ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ห้องชุดจำนวน 476 ยูนิต พร้อมลานกิจกรรม และลานออกกำลังกายขนาดใหญ่ รองรับการพักอาศัยช่วง Work from Home ได้อย่างลงตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 1.45 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
เมื่อบิ๊กวงการก่อสร้างอย่างบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC ตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจอสังหาฯ อย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา และนำร่องการเข้าสู่ธุรกิจด้วยกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการและโครงการต่างๆ ที่มีศักยภาพ รวมทั้งพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์อย่างคอมมูนิตี้มอลล์ เดอะแลนด์ มาร์ค ในมหาชัย มาในปีนี้ EMC ถือว่าคืบหน้าอีกขั้นกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นครั้งแรก หลังจากที่นำที่ดินแปลงสวยในทำเลต้นซอยสุขุมวิท 36 ชูจุดขายคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีไพร์มอย่าง “ทองหล่อ” ภายใต้ชื่อ “เออร์บิเทีย” (Urbitia Thong Lo) โดยรีวิวฉบับนี้จะขอวิเคราะห์องค์ประกอบทั้งในเรื่องของการตลาดและตัวโปรดักส์ รวมถึงผลตอบรับจากมหาชนว่าเป็นอย่างไร สามารถสู้กับดีเวลอปเปอร์เจ้าใหญ่ๆ เก๋าประสบการณ์รายต่างๆที่ทยอยเข้าซื้อที่ดินและผุดโครงการต่างๆในฝั่งซอยสุขุมวิท 36 – 38 ได้หรือไม่
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 เมษายน 2559)
ชื่อโครงการ: เออร์บิเทีย ทองหล่อ (Urbitia Thong Lo)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน): EMC
ที่ตั้งโครงการ: ซอยสุขุมวิท 36 (ซอยนภาศัพท์) แขวงพระโขนง เขตคลองเตย
เนื้อที่โครงการ: 0-3-95 ไร่
ประเภทโครงการ: คอนโดฯ โลว์ไรส์ความสูง 8 ชั้น จำนวน 130 ยูนิต
พื้นที่จอดรถ: ที่จอดรถใต้ดิน 2 ชั้น จำนวน 67 คัน คิดเป็นสัดส่วน 52%
ประเภทของห้อง:
1 ห้องนอน ขนาด 28 – 35 ตร.ม., 2 ห้องนอน ขนาด 51 – 65 ตร.ม. และ 3 ห้องนอน ขนาด 97 ตร.ม.
สิ่งอำนวยความสะดวก: ล็อบบี้, rooftop garden, ลานน้ำพุชั้น 1, สระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า และฟิตเนส
ระบบรักษาความปลอดภัย: Digital Door Lock, รปภ. 24 ชม. และระบบ CCTV
เงื่อนไขการชำระเงิน:
จอง 50,000 บาท, ทำสัญญา 5% ผ่อนดาวน์ 10% 22 งวด ที่เหลือโอน 85%
ราคาเริ่มต้น: 170,000 บาท/ตร.ม. ณ วันเปิดตัว (2 เม.ย. 59) ปัจจุบันอยู่ที่ 210,000 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์: www.urbitia.com
สถานะการก่อสร้าง: คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2561
รายละเอียดโครงการ
โมเดลจำลองโครงการ
ทิศใต้โครงการจะติดกับที่ดินแปลงที่ Fragrant Group ซื้อไว้/ ทุกยูนิตจะสามารถเห็นต้นไม้ใหญ่ตรงระเบียงที่ปลูกและดูแลโดยโครงการได้
ตำแหน่งการจัดวางต้นไม้จะถูกจัดวาง ณ ชั้น 1 ชั้นที่ ดังนั้นชั้นที่ 2 จะเห็นวิวเป็นยอดของต้นไม้จากชั้น 1 ชั้น 3-4 ก็จะมีลักษณะการจัดวางลักษณะเดียวกันนั่นคือ 2 ยูนิตแนวตั้งจะได้วิวเป็นต้นไม้ต้นเดียวกัน
รูปแบบห้อง
ประเภทของยูนิตถูกแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ แบบ 1, 2 และ 3 ห้องนอน ตกแต่งครบพร้อมอยู่แบบ fully-furnished ที่มาพร้อมทั้งเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว (แบรนด์ Starmart)
