สนใจ บ้าน ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
โกลเด้น แลนด์ ชื่อผู้พัฒนาโครงที่ใครหลายคนต่างคุ้นหูและประสบความสำเร็จกับการปิดการขายที่รวดเร็วของแต่ละโครงการที่ผุดขึ้นโดยเฉพาะในตลาดทาวน์โฮมที่บริษัทนั้นช่ำชองเป็นพิเศษ รวมถึงประสบการณ์ในแวดวงอสังหาฯเกือบ 40 ปี การเลือกทำเลของโครงการ โกลเด้น ซิตี้ ครั้งนี้มาที่ถนนเทอดพระเกียรติ หากลองค้นดูว่าถนนนี้ตั้งอยู่ที่ใด หลายคนอาจจะสงสัยว่าไกลไปหรือไม่? – คำตอบคือถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าอยู่ในเขตของจังหวัดนนทบุรีอย่างบางกรวย แต่หากดูถนนที่เชื่อมต่อกับโครงการจะเห็นว่าเข้าถึงถนนเส้นใหญ่ๆ ที่วิ่งตรงเข้ามายังเมืองได้สบายๆ อย่างถนนราชพฤกษ์ รวมถึงอีกหนึ่งการมาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณใกล้กับบางกรวย ที่การก่อสร้างกำลังดำเนินการก่อสร้างได้ช่วยผลักดันให้ย่านดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ โกลเด้น ซิตี้ ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ นั้นดูครึกครื้นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มีนาคม 2559)
ชื่อโครงการ: โกลเด้น ซิตี้ ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ (Golden City Pinklao-Jaransanitwong)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท โกลเด้นแลนด์ เรสซิเด้นซ์ จำกัด ในเครือบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
พื้นที่โครงการ: 52-3-88.68 ไร่
ประเภทโครงการ: ทาวน์โฮม 2 ชั้น และ 3 ชั้น
จำนวน: 495 ยูนิต
รูปแบบบ้าน:
ทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาดที่ดิน 18.53-21.20 ตร.ว.
ทาวน์โฮม 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 22.6 ตร.ว.
สถานะการก่อสร้าง: กำลังดำเนินการก่อสร้างสำหรับ เฟส 2
เงื่อนไขการชำระเงิน:
จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 30,000 บาท
ค่าส่วนกลาง: 35 บาทต่อตารางวาต่อเดือน (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
พื้นที่ส่วนกลาง: ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ และสวนหย่อม
ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
เว็บไซต์โครงการ: www.goldenlanresidence.co.th
โครงการ โกลเด้น ซิตี้ ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงส์ถือว่าเป็นโครงการนำร่องที่ทาง โกลเด้นแลนด์ นั้นนำการผสมผสานระหว่างดีไซน์บ้านจากอังกฤษมาปรับใช้กับโครงการของตนนั่นคือการเล่นลวดลายของอิฐประดับในโครงสร้างของอาคารทำให้เสมือนอยู่ในบรรยากาศบ้านในประเทศแถบตะวันตก นอกจากนี้โครงการยังมีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ สำหรับรองรับรูปแบบและขนาดของครอบครัวที่แตกต่าง
โกลเด้นแลนด์ เน้นการรุกตลาดที่สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็วด้วยราคาที่ของโปรดักส์ที่ค่อนข้างน่าสนใจเมื่อเทียบกับโครงการในระดับเดียวกัน โกลเด้น ซิตี้ ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ทางบริษัทแผ่นดินทองสามารถสร้างยอดขายเกินกว่า 50% จากจำนวนยูนิตทั้งหมดได้ (ประมาณ 258 จาก 495 ยูนิต) โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.64 ล้านบาท (ขนาดพื้นที่ดินเริ่มต้น 18.53 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 101 ตร.ม.)
การก่อสร้างของโครงการแบ่งออกเป็น 2 เฟส ด้วยกัน โดยสถานะการก่อสร้างล่าสุดสำหรับยูนิตที่สามารถเข้าอยู่ได้ตอนนี้มีจำนวนประมาณ 26 ยูนิต
แบบบ้านของโครงการประกอบด้วย 3 รูปแบบด้วยกันนั่นคือ Windsor, Kensington และ Buckingham โดยดีไซน์ในแต่ละรูปแบบจะเป็นแบบเดียวกันนั่นคือ Modern English สิ่งที่แตกต่างกันคือขนาดของพื้นที่ใช้สอยรวมถึงจำนวนห้องที่เพิ่มขึ้นมาดังนี้:
Buckingham – 5 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
-ฟังก์ชั่นพิเศษ ห้องพระ พื้นที่ครัวไทย และ พื้นที่สำหรับห้องซักรีด
-ขนาดหน้าบ้านกว้าง 5.7 เมตร ลึก 15.85 เมตร พื้นที่ 22.59 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 187.17 ตร.ม.
