โครงการอินซิโอ้ เสรีไทย (Incio Serithai) คอนโด Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร และ 5 ชั้น 1 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยรวม 508 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 5 ยูนิต ออกแบบในสไตล์โมเดิร์น มี 3 สระว่ายน้ำ 4 ฟิตเนส และสวนหย่อมตามจุดต่าง ๆ ราคาเริ่มต้น 2.xx ล้านบาท
จากประสบการณ์ด้านธุรกิจอสังหาฯ กว่า 30 ปี ซิตี้ รีสอร์ท กรุ๊ป ได้นำร่องโครงการทาวน์โฮมแรกของบริษัท จากที่สามารถพัฒนาโครงการคอนโดฯ ของบริษัทจนทำให้สามารถปิดการขายได้ 100% ทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็น สายลม ซิตี้ รีสอร์ท, สีลม ซิตี้ รีสอร์ท, สุขุมวิท ซิตี้ รีสอร์ท, ราชวิถี ซิตี้ รีสอร์ท, สุรวงศ์ ซิตี้ รีสอร์ท, เลอ โคเต้ สุขุมวิท 14 และ เลอ โคเต้ ทองหล่อ 8 โดยการเปลี่ยนมาจับตลาดทาวน์โฮมในครั้งนี้ ก็ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี กับโครงการที่ค่อยๆปล่อยยูนิตเป็นเฟสๆและได้รับผลการตอบรับดี (อัตราดูดซับของเฟส 1 และ 2 อยู่ที่ 35% ยูนิตที่ปล่อยออกมา 33 ยูนิต ขายได้ 10) อย่าง “โคเต้ เมซอง พระราม 3” ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่เงียบสงบบนถนนที่มีบรรยากาศค่อนข้างเป็นส่วนตัว ติดถนนที่เข้า-ออกถนนเส้นสำคัญได้หลายเส้นทาง หน้าปากซอยโครงการเป็นทางขึ้นสะพานภูมิพลซึ่งสามารถข้ามไปยังฝั่งสุขสวัสดิ์-พระราม2 และปู่เจ้าสมิงพรายได้ อีกทั้งถนนพระราม 3 ช่วงที่เป็นที่ตั้งของโครงการยังเป็นพื้นที่ริมน้ำอีกด้วย สำหรับข้อมูลเชิงลึกนั้นจะเป็นอย่างไร น่าสนใจแค่ไหน รีวิวฉบับนี้ขนรายละเอียดมาให้คุณ
เจาะลึกโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2559)
ชื่อโครงการ: โคเต้ เมซอง พระราม 3 (Cote Maison Rama3)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ซิตี้ รีสอร์ท กรุ๊ป จำกัด
พื้นที่โครงการ: 8-1-6.2 ไร่
ประเภทโครงการ: ทาวน์โฮม 4 ชั้น จำนวน 79 ยูนิต
ประเภทของบ้าน:
Antoine Villa หน้ากว้าง 6.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 295 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแขก 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 15.3 ล้านบาท
Chatele Villa หน้ากว้าง 6.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 280 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแขก 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 13.88 ล้านบาท
Denfert Villa หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 225 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 12.5 ล้านบาท (ช่วงโปรโมชั่นราคาของยูนิตนี้เริ่มต้นที่ 10.9)
สิ่งอำนวยความสะดวก: คลับเฮ้าส์, สวนพักผ่อน, สระว่ายน้ำ และฟิตเนส
ระบบรักษาความปลอดภัย: ระบบคีย์การ์ด, กล้อง CCTV เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
ค่าส่วนกลาง: 150 บาท/ ตารางวา/ เดือน (ค่าดูแลสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ค่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย, ค่าทำความสะอาดส่วนกลาง, ค่าดูแลจัดสวนต้นไม้, ค่าน้ำและค่าไฟของส่วนกลาง) เก็บล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
ค่ากองทุน (sinking fund): 2,500 บาท/ตารางวา ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
สถานะการก่อสร้าง: ขณะนี้สร้างเสร็จไปแล้ว 2 เฟส (33 ยูนิต) สำหรับยูนิตที่เหลือคาดว่าแล้วเสร็จประมาณปี 2561
ราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรเริ่มที่ 50,000 บาท
เว็บไซต์โครงการ: www.cityresortgroup.com/
รายละเอียดโครงการ
โครงการแบ่งออกเป็น 3 เฟสด้วยกัน โดยเฟสแรกเปิดขายตั้งแต่ 8 ส.ค. 58 และได้รับผลตอบรับดีจนต้องเปิดการขายยูนิตเพิ่มจาก 10 เป็น 33 ยูนิต และเหลือเพียง 9 ยูนิตทั้งเฟส 1 และ 2 สำหรับยูนิตที่เหลืออีก 46 (ของเฟส 2-3) ยูนิต คาดว่าอีก 2 ปี ยูนิตทั้งหมดในโครงการจะสร้างเสร็จหมด ทั้งนี้คงต้องดูเสียงตอบรับจากเฟส 3 จากตลาดด้วยว่าจะเป็นเช่นไรเนื่องจากจะมีบ้าน type (type B) ซึ่งเป็นแบบพิเศษแตกต่างจาก type A, C และ D ซึ่ง type B จะไปปรากฏอยู่ในเฟสที่ 3 เพียงไม่กี่ยูนิต
แบบบ้านของโครงการ (ตามแผนการปัจจุบัน) จะมี 3 แบบ ประกอบด้วย Antoine Villa, Chatele Villa และ Denfert Villa
รายละเอียดบ้านแต่ละแบบมีดังนี้:
Antoine Villa หน้ากว้าง 6.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 295 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแขก 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 15.3 ล้านบาท
Chatele Villa หน้ากว้าง 6.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 280 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแขก 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 13.88 ล้านบาท
Denfert Villa หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 225 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 12.5 ล้านบาท
สำหรับแบบบ้านที่ขายดีที่สุดคือ Denfert Villa ซึ่งเป็นยูนิตขนาดเริ่มต้นของโครงการ
สำหรับแบบบ้านที่ไม่ได้กล่าวถึงในข้างต้นจะเป็นแบบ Belle Villa ซึ่งทางโครงการต้องการสร้างเป็น 4 ยูนิตสุดท้าย (จะมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากบ้านรูปแบบอื่นในโครงการ ในเรื่องของวัสดุ, การออกแบบขนาดของบ้านและพื้นที่ใช้สอย) ทั้งนี้ต้องดูว่ายอดรวมการขายโดยรวมเป็นอย่างไรหากสามารถปิดบ้านประเภท A,C,D ได้หมดหรือใกล้เคียงก็จะเริ่มทำการก่อสร้างบ้านชนิด B นี้
Master Plan โครงการ
โมเดลจำลองโครงการ
ทิศการจัดวางยูนิตจะหันไปเพียง 2 ทิศนั่นคือเหนือและใต้ (ทิศเหนือหันไปทางถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ทิศใต้หันสู่ถนนยานนาวา) โดยขนาบทั้งสองฝั่งนี้จะเป็นวิวโล่งปราศจากการบดบังของตึกสูง ส่วนทิศตะวันออกของโครงการจะเป็นถนนพระราม 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ติดริมน้ำเมื่อมองไปจะเห็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และโครงการไฮไรส์ ศุภาลัย แกรนด์ ริว่า
การออกแบบตัวบ้านดึงคอนเซ็ปต์ Alfresco Staircase มาใช้นั่นคือการเชื่อมโยงพื้นที่ว่างด้วยโถงบันได จะเห็นได้ชัดเจน ณ บริเวณชั้น 2 ของบ้านซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างกว้างทำให้สามารถจัดวางเป็น grand living room ได้
สำหรับดีไซน์ยูนิตของโครงการจะเป็นในลักษณะ modern townhome เพ้นท์ด้วยสีขาวทั้งภายนอกและภายในช่วยปรับมุมมองภายในบ้านให้ดูโปร่งขึ้น ผสมผสานกับการเล่นกับสีส้มและเทาที่ตัดทำให้บ้านดูมีลูกเล่นเพิ่มขึ้น แต่ละชั้นจะมีหน้าต่างกระจกกว้าง (ขนาดขึ้นอยู่กับประเภทบ้าน) และระเบียงส่วนตัวขนาด 1*1 เมตร ติดตั้งทุกชั้น ทำให้สมาชิกในครอบครัวต่างมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเมื่ออยู่ในบ้าน
สำหรับบ้านแปลนมุมจะมีขนาดที่ดินเพิ่มขึ้น โดยราคาเพิ่มเติมจะอยู่ที่ประมาณ 250,000 บาท/ตร.ว.