งานบิลท์อินจะเป็นในลักษณะ multi-functional นั่นคือการออกแบบที่คำนึงถึง “เวลาไม่ใช้งาน จะทำอย่างไร?” ซึ่งฟังก์ชั่นนี้สามารถตอบโจทย์ได้ในห้องขนาด 34 ตร.ม. เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น งานบิลท์อินเตียงขนาดเบาที่สามารถพับเก็บเข้าตู้ได้เมื่อไม่ใช้ รวมถึงโต๊ะอาหารที่ทางโครงการให้มาก็สามารถยืดขยายเมื่อต้องการรองรับจำนวนการใช้งานที่เพิ่มขึ้นหรือลดเก็บในส่วนที่ไม่ใช่เมื่ออยู่กันเพียง 1-2 ท่าน รวมถึง partition ที่กั้นระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น เมื่อต้องการความเป็นส่วนตัวสามารถเลื่อนปิดกั้นโซนได้ กระจกที่สามารถมองออกไปเห็นต้นไม้ที่ประดับตามชั้น บริเวณมุมห้องทำงานสามารถเปิดออกได้ถึงสองฝั่ง ทำให้คุณสามารถเปิดรับโอโซนหมุนเวียนจากต้นไม้ถ่ายเทเข้ามาในห้องได้มากขึ้น
สำหรับแปลนของชั้น 1 จะมีพื้นที่ที่เพิ่มเข้ามาทำให้ราคายูนิตสูงกว่าชั้นอื่นๆ โดยพื้นที่ที่กล่าวถึงนี้คือทางปูยาวเพื่อเข้าไปยังบริเวณสวนของชั้น 1 ได้ (มีระเบียงกั้นระหว่างยูนิตและสวน) อีกหนึ่งลักษณะพิเศษที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของตัวโครงการคือการที่ทางเดิน บริเวณชั้น 1 จะมีลานน้ำพุแนวยาว เมื่อมองขึ้นไปข้างบนจะสามารถเห็นระเบียงทางเดินของชั้นต่างๆได้ ซึ่งในตอนกลางวันจะใช้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์เข้ามาช่วยเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน เนื่องจากโถงตรงกลางอาคารจะเป็นในลักษณะของ void หรือช่องว่างที่ปล่อยให้แสงเข้ามาจากทางหลังคา โดยแสงจะเข้ามาจากทางกระจกดาดฟ้า (skylight) เพื่อนำแสงสว่างเข้ามาแต่ไม่ต้องกลัวเรื่องความร้อนหรือเวลาฝนพรำกลงมาเพราะถูกมีกระจกดูดซับความร้อนกั้นอีกชั้นหนึ่ง รวมถึงผนังยังมีการดึงคอนเซ็ปต์ green มาใช้เพื่อลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศภายในลงเพราะตัวผนังเองทำจากวัสดุดูดซับความร้อน
ช่องจาก rooftop ที่ให้แสงลอดเข้าเพิ่มความสว่างตอนกลางวันภายในตัวอาคารโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้ามาพร้อมกระจกกรองยูวีที่กันทั้งรังสีความร้อนและฝน
Floor Plan
ชั้น 2 มีห้องขนาด 28 (1ห้องนอน), 34 (1ห้องนอน), 34.5 (1ห้องนอน), 35 (1ห้องนอน), 58 (2ห้องนอน) และ 65 ตร.ม. (2ห้องนอน)
ชั้น 3-6 มีห้องขนาด 28 (1 ห้องนอน), 34 (1 ห้องนอน), 34.5 (1 ห้องนอน), 35 (1 ห้องนอน), 51 (2 ห้องนอน), 58 (2 ห้องนอน) 65 ตร.ม. (2 ห้องนอน)
ชั้น 8 มีห้องขนาด 34, 34.5, 35, 58 และ 65 ตร.ม. พื้นที่ส่วนกลาง: ฟิตเนส สามารถขึ้นไปยัง rooftop ได้จากบันไดชั้นนี้
รูป perspective จำลองห้องโครงการ
ส่วนกลาง
พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่จะอยู่บนชั้นดาดฟ้าและชั้น 8 สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วย: rooftop garden, outdoor sky pool, และ fitness centre รูปแบบการจัดสวนบนดาดฟ้าจะเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีการนำต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นไปประดับอยู่บนดาดฟ้า เป็นจุดเด่นต่อสายตาที่มองผ่านมายังตัวโครงการ
ภาพ perspective จำลองพื้นที่ส่วนกลาง
พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่จะอยู่บนชั้นดาดฟ้าและชั้น 8 สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วย: rooftop garden, outdoor sky pool, และ fitness centre รูปแบบการจัดสวนบนดาดฟ้าจะเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีการนำต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นไปประดับอยู่บนดาดฟ้า เป็นจุดเด่นต่อสายตาที่มองผ่านมายังตัวโครงการ
ห้องตัวอย่างที่โครงการจัดแสดงจะเป็นห้องประเภท 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม.