-ราคาเริ่มต้น 3.98 ล้านบาท
ประเภทบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น จะมีด้วยกัน 408 ยูนิต (แบบบ้าน Windsor และ Kensington) ส่วนประเภท 3 ชั้นจะมี 87 ยูนิต (แบบบ้าน Buckingham)
Kensington – 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
-ฟังก์ชั่นพิเศษ ห้องพระ พื้นที่ครัวไทย และ พื้นที่สำหรับห้องซักรีด
-ขนาดหน้าบ้านกว้าง 5.7 เมตร ลึก 14.85 เมตร พื้นที่ 21.20 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 130 ตร.ม.
-ราคาเริ่มต้น 2.95 ล้านบาท
Windsor – 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
-ฟังก์ชั่นพิเศษ พื้นที่ครัวไทย และ พื้นที่สำหรับห้องซักรีด
-ขนาดหน้าบ้านกว้าง 5.7 เมตร ลึก 13 เมตร พื้นที่ 18.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 101 ตร.ม.
-ราคาเริ่มต้น 2.64 ล้านบาท
ประเภทบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น จะมีด้วยกัน 408 ยูนิต (แบบบ้าน Windsor และ Kensington) ส่วนประเภท 3 ชั้นจะมี 87 ยูนิต (แบบบ้าน Buckingham)
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะใช้พื้นที่เดียวกับสำนักงานขายโดยจะเปลี่ยนเป็นโซนฟิตเนสหลังจากที่โครงการปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บรรยากาศภายในโครงการ
แบบบ้าน Windsor
แถบบ้าน Kensington
แถบบ้าน Buckingham
*แบบบ้านทั้งสามแบบจะแตกต่างกันในเรื่องของพื้นที่ใช้สอย, พื้นที่จอดรถ สำหรับบ้าน Buckingham จะมี 3 ชั้น
สำนักงานขายที่จะถูกเปลี่ยนเป็นคลับเฮ้าส์เมื่อสามารถปิดการขายได้หมด
สระว่ายน้ำส่วนกลาง
พื้นที่จอดรถเพื่อเข้าเยี่ยมชมโครงการ
พื้นที่สีเขียวส่วนกลางในอนาคต
ถนนด้านหน้ายูนิตอยู่อาศัยกว้าง 8 เมตร
ถนนทางเข้าโครงการกว้าง 16 เมตร
สะพานเพื่อข้ามไปยังเฟส 2
รีวิวบ้านตัวอย่างโครงการ
Windsor เป็นบ้านที่มีขนาดเล็กที่สุดของโครงการ ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ ขนาดพื้นที่ดิน 21.2 ตร.ว พื้นที่ใช้สอย 101 ตร.ม.
ตัวบ้านใช้ดีไซน์แบบ Modern English พร้อมระเบียงส่วนตัวบริเวณห้องนอนใหญ่ ชั้นสอง
ประตู ทางเข้าบ้านเป็นลักษณะบานเลื่อน/สำหรับความกว้างหน้าบ้านคือ 5.7 เมตร แต่พื้นที่จอดรถถูกจัดไว้สำหรับ 1 คัน
เหตุที่สามารถจอดรถได้เพียง 1 คันนั้น เนื่องจากดีไซน์บ้าน Windsor แนวบ้านจะยื่นออกมาครึ่งหนึ่งของพื้นที่หน้าบ้านที่กว้าง 5.7 เมตรนั่นเอง
เมื่อเข้ามาพื้นที่แรกที่จะเจอคือห้อง living room
สำหรับห้อง living room สามารถจัดวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้
พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโซฟาสามารถจัดวางเป็นตำแหน่งของโทรทัศน์ได้โดยถ้าต้องการให้พื้นที่ในโซนนี้ดูกว้างขึ้นควรเลือกจัดวางในลักษณะแขวน
พื้นที่ถัดมาจะเป็นในส่วนของ dining room สามารถจัดวางโต๊ะรองรับ 4-6 ที่ได้
จุดใกล้ๆ กันนี้สามารถจัดเป็นโซนเตรียมเครื่องดื่มหรือไวน์ได้
จากจุดเตรียมเครื่องดื่มนี้ติดกับหน้าต่างที่มองออกไปจะเป็นส่วนของครัวไทย
ผู้อยู่อาศัยสามารถติดตั้งครัวไทยในตำแหน่งพื้นที่หลังบ้านนี้ได้ (ทางโครงการจะให้เป็นพื้นที่เปล่า)