เนื่องจากทำเลค่อนข้างอยู่ติดกับตัวเมืองทำให้การได้มาซึ่งที่ดินนั้นมีราคาค่อนข้างสูง แต่การออกแบบแปลนของโครงการและจำนวนยูนิตที่มีเพียง 79 ยูนิต ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูกว้างและมีความเป็นส่วนตัวสูง ถนนย่อยภายในโครงการ มีขนาดกว้างถึง 9 เมตร ดังนั้นแขกของผู้อยู่อาศัยสามารถนำรถส่วนตัวจอดด้านหน้ายูนิตได้
ฝั่งตรงข้ามโครงการกำลังมีการก่อสร้างของโชว์รูมนาฬิกาไฮเอนด์ ภายในซอยกำลังอยู่ในช่วงดำเนินการตัดถนนใหม่พื่อเข้าสู่ถนนยานนาวา
บรรยากาศภายในโครงการ
สำนักงานขายของโครงการซึ่ง ณ ตอนนี้ชั้นบนเป็นฟิตเนสแต่ในอนาคตหลังจากปิดการขายได้ด้านล่างจะเป็นสำนักงานนิติบุคคล
หน้าอาคารสำนักงานขายเป็นสระว่ายน้ำขนาด 10×3 เมตร โดย ในอนาคตจะมีการกั้นเป็นสัดส่วนเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น
ส่วนบริเวณด้านซ้ายจะเป็นอู่รถสองแถวและอาคารพาณิชย์หากเข้าไปต่อจะเป็นโซนที่กำลังปิดอยู่เนื่องจากกำลังก่อสร้างถนนเพื่อตัดจากซอยนนทรีนี้เข้าสู่ถนนยานนาวาได้
รีวิวบ้านตัวอย่างโครงการ
บ้านตัวอย่างประเภท Denfert Villa หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 225 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 12.5 ล้านบาท (ช่วงจัดโปรจะเริ่มต้นที่ราคา 10.9 ลบ.)
ขนาดของ floor จะอยู่ที่ 5×5 เมตร (ทั้งชั้น) พื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้องเซรามิก ความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.6 เมตร
โครงการให้ไอเดียการตกแต่งชั้น 1 เป็นส่วนของ living และ kitchen โดยสามารถจัดวางจุด dining สำหรับ 4-6 ททท่านได้ด้วย
เมื่อขึ้นมาจะเจอกับพื้นที่ของชั้น 5.5×5.5 เมตรเช่นเดียวกัน โดยพื้นที่ในชั้นนี้สามารถจัดเป็น living room ขนาดใหญ่ได้อีกห้องหนึ่ง
พื้นที่ของชั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนซึ่งใช้วัสดุพื้นแตกต่างกันโดยฝั่งติดบันไดพื้นจะเป็นไม้ engineered wood ส่วนฝั่งหน้าบ้านจะเป็นพื้นกระเบื้องสีดำเซรามิค8 โดยห้องฝั่งติดหน้าบ้านโครงการให้เป็นไอเดียของห้อง study แต่จะมีพื้นที่น้อยกว่าในส่วนแรกเนื่องจากมี partition ขนาดสั้นกั้นเข้ามา
ห้องน้ำประจำชั้น 2 สามารถเข้าออกได้จากทั้งสองฝั่งของพื้นที่ ผนังเป็นเซรามิคชนิดลื่นพื้นเซรามิคชนิดหยาบ
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำรวมถึงอ่างอาบน้ำจะให้เป็นแบรนด์ American Standard สีขาว/ สำหรับผนังและพื้นจะให้ตามบ้านตัวอย่างนั่นคือกระเบื้องเซรามิกแบบเคลือบมันวาวสำหรับผนังและเซรามิกแบบหยาบสำหรับพื้น
ตัวอย่างนั่นคือกระเบื้องเซรามิกแบบเคลือบมันวาวสำหรับผนังและเซรามิกแบบหยาบสำหรับพื้น
พร้อมโซน rain shower และจุดทำธุระที่ให้เป็นแบรนด์ American Standard
ชั้นที่ 4 จะประกอบด้วยห้องนอนเล็ก 2 ห้อง ซึ่งห้องที่อยู่ติดกับทางขึ้นลงบันไดจะมีขนาดเล็กกว่าห้องที่อยู่ด้านใน พื้นทางเดินปูด้วย engineered wood