แปลนห้อง
ประกอบด้วย:
-pantry
-living zone
-dining zone
-working zone
-bedroom
-bathroom
-private balcony
มุมมองภายในห้องเมื่อเปิดประตูเข้ามา ตรงหน้าจะเป็นโซน dining และ living ข้างในสุดจะเป็นห้องทำงานในขณะเดียวกันยังเป็นโซนที่ทางโครงการติดตั้งงานบิ้ลท์อินที่เป็นทั้งตู้เสื้อผ้าและเตียงพับเก็บได้ในตู้เดียวกัน สำหรับจัดเป็นที่นอนเสริมสำหรับแขกได้ ซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้องนอนและห้องน้ำ
โซน living ผสม dining งานบิลท์อินตรงผนังและเฟอร์ฯโต๊ะทานอาหารโครงการแถมให้มา รวมถึงโซฟา 3 ที่นั่งแบรนด์ Starmart ด้วยเช่นกัน
สำหรับโต๊ะทานข้าวที่แถมให้จะเป็นแบบ doublefunctional นั่นคือสามารถยืดออกเพื่อเพิ่มขนาดของตัวโต๊ะเพื่อรองรับจำนวนแขกที่เพิ่มขึ้น
ตรงส่วนผสมกันระหว่างโซน living และ dining จะมีขนาดประมาณ 3*2 เมตร/สาเหตุที่ทำให้เพดานดูโล่ง (2.7 m ceiling height) คือระบบไฟที่ถูกวางไว้ผนังห้องสองข้างแทนที่จะเป็นบนฝ้าเพดาน
อย่างที่กล่าวไปในส่วนของบทวิเคราะห์โครงการตรงส่วนของหน้าต่างห้องจะเป็นแบบ Bay Windows ซึ่งสามารถเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่งมุมช่วยเพิ่ม range ความกว้างเมื่อเปิดรับโอโซนจากต้นไม้บริเวณระเบียงเข้ามา
จุดเดียวกันนี้ยังเป็นจุดที่ทางโครงการแถมงานบิ้ลท์อินตู้ที่สามารถพับเก็บเตียงเพื่อรองรับแขกที่มาค้างคืนได้ (ขนาดเตียง 3 ฟุต)
ตรงจุดระหว่างห้องนอนและ living จะมี partition กระจกเงาบานเลื่อนติดตั้งให้เพื่อกั้นโซนความเป็นส่วนตัวระหว่าง 2 ห้อง
ขนาดของห้องนอนสามารถจัดวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้ สำหรับงานบิ้ลท์อิน headboard ทางโครงการจะให้มาพร้อมกับหลอด LED ที่อยู่ข้างใน
บริเวณห้องนอนมีบานเลื่อนที่เมื่อเปิดออกไปจะเป็นระเบียงส่วนตัวมองเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่โครงการนำมาประดับเพื่อให้ทุกยูนิตสามารถเห็นได้
ระเบียงส่วนตัวขนาดความกว้าง 1 เมตรด้านซ้ายมือจะเป็นระแนงสำหรับเก็บ compressor แอร์/ระหว่างยูนิตจะมี grill กั้นแยกเพื่อความเป็นส่วนตัว/แนวระเบียงเป็นกระจกตามตัวอย่าง
Night light ที่ประหยัดไฟกว่าเพื่อให้แสงสว่างพอดีสำหรับกลางคืนติดตั้งมาให้บริเวณทางเข้าห้องน้ำจากโซนครัว
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
-โซฟา, โต๊ะทานข้าว: แบรนด์ Starmart
-แอร์ซ่อนใต้ผนัง
-สุขภัณฑ์แบรนด์ Kohler หรือเทียบเท่า
-พื้น engineered wood
-พื้นและผนังห้องน้ำ: แกรนิตโต้
พื้นที่รอบโครงการ
พื้นที่ปากซอยสุขุมวิท 36 ที่มีข่าวว่ากลุ่มเฟรเกรนท์ จะสร้างเรสซิเดนซ์และดึงเชนโรงแรม 6 ดาวมาบริหาร โดยจะสร้างเป็นอาคารสูงถึง 110 ชั้น
ปากซอยอีกฝั่งจะเป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ของค่ายโนเบิลฯ อย่างโนเบิล รีมิกซ์
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเล
พื้นที่แถบสุขุมวิทนั้นนับเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจจากบรรดาผู้พัฒนาโครงการรวมถึงผู้ซื้อที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งซื้อเพื่อการลงทุนอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในจุดที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ย่านทองหล่อ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความครบครันทั้งการทำงานและอยู่อาศัย ด้วยความที่เป็นฮับของไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองอย่างแท้จริง กับร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งแฮงก์เอาท์ทั้งกลางวัน-กลางคืน ดังนั้น การจะมีบ้านสักหลังหรือคอนโดฯ สักยูนิตใจกลางทำเลที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายเช่นนี้จึงเป็นที่หมายปองของใครหลายๆ คน แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณบีทีเอสทองหล่อหรือภายในซอยทองหล่อเองที่เหลืออย่างจำกัดมาก จนแทบหาที่ดินขนาดเพียงพอสำหรับการพัฒนาได้ค่อนข้างยาก หรือถ้ามีที่ดินว่างจริง นั่นหมายถึงราคาที่ต้องแพงในระดับที่ หากจะซื้อมาเพื่อพัฒนาต่อ จะต้องทำสินค้าราคาสูงออกมาขายอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นตัวเลือกหรือเรียกได้ว่าเป็น counterpart ที่ถูกหยิบยกมาเป็นทำเลตัวแทนก็คือซอยสุขุมวิท 36 – 38 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซอยทองหล่อ ในขณะที่ราคาที่ดินถูกกว่าฝั่งซอยทองหล่อถึง 5-10% แต่ยังคงอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีที่เอสเช่นกัน สามารถเดินทางเชื่อมต่อสู่โซนต่างๆ ของเมือง อาทิ ถนนพระราม 9 และพระราม 4 ได้อย่างสะดวก และเนื่องจากสุขุมวิทนั้นเป็นถนนผ่านจุด CBDs สำคัญต่างๆของกรุงเทพฯทำให้ไม่น่าแปลกใจที่จำนวนซัพพลายคอนโดโดยรวมของกรุงเทพฯจะมารวมตัวกันที่ถนนเส้นนี้ถึง 32% (ตัวเลขจาก CBRE)
เมื่อทำเลบ่งบอกถึงศักยภาพของตนเองผนวกกับดีมานด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาต้องการที่อยู่อาศัยที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดมาเป็นเน้นที่ “คุณภาพ”ไม่ใช่ “ปริมาณ” นั่นคือการเปลี่ยนรูปแบบซัพพลายจากแนวตั้งที่สามารถมีจำนวนพื้นที่ขายสุทธิหรือจำนวนยูนิตได้มากกว่ามาเป็นโครงการแนวราบที่มีจำนวนพื้นที่ขายสุทธิที่น้อยกว่าแต่สามารถใส่ quality ในตัวโครงการได้มากกว่าทำให้จุดคุ้มทุนโครงการแนวราบเท่ากับโครงการแนวตั้งได้
โครงการ เออร์บิเทีย ทองหล่อ อยู่ในแนว skywalk ของบีทีเอสคล้ายกับทำเลของโนเบิล รีมิกซ์ ที่อยู่หน้าปากซอยสุขุมวิท 36 พอดีเป๊ะ จะเป็นที่ตั้งโครงการ “เออร์บิเทีย ทองหล่อ” ของค่าย EMC ที่แม้จะเป็นดีเวลลอปเปอร์หน้าใหม่แต่ก็เก๋าประสบการณ์ในเรื่องงานก่อสร้างมานานถึง 36 ปี โดยชูจุดขายในเรื่องทำเลที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ (เดินเข้าซอยประมาณ 150 เมตร แต่ถ้านับจากตัวสถานีจะมีระยะห่างมายังโครงการประมาณ 230 เมตร)