จากโซนครัวนี้ มีประตูสองฝั่งสามารถออกไปยังบริเวณข้างบ้านและห้องอเนกประสงค์ด้านข้างที่สามารถเลือกจัดวางเป็นสวนขนาดเล็กหรือห้องซักรีดได้
ณ ห้องอเนกประสงค์จะมีหลังคา skylights ที่สามารถเปิดปินได้จากด้ามหมุนด้านใน
ภายในห้องอเนกประสงค์ (ขนาดประมาณ 1×1.5 เมตร) สามารถจัดวางเก้าอี้เพื่อพักผ่อนในสวนขนาดเล็กนี้ได้
จุดตรงข้ามกับโซนเตรียมเครื่องดื่มจะเป็นห้องอเนกประสงค์ (ภายในตัวบ้าน)
จากห้องนี้จะมีหน้าต่างที่ติดกับห้องอเนกประสงค์หลังบ้าน
ทางโครงการเลือกแต่งห้องนี้เป็นห้องโฮมเธียเตอร์
พื้นที่ใต้บันไดจะเป็นห้องน้ำชั้น 1
ห้องน้ำชั้น 1 จะมีอุปกรณ์ shower ติดตั้งให้เช่นกัน สุขภัณฑ์ทั้งหมดที่ให้เป็นแบรนด์ Englefield
บันไดทางขึ้น พื้นบันไดและพื้นชั้น 2 จะใช้เป็นลามิเนต
จากจุดตรงบันไดฝั่งขวาจะเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้อง
ห้องทางขวามือจะมีพื้นที่ประมาณ 3×3 เมตร สามารถจัดวางเตียงขนาด 3 ฟุต ซึ่งจะทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น
พื้นที่ปลายเตียงสามารถทำเป็นงานบิลท์อินชั้นวางหนังสือ-ทีวี
สำหรับห้องข้างในฝั่งซ้ายมือจะมีพื้นที่ขนาดเท่ากัน
เช่นเดียวกันหากเลือกเตียงขนาด 3 ฟุต จะมีพื้นที่ปลายเตียงและพื้นที่เหลือสำหรับวางตู้เสื้อผ้า/ สำหรับอีกห้องนอนด้านใน จะมีหน้าต่างฝั่งริม (ปลายเตียงด้วย)
Master Bedroom
ขนาดของห้อง Master Bedroom นี้มีพื้นที่ประมาณ 5×3 เมตร พื้นเป็นลามิเนต หนา 8 มม. เช่นเดียวกัน
สำหรับแนวกว้างแม้จะวางเตียง 5 ฟุต พื้นที่ยังเหลือด้านข้างสำหรับจัดวางโต๊ะทำงานได้
บริเวณปลายเตียงเหลือพื้นที่ไม่มาก หากต้องการติดตั้งทีวีควรเลือกแบบแขวน หรือทำเป็นงานบิลท์อินชั้นวางติดผนัง
ตำแหน่งวางเตียงจะมีทั้งหน้าต่างบานกระทุ้งเตียงและด้านข้าง
ห้องน้ำ ชั้น 2
สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ shower ที่ทางโครงการมอบให้เป็นแบรนด์ Englefield เช่นเดียวกัน
Kensington เป็นบ้าน 2 ชั้นที่มีขนาดเล็กสุดของโครงการ (พื้นที่ดิน 18.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 130 ตร.ม.) ฟังก์ชั่นที่ทำให้แตกต่างจากบ้าน Windsor คือพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น กับชั้นลอยขนาดเล็กสำหรับจัดวางหิ้งพระ หน้าบ้านของบ้านแบบนี้จะมีขนาดกว้าง 5.7 เมตรเช่นเดียวกันแต่สามารถจอดรถได้ 2 คันทำให้มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าบ้าน Windsor
หน้าบ้านจะแตกต่างกับแบบ Windsor โดยประตูทางเข้าตัวบ้านจะอยู่หลังพื้นที่จอดรถ
ประตูเป็นชนิดบานเลื่อนเช่นเดียวกัน
สำหรับ layout ชั้น 1 จะคล้ายกับบ้านแบบ Windsor เมื่อเปิดเข้ามาจะเป็นในส่วนของ living room
เนื่องจากลักษณะหน้าบ้านไม่ได้ยื่นออกไปดังเช่นบ้านแบบ Windsor ทำให้พื้นที่ชั้น 1 กว้างขึ้น นั่นหมายถึงพื้นที่ living room ที่กว้างขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นจึงสามารถจัดวางโซฟาสำหรับ 3-4 ที่นั่งได้ รวมถึงโซฟาแชร์เพิ่มได้อีกเช่นกัน
เนื่องจากพื้นที่เหลือเยอะทำให้ระยะห่างของทีวีไกลขึ้น สามารถติดตั้งทีวีที่มีขนาด 40 นิ้วขึ้นไปได้
