ำ และธรณีประตูจะสูงกว่าปกติประมาณ 2-3 นิ้ว เพื่อป้องกันน้ำฝน หรือสิ่งสกปรกเข้ามาในห้อง