สำหรับโครงการเพื่อนบ้านที่จะจ๊ะเอ๋กันได้แก่ โครงการ โนเบิล รีมิกซ์ และอีกหนึ่งโครงการใหญ่ที่รอการเปิดตัวของค่าย เฟรเกรนท์ ที่กำลังวาดโครงการเรสซิเดนซ์หรูบนพื้นที่กว่า 7 ไร่ บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 และจะดึงแบรนด์โรงแรม 6 ดาวมาช่วยบริหาร (โครงการเออร์บิเที่ย จะตั้งติดกับโครงการนี้) สำหรับส่วนของท้ายซอยสุขุมวิท 36 สามารถออกไปยังถนนเส้นพระราม 4 ที่สามารถใช้ถนนเส้นนี้เข้าสู่แยกบ่อนไก่และถนนวิทยุได้โดยง่าย และคงถูกอกถูกใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิ่งท่ามกลางธรรมชาติแน่นอน เนื่องจากไม่ไกลจากโครงการจะเป็นที่ตั้งของสวนเบญจสิริ สวนสาธารณะสุดฮิตสำหรับคนรักสุขภาพ โดยอยู่ห่างจากตัวโครงการเพียง 1 สถานีรถไฟฟ้า (สถานีพร้อมพงษ์)
การเดินทางมายังโครงการโดยรถไฟฟ้าจะสะดวกมากที่สุดเพราะสามารถลงได้ที่สถานีทองหล่อ หลังจากนั้นเลือกทางออกที่ 3 เดินมาตาม skywalk จะเจอจุดสังเกตคือ โครงการโนเบิล รีมิกซ์ ตึกสีม่วงๆ บริเวณปากซอย 36 จากปากซอยให้เดินเข้าไปประมาณ 150 เมตรจะเจอที่ตั้งโครงการ (จะอยู่ติดกับที่ดินแปลงที่ล้อมด้วยป้าย Fragrant Group ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวบริเวณปากซอย)
Sales Gallery
ตัวอาคารสำนักงานขายจะอยู่คนละตำแหน่งกับตัวโครงการ สามารถลงได้ที่สถานีเดียวกันนั่นคือทองหล่อแต่ให้เลือกทางออกที่ 4 เพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 38 แนะนำว่าให้นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาเนื่องจากสำนักงานขายจะอยู่ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 38 ประมาณ 450 เมตร (ผ่านหน้า Ashton Morph 38) สำนักงานขายจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ
เมื่อเดินผ่านโครงการ Ashton มาประมาณ 150 เมตร จะพบสำนักงานขายโครงการเออร์บิเทีย ทองหล่อ อยู่ทางซ้ายมือ
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย
ใจกลางสำนักงานขายจะเป็นต้นไม้ (ขนาดย่อ 1: 100) ที่จะขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าของโครงการโดยของจริงจะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่
สถานที่ lifestyle
ร้าน Blue Dye Cafe
ร้าน บลู ดาย คาเฟ่ เป็นร้านประเภท คาเฟ่และบริสโท นั่นคือมีทั้งกาแฟและอาหารที่มีทั้งเมนูไทยและเทศ
เมนูแนะนำ
ร้าน Barn@36
ร้าน บาร์นแอทสามสิบหก เป็นร้านที่มีการตกแต่งสไตล์โรงนายุโรปสมัยเก่าแต่มีการผสมผสนกันระหว่างเมนูเครื่องดื่มไทยและสากล พร้อมฟังดนตรีสดแนวคันทรี่โฟลค์ (เปิดบริการ 19.30-21.00)
เมนูแนะนำ
*ทั้งสองร้านตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 36
คอนเซ็ปต์ของโครงการคือการนำเสนอความลงตัวกันของ urban lifestyle และ green space เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อชูศักยภาพของโครงการว่าถึงแม้จะอยู่อาศัยใจกลางเมืองแต่ในขณะเดียวกันก็มีธรรมชาติมาให้สัมผัสกันถึงระเบียงห้อง ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ตัวโครงการแตกต่างจากโครงการอื่นที่อยู่ในทำเลสุขุมวิท – ทองหล่อ ที่ค่อนข้างโอนเอียงไปทาง การอยู่อาศัยใจกลางเมือง อีกลักษณะเด่นของโครงการคือต้นไม้ที่มีขนาดความสูง 5 เมตร ที่โครงการมอบให้บริเวณระเบียง