พื้นที่ติดกับจุดวางทีวีคือห้องน้ำ/ ติดกับห้องน้ำจะเป็นห้องอเนกประสงค์
ส่วนต่อมาจะเป็น dining room ที่มีพื้นที่พอที่จะวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 4-5 ที่นั่งได้
คล้ายกับแบบบ้าน Windsor ตรงทางเข้าไปยังพื้นที่หลังบ้านเป็นจุดเตรียมเครื่องดื่มและอาหารทานเล่น
หลังบ้านจะเป็นส่วนของพื้นที่สำหรับครัวไทย ที่มีการกั้นโซนไว้ให้ (ไม่ได้ให้งานบิ้ลท์อินมา)
สำหรับห้องอเนกประสงค์หลังบ้านตัวอย่างนี้จัดเป็นห้องซักรีด (เหมาะแก่การทำเป็นห้องซักรีดเพราะหลังคา sky light ที่แสงจะเข้ามาจะช่วยทำให้ผ้าแห้งได้เร็ว)
ห้องโซนหลังบ้านจะติดกับหน้าต่างห้องอเนกประสงค์ในตัวบ้าน
ห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ในตัวบ้าน ณ ชั้น 1
ทางโครงการเลือกแต่งเป็นห้องนอนเล็กที่สามารถจัดวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้
หน้าต่างในห้องนี้เมื่อเปิดออกไปจะเป็นห้องอเนกประสงค์หลังบ้าน
มุมมองเมื่อมองจากครัวหลังบ้าน/ จะเห็นว่าพื้นที่ชั้นหนึ่งของบ้านแบบ Kensington นี้จะดูกว้าง เพราะไม่ต้องยื่นจุด living room ไปยังพื้นที่จอดรถนั่นเอง ทำให้พื้นที่แนวกว้างจะมีมากกว่า
ห้องน้ำบริเวณชั้น 1
สุขภัณฑ์รวมถึงอุปกรณ์ shower ยังคงใช้แบรนด์ Englefield
ทางขึ้นชั้น 3 (พื้นบันไดใช้ลามิเนต)
เมื่อขึ้นมาจะพบกับโซนห้อง 2 ฝั่งนั่นคือ ฝั่งขวาจะเป็นส่วนของห้องนอนเล็ก 2 ห้อง/ ฝั่งซ้ายจะเป็น Master Bedroom และ ห้องน้ำชั้น 2
Master Bedroom
จุดที่เหมาะสำหรับจัดวางเตียงนอนคือซ้ายมือของห้องซึ่งจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งให้ (ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกแนววางเตียงได้แต่หากวางในแนวยาวจะมีพื้นที่ปลายเตียงเหลือน้อย)
พื้นที่ปลายเตียงสามารถทำชั้นวางบิลท์อินติดผนัง เพื่อจะทำให้เหลือพื้นที่มากกว่า
ห้องนอนเล็กห้องที่ 1
ห้องนอนเล็กห้องที่ 1 นี้ มีขนาด 3×3 เมตร สามารถจัดวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้ หน้าต่างที่ให้มาคือหน้าต่างบานเลื่อน
สำหรับพื้นที่ปลายเตียงสามารถเป็นบิลท์อินชั้นติดผนังสำหรับวางทีวีเพราะเนื้อที่จะเหลือน้อย
ห้องนอนเล็กห้องที่ 2
หน้าต่างในห้องเป็นแบบบานเลื่อน
สำหรับพื้นที่ของห้องนี้จะมีขนาด 3×4 เมตร ทำให้พื้นที่ปลายเตียงเหลือกว้างสามารถเขยิบชั้นวางทีวีออกมาเพื่อวางในมุมเฉียงได้ (ชั้นวางชนิดตั้งพื้น)
เนื่องด้วยขนาดที่กว้างกว่าของห้องนอนเล็กห้องที่ 2 นี้ ทำให้สามารถจัดวางตำแหน่งของโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะหนังสือได้
แบบบ้าน Kensington จะมีห้องพระเพิ่มขึ้นมาโดยจะเป็นในลักษณะของชั้นลอย
สามารถจัดวางโต๊ะหมู่บูชาขนาดเล็กได้
เนื่องจากความสูงเพดานของชั้น 2 สูงถึง 4 เมตรทำให้สามารถติด chandelier ได้
ห้องน้ำบนชั้น 2 สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ shower ทางโครงการให้แบรนด์ Englefield
บ้านตัวอย่าง แบบ Buckingham
แบบบ้าน Buckingham จะเป็นแบบที่ใหญ่ที่สุดและมี 3 ชั้น สำหรับพื้นที่ดินจะมีขนาด 22.59 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยจะขยับมาเป็น 187.17 ตร.ม.
หน้าบ้านจะมีขนาดความกว้างที่ 5.7 เมตรเช่นเดียวกัน
พื้นที่จอดรถสามารถจอดได้ 2 คล้ายกับแบบบ้าน Kensington
Layout ในส่วนของชั้น 1 จะคล้ายกับแบบบ้าน Kensington ประกอบด้วย living room, dining room, ห้องอเนกประสงค์, ครัวไทย และห้องอเนกประสงค์หลังบ้าน แต่ Buckingham จะมีชั้น 3 เพิ่มขึ้นมา
เหลือเนื้อที่พอที่จะจัดวางโต๊ะรับแขก/ จุดวางทีวีห่างพอทำให้วามารถวางทีวีในขนาด 40 นิ้วขึ้นไปได้
โซน living สามารถจัดวางโซฟาขนาด 3-4 ที่ได้
ห้องน้ำจะอยู่ติดกับจุดวางทีวี
โซน dining สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4-6 คนได้
หลังโซน dining จะเป็นหน้าต่างที่มองออกไปครัวไทยหลังบ้านได้
พื้นที่หลังบ้านสำหรับครัวไทย โครงการทำการกั้นห้องไว้ให้แต่ไม่ได้ให้งานบิ้ลท์อินครัวมาด้วย
ประตูฝั่งขวาสามารถเปิดไปพื้นที่ข้างบ้านได้
อีกฝั่งสามารถเปิดไปยังพื้นที่อเนกประสงค์หลังบ้านได้
ทางโครงการเลือกแต่งพื้นที่อเนกประสงค์นี้เป็นห้องซักรีด
พร้อมหลังคาหน้าต่าง skylights หมุนเปิดปิดได้ จากด้ามหมุนด้านใน
หน้าต่างที่เปิดจากห้องอเนกประสงค์ด้านในบ้าน
ห้องอเนกประสงค์บริเวณชั้น 1
โครงการเลือกแต่งห้องนี้เป็นห้องทำงาน
ขนาดความกว้างประมาณ 3×3 เมตร
จากห้องนี้มีหน้าต่างที่มองออกไปยังห้องอเนกประสงค์หลังบ้านได้
ห้องน้ำบริเวณชั้น 1
ทางโครงการมอบสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ shower แบรนด์ Englefield ให้
ทางขึ้นชั้น 2
เมื่อขึ้นมาจะเป็นโซนอเนกประสงค์กลางชั้น ซึ่งผู้อยู่อาศัยสามารถดัดแปลงได้ตามความต้องการในการใช้พื้นที่
Master Bedroom ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2
Master Bedroom ใหญ่พอที่จะมีโซน living ภายในห้องได้
สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้แบบสบายๆ
พื้นที่ด้านในฝั่งขวาของห้องสามารถทำเป็นชั้นวางทีวีปลายเตียงได้
โซนด้านในห้องเป็นหน้าต่างขนาดสูงใหญ่แบบบานกระทุ้งซึ่งสามารถจัดวางเตียงได้ที่ส่วนนี้
เมื่อเดินเข้ามาอีกจะเป็นประตูบานเลื่อนเพื่อออกไประเบียงส่วนตัวขนาด 2×0.5 เมตร
มุมเมื่อมองจากบริเวณเตียงนอน
พื้นที่ห้องก่อนเปิดออกไปยังระเบียงมีขนาดใหญ่ที่สามารถทำเป็น walk-in closet ได้
ตำแหน่งหน้าห้องน้ำในห้องนอนมีพื้นที่สามารถจัดวางเป็นตู้เสื้อผ้าได้ ขนาดเล็กนอกจาก walk-in closet ที่กล่าวไปในข้างต้น
มุมเมื่อมองจากฝั่งตู้เสื้อผ้า ณ living zone
ห้องน้ำใน Master Bedroom
พื้นที่ห้องน้ำอาจจะดูเล็กไปเสียหน่อยหากคู่รักต้องทำธุระพร้อมกัน
เมื่อขึ้นมาบนชั้น 3 นี้จะพบว่าโซนห้องจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง
ห้องนอนทางฝั่งขวามีขนาดกว้างขวาง (ประมาณ 2×3 เมตร) สามารถจัดวางเตียงขนาด 4-5 ฟุตได้
ส่วนความกว้างนั้นกว้างถึง 4 เมตรทำให้พื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างเยอะ
พื้นที่ด้านข้างที่เหลือสามารถจัดวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าได้
หัวเตียงจะติดกับหน้าต่าง ที่มีขนาดเท่ากับห้อง grand master bedroom ชั้นสอง
ระเบียงส่วนตัวขนาด 1.5 เมตร
ความสูงเพดานของชั้นสอง 2.7 เมตร
ห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนใหญ่ชั้น 3
สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ shower แบรนด์ Englefield ขนาดของห้องน้ำจะใกล้เคียงกับของ grand master bedroom ชั้นสอง
ห้องนอนริมฝั่งซ้าย
ห้องนอนอีกห้องทางริมซ้าย
ห้องนอนนี้จะมีขนาดห้องกว้างกว่าห้องริมซ้ายสุด คือมีขนาด 4×2 เมตร
ปลายเตียงติดหน้าต่างและมีพื้นที่สามารถติดงานบิลท์อินชั้นวางได้