สำหรับเรื่องการดูแลพื้นที่สีเขียวส่วนตัวไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลใดๆ เพราะตำแหน่งที่ตั้งของต้นไม้ได้ติดตั้ง sprinkle อัตโนมัติ สำหรับโจทย์เรื่องความเป็นส่วนตัวนั้นถูกตอบในจำนวนของยูนิตทั้งโครงการที่มีเพียง 130 ยูนิต ทำให้บรรยากาศภายในโครงการค่อนข้างเงียบสงบ
บทวิเคราะห์
ทำเลสุขุมวิทขึ้นชื่อว่ามีตัวเลขการเก็งกำไรจากต่างชาติเข้ามาในตลาดอสังหาฯ มากที่สุดเนื่องจากเป็นทำเลที่อยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ (CBD: Central Bangkok District) และถ้าเทียบเคียงระดับราคาในอสังหาฯ ระดับ luxury กับเมืองชั้นนำอย่าง ฮ่องกง, สิงคโปร์, เสินเจิ้น (จีน) และใต้หวัน ถือว่ายังถูกกว่ามาก โดยจุดนี้ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะชาติเอเชียอย่างจีนและฮ่องกงเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาฯเพื่อมองสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนต่อปีอยู่ที่ 7% ขึ้นไปต่อปีและต่อกรได้ดีกับอัตราเงินเฟ้อ ตัวเลข yield นี้ คืออัตราที่ดีเวลลอปเปอร์เจ้าต่างๆในไทยขนอีเว้นท์นำเสนอโครงการแนวรถไฟฟ้าต่อนักลงทุนต่างชาติ ณ ต่างประเทศด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวโน้มราคาต่อตารางเมตรของโครงการเออร์บิเทีย ทองหล่อ น่าจะทำให้นักลงทุนที่ได้ทำการซื้อไปก่อนหน้ายิ้มแก้มปริเนื่องจากยอด presales ในวันแรกที่เปิดขาย (2 เม.ย. 59) ทำยอดขายไปได้ 83% ซึ่งที่จริงสามารถปิดการขายโครงการได้ 100% แต่ทางโครงการอยากจะขอล็อกตัวเลขไว้ที่ 80% แต่ก็ต้านแรงดีมานด์ไม่ไหวจึงหลุดเพิ่มมาอีก 3% ณ วันเปิดขาย โดยราคาที่เปิดขายต่อตารงเมตรอยู่ที่ 170,000 บาท 24 ชม. ต่อมาราคาถูกผลักขึ้นไปแตะที่ 210,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับห้องจำนวน 17% ที่เหลือ และคาดว่าแนวโน้มจะไปต่อไปเรื่อยๆ จนโครงการสร้างเสร็จในเดือนตุลาคมปีหน้า (’60) และแน่นอนในเรื่องอัตราการปล่อยเช่าสามารถปล่อยในอัตราที่สมเหตุสมผลให้กับผู้บริหารชาวต่างชาติ ที่เข้ามาทำงานในย่านทองหล่อซึ่งพวกเขาเหล่านี้มีงบให้เช่าที่พักจากบริษัทต้นสังกัดให้ต่อเดือนอยู่ที่ 6 – 7 หมื่นบาท โดยราคาเช่าต่อตารางเมตรที่สามารถทำได้สำหรับโครงการประเภทนี้ในถนนเส้น สุขุมวิท – ทองหล่อ จะอยู่ที่ประมาณ 1,800 – 2,000 บาท/ตารางเมตร/ เดือน ทำให้ราคา yield ต่อปีจะอยู่ที่ประมาณ 8% ขั้นต่ำ สำหรับยูนิตเริ่มต้นที่ขนาด 34 ตร.ม. (กรณีที่ได้ยูนิตมาในราคาที่ 210,000 บาท/ตารางเมตร)
เปรียบเทียบโครงการ
1. Verde Sukhumvit 49
ชื่อโครงการ: แวร์เด สุขุมวิท 49 (Verde Sukhumvit 49)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ซับเจคทีฟ จำกัด
ที่ตั้งโครงการ: 267/1 ซอยสุขุมวิท 49 แยก 15 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เนื้อที่โครงการ: 305 ตารางวา (1,220 ตารางเมตร)
รูปแบบโครงการ: คอนโดมิเนียม ความสูง 7 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยรวมทั้งสิ้น 31 ยูนิต
ราคาขายเริ่มต้น: 7.3 ล้านบาท
ราคาขายเฉลี่ย/ตารางเมตร: 165,000 บาท