ห้องน้ำของชั้น 3
สุขภัณฑ์และ shower แบรนด์ Englefield
บ้านเปล่า (Buckingham)
*บ้านแบบอื่นจะให้เสปกวัสดุเดียวกันแตกต่างกันเพียงพื้นที่ใช้สอย
บ้านจริงพื้นหน้าบ้านจะเป็นปูนเปล่า
บ้านจริงไม่ได้แถมเครื่องปรับอากาศให้
พื้นข้างล่างจะเป็นพื้นแกรนิตโต้ ผนังทาสีขาวเรียบ
พื้นที่ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง
ห้องน้ำชั้น 1 (ผนังและพื้นกระเบื้องเซรามิก)
พื้นที่หลังบ้านจะเป็นปูนเปล่าผู้ซื้อต้องกั้นห้องเอง
ชั้น 2 (พื้นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังสีครีมขาวฉาบเรียบ )
โซนอเนกประสงค์กลางชั้น
ห้อง Grand Master Bedroom ชั้น 2
มุมเมื่อมองจากหลังห้อง
โซนที่ บ้านตัวอย่างให้ไอเดียเป็น walk-in closet ณ ชั้นสองของแบบบ้าน Buckingham
ระเบียงห้อง
ห้องน้ำ ณ Grand Master Bedroom (ผนังและพื้นกระเบื้องเซรามิก)
ชั้น 3 (พื้นที่ให้เป็นลามิเนตหนา 8 มม. ส่วนผนังเป็นแบบทาสีครีมฉาบเรียบ)
ห้องริมซ้าย
ห้องนอนริมที่มีขนาด 4×2 เมตร
ห้องน้ำ ณ ห้องนอนริมขวา (พื้นผนังกระเบื้องเซรามิก)
ห้องนอนริมขวาที่มีระเบียงส่วนตัวขนาด 1.5 เมตร
ห้องนอนริมขวาอีกห้องหนึ่งที่มีขนาด 4×3 เมตร
ประมาณ 50 ปีก่อน พื้นที่ส่วนใหญ่ในย่านบางกรวย จังหวัดนนทบุรีจะเป็นพื้นที่สวนเป็นส่วนใหญ่ การจะเข้าถึงทำได้ยากต้องฝ่าแนวสวนและหนองน้ำด้วยการพายเรือเข้าไป แต่เมื่อความเจริญเริ่มแผ่ขยายทำให้ทำเลบางกรวย ได้รับการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การมีถนนตัดเข้าถึงและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่เข้าไปยังพื้นที่ จนมาถึงจุดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากบรรดาดีเวลลอปเปอร์เจ้าต่างๆ ที่นำโปรเจคบ้านเดี่ยวเข้ามาปักหมุดที่ถนนบางกรวย-ไทรน้อยนี้ และเนื่องจากข้อจำกัดด้านผังเมืองที่ห้ามขึ้นโครงการประเภทไฮไรส์ ส่งผลให้ถนนเส้นนี้ยังคงเสน่ห์เรื่องทิวทัศน์ของความเป็นพื้นที่สวนจากอดีตจนถึงปัจจุบันได้และจุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำหรับดินแดนบ้านสวนแห่งนี้คงหนีไม่พ้นการเกิดขึ้นของการตัดผ่านของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีบางบำหรุที่วิ่งเข้าโดยตรงมายังถนนเส้นนี้ โดยการก่อสร้างขณะนี้ค่อนข้างใกล้ความเป็นจริงแล้ว และกำหนดเปิดให้บริการไม่เกินปี 2563 นี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงนี้ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับย่านบางกรวยเป็นอย่างมาก จนผู้พัฒนาโครงการทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยและค้าปลีกต่างเข้ามาพัฒนาโครงการของตนบริเวณรอบๆ ตัวสถานีจากเดิมที่แนวรอบๆ ข้างเป็นสวนล้อมพื้นที่ แต่ปัจจุบันกลับเป็นสวนคอนกรีตของโครงการในลักษณะเหล่านี้ ไล่ตั้งแต่บ้านเดี่ยวไปจนถึงคอนโดฯ และอพาร์ทเมนต์โลว์ไรส์
มาดูกันเรื่องเส้นถนนต่างๆที่สามารถเข้า-ออก ผ่านถนนเส้นบางกรวย-ไทรน้อยได้ว่ามีอะไรบ้าง:
ถนนนครอินทร์ – เป็นถนนที่สามารถออกไปยังเส้น พระราม 5 ได้และเป็นเส้นที่สามารถเข้าสู่ถนนเส้นราชพฤกษ์ได้โดยผ่านวงเวียนเมื่อวนรถไปฝั่งถนนเส้นราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงยาวที่เมื่อวิ่งเข้าไปจะสามารถเข้าสู่ตัวเมืองผ่านย่าน รัชดาภิเษก-ท่าพระ ข้ามสะพานเพื่อไปลงยังฝั่งพระราม 3 ได้ อีกทั้งจากจุดแยกรัชดา-ท่าพระนี้เองยังเป็นจุดที่สามารถวิ่งตรงเพื่อเข้าสู่โซน CBD (Central Business District ) สาทร-สีลม ได้โดยวิ่งข้ามสะพานตากสินมา
ถนนสิรินธร – เป็นถนนที่ต่อมาจากถนนเส้นบรมราชชนนี หากวิ่งตรงไปจะเข้าสู่เขตดุสิตโดยการข้ามสะพานกรุงธน (สะพานซังฮี้) โดยเขตดุสิตนี่เองเป็นจุดที่สามารถวิ่งเข้าไปยังถนนราชวิถี เชื่อมไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ ซึ่งจากวงเวียนตรงแยกอนุสาวรีย์ชัยฯ นี้สามารถเลือกออกไปยังถนนเส้นต่างๆได้เช่นกัน อาทิ ถนนพหลโยธิน, ราชเทวี, ราชปรารภ และดินแดง จากถนนบรมราชชนนีเมื่อขึ้นสะพานมาจะมีสะพานเลี้ยวขวาเพื่อไปลงยังเส้นปิ่นเกล้า-ศิริราชได้แต่หากเลือกที่จะตรงก็จะเป็นการข้ามมายังสะพานกรุงธน
ถนนแนวรถไฟฟ้าสถานีบางบำหรุ – จากเดิม ก่อนการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้า ถนนที่สามารถตรงไปยังพระราม 7 นั้นยังไม่เปิด แต่หลังจากมีการเปิดเส้นทางนี้ทำให้มีการทำถนนเข้าไปยังเส้นพระราม 7 ได้ หากตรงไปเรื่อยๆ จะสามารถข้ามสะพานพระราม 7 ไปลงยังถนนวงศ์สว่างได้
ถนนบรมราชชนนี – เป็นถนนที่ต้องกลับรถจากถนนสิรินธรเมื่อออกมาจากถนนเทอดพระเกียรติ โดยถนนบรมฯนี้เองเป็นเส้นที่สามารถมุ่งไปยัง กาญจนาภิเษก – บางแค รวมถึง บางบัวทอง – พุทธมณฑลเพื่อออกไปยังนครปฐมได้
การเดินทาง
หากมาจากเส้นราชพฤกษ์ให้ตรงข้ามไปยังฝั่งที่จะเข้าพระราม 5 เมื่อลงสะพานมาให้ชิดซ้ายเพื่อทำการกลับรถเพื่อเข้าเส้นบรมราชชนนี-สิรินธร
เลือกตรงไปยังป้าย พระราม 5
เมื่อลงสะพานมาให้ชิดซ้ายเพื่อกลับรถไปยังปิ่นเกล้า
เมื่อกลับมายังเส้นบรมฯ อีกครั้งให้ตรงยาวมาเรื่อยๆ เพื่อข้ามไปยังถนนสิรินธรซึ่งเป็นถนนที่สามารถตรงไปยังสะพานกรุงธน(ซังฮี)ได้
หลังจากลงสะพานมาให้ชิดซ้ายเพื่อเข้าบางกรวย
ก่อนถึงซอยเข้าบางกรวยสังเกตจะมี 7-Eleven อยู่
7-Eleven อยู่ด้านซ้ายมือ
เมื่อเข้ามาถนนเทอดพระเกียรติให้ตรงเข้ามาเรื่อยๆจะเจอวงเวียน จุดนี้ให้เลี้ยวซ้าย
เมื่อเลี้ยวขวาแล้วให้ตรงเข้ามาเรื่อยๆประมาณ 700 เมตร จะพบโครงการอยู่ซ้ายมือ
ด้านหน้าโครงการ
สถานที่ lifestyle ใกล้เคียง
ที่ตั้ง: ถนนพระปิ่นเกล้า (กลับรถถนนสิรินธรเพื่อเข้าถนนพระปิ่นเกล้า)
ภาพ via: www.scanmitsu.com
T-Square (เดิมเรียกว่า ตั้งฮั่วเส็ง) ที่ตั้ง: กลับรถถนนสิรินธร เมื่อข้ามมาอีกฝั่งจะเจอห้างอยู่ทางซ้ายมือ
ภาพ via: http://www.thaifranchisecenter.com/
Waterfront สะพานซังฮี (ร้านอาหารริมน้ำสุดชิล)
ภาพ via: chillpainai.com
ที่ตั้ง: ใช้ถนนเส้นสิรินธรมุ่งไปยังสะพานซังฮี แต่ช้าก่อนไม่ต้องขึ้นสะพานข้ามฝั่งแม่น้ำไปให้ยูเทริน์ใต้สะพานร้านจะอยู่ตรงทางกลับรถพอดี
เนื่องจากโครงการ โกลเด้น ซิตี้ ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ เป็นทาวน์โฮม และเขตที่ตั้งของโครงการไม่ใช่โซนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ แต่เป็นเขตสำหรับครอบครัวที่ต้องการย้ายไปอยู่ในทำเลชานเมืองในบรรยากาศที่ค่อนข้างส่วนตัว อย่างไรก็ตามการเข้ามายังเขตเมืองของกรุงเทพฯ สามารถทำได้อย่างสะดวก และในอนาคตอันใกล้จะยิ่งสะดวกยิ่งขึ้นเมื่อโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ เช่นเดียวกันในปัจจุบันหากเทียบระยะทางกันแล้วกรุงเทพฯ ชั้นในก็ไม่ได้ห่างไกลไปจากถนนบางกรวย-ไทรน้อยเท่าไรนัก โดยถนนที่สามารถเข้าถึงพื้นที่เหล่านี้ได้มีทั้งถนนราชพฤกษ์ และถนนราชวิถี โดยทั้งสองถนนนี้เชื่อมต่อจากถนนเส้นเดียวกันคือถนนสิรินธร และหากดูราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์ ราคาที่ดินต่อ ตร.ว. ในช่วงถนนสิรินธร ช่วงการประเมิน 3 ครั้งล่าสุด (’51-’54, ’55-’58 และ ’59-,’62) ผลปรากฏว่าจากช่วงที่ 1 มาถึง 3 มีการขยับเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินประมาณ 17% (110,000 บาท มายัง 150,000 ต่อ ตร.ว.) โดยสาเหตุหลักที่ผลักให้ราคาประเมินสูงนั่นคือระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีบางบำหรุ รวมไปถึงคอมมูนิตี้ ศูนย์ค้าปลีกที่ทยอยเกิดขึ้นบริเวณแนวรถไฟฟ้า และคาดว่าหลังจากโครงการรถไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ (คาดว่าจะเป็นปี 2563) ราคาจะถูกปรับขึ้นอีกเนื่องจากความสะดวกสบายต่างๆ ที่เข้ามายังพื้นที่นี้นั่นเอง