รูปแบบแบบห้อง: มีทั้งหมด 15 แบบ 1 Bedroom 12 ยูนิต, 2 Bedroom 18 ยูนิต, Penthouse 1 ยูนิต ตกแต่งแบบ Fully Fitted เฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน แอร์ และชุดครัว
2. Rhythm Sukhumvit 36-38
ชื่อโครงการ: ริทึ่ม สุขุมวิท 36-38 (Rhythm Sukhumvit 36-38)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอพี (ไทยแลนด์จำกัด) มหาชน: AP
เนื้อที่โครงการ: 2 ไร่ 2 งาน 76.3 ไร่
จำนวนยูนิต: 496 ยูนิตอยู่อาศัย 1 ยูนิตร้านค้า
แบบห้อง:
–สตูดิโอ พื้นที่ 24 ตารางเมตร
-1 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 33 – 49 ตารางเมตร
-2 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 54.50 – 86 ตารางเมตร
ราคาเริ่มต้น: 4.1 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร: 174,702 บาท/ ตารางเมตร
*ริทึ่ม สุขุมวิท 36-38 เป็นโครงการในลักษณะไฮไรส์ สาเหตุที่เรานำมาเปรียบเทียบเพราะด้วยราคาที่อยู่ใกล้เคียงกับเออร์บิเทีย ทองหล่อและทำเลอยู่ในละแวกเดียวกัน
สรุป
ไม่ว่าโครงการอะไรหรือจากดีเวลลอปเปอร์เจ้าไหนหากเลือกขึ้นโปรเจคในช่วง สุขุมวิท – ทองหล่อ สามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากขาเก็งกำไรทั้งนอกและในประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าโครงการประเภทนี้สร้างสีสันให้กับวงการอสังหาฯเป็นอย่างมาก และเทรนด์นี้เองจะค่อยๆ ดันราคาที่ดินต่อตารางวาในเส้นสุขุมวิทให้สูงขึ้น แต่โจทย์ ณ ปัจจุบันคือการแบรนด์ดิ้งโครงการให้อยู่ในระดับลักซ์ชัวรี่ให้ได้ ยิ่งถ้าเป็นโครงการโลว์ไรส์คงต้องเน้นเป็นพิเศษเพราะพื้นที่ตารางเมตรต่อชั้นที่ขาย (square metre per floor) มีน้อยเนื่องด้วยข้อจำกัดในลักษณะของโครงการ ทำให้ภาพลักษณ์ของโครงการที่ถูกฉายไปยังผู้บริโภคเองก็ดีหรือนักลงทุนเองก็ดีต้องแสดงให้เห็นว่านี่คือราคาที่สมควรได้รับการจัดประเภทเป็นลักซ์ชัวรี่จริงๆ ไม่ใช่ได้แต่โปรโมทโปรดักส์ของตัวเองแต่คุณภาพที่เกิดขึ้นจริงกลับสวนทางกับคำโฆษณาที่เกริ่นไว้ จากสภาพการณ์ของตลาดในระดับกลาง-ล่าง ที่กำลังชะลอตัวเนื่องจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจึงทำให้ผู้บริโภคหันมาออมมากขึ้น รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารที่รัดกุมขึ้น อย่างไรก็ตามผู้บริโภคเซ็กเมนต์ตลาดบนดูจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากมีเงินเย็นอยู่ในมือ และมีดีมานด์ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในโครงการที่อยู่อาศัยระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป และจากการลงพื้นที่ไปรีวิวห้องตัวอย่างของโครงการ เรามองเห็นว่าโครงการเออร์บิเทีย ทองหล่อ ทำการบ้านและตอบโจทย์โปรดักส์ในลักษณะนี้มาอย่างดีทั้งในแง่ของการลงทุนและการอาศัยอยู่เองไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพื้นที่สีเขียวที่มีจุดเด่นเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่และความเป็นส่วนตัวรวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องที่ตอบโจทย์คนสมัยใหม่
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