เปรียบเทียบโครงการ
1. Pleno ราชพฤกษ์-พระราม 5
ชื่อโครงการ: พลีโน่ ราชพฤกษ์-พระราม 5 (Pleno Ratchapruk-Rama5)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน): AP
ที่ตั้งโครงการ: ตำบลบางกร่าง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
พื้นที่โครงการ: 27-1-24 ไร่
ประเภทโครงการ: ทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ดิน 18 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 100.2 ตร.ม.
จำนวน: 301 ยูนิต
ราคาเริ่มต้น: 2.5 ล้านบาท
รูปแบบการใช้ชีวิตแบบครอบครัว บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม อาจจะเป็นคำตอบสำหรับใครหลายคนด้วยการมองไปถึงอนาคตของจำนวนสมาชิกที่จะเพิ่มขึ้น แต่หากดูจากฐานเศรษฐกิจของประเทศเรากลุ่มผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยหรือบ้านใหม่มีกำลังศักยภาพทางการเงินในระดับโครงการเช่นนี้ หากจะไปเลือกสรรโครงการในเมืองหรือโซนราชพฤกษ์ตอนต้นคงจะเป็นเรื่องที่เกินแรงของตนหรือบางทีราคาบ้านในพื้นที่เหล่านั้นอาจจะอยู่ในจุดที่ overpriced ดังนั้นฐานประชาชนคนชั้นกลางส่วนใหญ่จึงเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ในเรื่องพื้นที่รองรับการใช้งาน (capacity) ที่เพียงพอและอยู่บนทำเลที่สามารถเข้ากรุงเทพฯ ชั้นในได้ค่อนข้างสะดวก อีกทั้งราคาที่จับต้องได้ในช่วง 2-3 ล้านบาท คำว่าชานเมืองอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้ซื้อเหล่านี้เลือกปฏิเสธโครงการประเภทนี้ ดั่งที่เราเห็นในกรณีของสหรัฐที่สองพี่น้อง William และ Authur Levitt ได้ดึงคอนเซ็ปต์เดียวกันมาใช้เมื่อ 70 ปีก่อน นั่นคือกว้านซื้อที่ดินแถบชานเมืองเพื่อสร้างยูนิตอยู่อาศัยที่สามารถเอื้อมถึงได้โดยกลุ่ม middle-income กรณีศึกษาคือเขต Long Island นั่นเอง เรียกได้ว่าดีเวลลอปเปอร์ค่ายแผ่นดินทองนี้กำลังดึงคอนเซ็ปต์ของพี่น้องตระกูลเลวิตต์มาใช้ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนชั้นกลางได้อย่างเห็นผลเลยทีเดียว
สนใจ บ้าน ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
เพอร์เฟค พาร์ค ราชพฤกษ์-ปทุมธานี หนึ่งโครงการบ้านที่น่าสนใจบนถนนราชพฤกษ์-ปทุมธานี ในรูปแบบบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด เป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 199 ยูนิต บนพื้นที่โครงการกว่า 39 ไร่ ออกแบบบ้านสไตล์ Resort กับบรรยากาศพักผ่อนท่ามกลางสวนและคลับเฮ้าส์หรู Modern Luxury Style ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 4 ล้านบาท
ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ห้องชุดจำนวน 476 ยูนิต พร้อมลานกิจกรรม และลานออกกำลังกายขนาดใหญ่ รองรับการพักอาศัยช่วง Work from Home ได้อย่างลงตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 1.45 ล้านบาท
โครงการ สุชารี วิลล์ 7 หลักสี่-ดอนเมือง รูปแบบทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน จำนวน 182 ยูนิต ออกแบบเน้นความเรียบง่าย เพดานบ้านสูงเน้นความโปร่ง ราคาเริ่มต้น 2.95 ล้านบาท