ห้องนอนฝั่งอยู่ติดทางขึ้นลงบันได ขนาด 3×2 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้ พร้อมติดตั้งปลั๊กเสียบและจุดสำหรับติดตั้งทีวีไว้ให้
สามารถจัดวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ ถ้าเป็นขนาด 5 ฟุตจะทำให้เหลือพื้นที่ปลายเตียงเพิ่มขึ้นนั่นหมายถึงสามารถจัดวางเป็นชั้นวางทีวีในลักษณะตั้งพื้นพร้อมพื้นที่เดินผ่านที่สะดวก พื้นห้องนอนปูด้วย engineered wood
ในบ้านตัวอย่าง โครงการจัดพื้นที่บริเวณติดประตูของห้องนอนที่ 3 นี้เป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ (ผนังบ้านจริงจะเป็นพื้นสีขาวเรียบ)
บ้านตัวอย่างประเภท Chatele Villa หน้ากว้าง 6.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 280 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแขก 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 13.88 ล้านบาท
จุดแตกต่างกันระหว่างบ้านแบบ Chatele และ Denfert คือความกว้างของหน้าบ้านและภายในตัวบ้านที่จะมีขนาด 6.5×6.5 เมตร สำหรับยูนิตแปลงริมจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งราคาจะเพิ่มขึ้นตารางวาละ 250,000 บาท
พื้นที่หน้าบ้านกว้าง 6.5 เมตร สามารถจอดรถได้สองคัน/ สำหรับบ้านตัวอย่างที่เข้าไปจะเป็นแบบบ้านแปลงริม ซึ่งจะมีพื้นที่ข้างบ้านเพิ่มเข้ามา/ พื้นผิวลานจอดรถเป็นคอนกรีตแสตมป์
สำหรับพื้นที่ชั้นหนึ่งจะแบ่งออกเป็นหลายโซน ได้แก่ โซนนั่งเล่น, โซนรับประทานอาหาร, โซนครัว, ห้องน้ำ, และห้องเก็บของใต้บันได
โซนห้องนั่งเล่น สามารถจัดวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งและโต๊ะรับแขกได้ สำหรับผนังจะเป็นแบบก่ออิฐมวลเบา ฉาบสีขาวเรียบ
พื้นที่หลังบ้านเป็นที่วางแทงค์น้ำ ขนาด 1000 ลิตร และจุดวางเครื่องปั๊มน้ำ (โครงการติดตั้งมาให้) บ้านจริงเป็นพื้นปูน ไม่ได้ปูสนามหญ้าให้
เมื่อขึ้นมาฝั่งซ้ายจะเป็นห้องขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการทำเป็นห้องนั่งเล่นอีกห้องหนึ่ง พื้นที่บนชั้นนี้มีขนาดกว้างถึง 3×6 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. ครึ่งหนึ่งส่วนอีกครึ่งจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิก
สามารถสัมผัสได้ถึงความโปร่งของชั้นเนื่องจากหน้าต่างขนาดใหญ่ดึงแสงเข้ามาช่วยให้ห้อ’ดูสว่างในตอนกลางวัน (หน้าต่างเป็นแบบฟิกซ์)
ผู้อยู่อาศัยสามารถติดตั้ง partition แบบบานเลื่อนหรือม่านเพื่อกั้นห้องให้เป็นสัดส่วน และความเป็นส่วนตัวระหว่างโซนได้
ผนังห้องน้ำเป็นเซรามิก/ สุขภัณฑ์ที่ให้เป็นของแบรนด์ American Standard พร้อมงานบิลท์อินบริเวณอ่างล้างหน้า
Grand Master Bedroom สามารถจัดวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้แบบมีพื้นที่เหลือเฟือ เนื่องจากพื้นที่ห้องที่กว้างถึง 4 เมตรและยาว 6 เมตร สำหรับความสูงเพดานของชั้นนี้อยู่ที่ 2.6 เมตร/ พื้นห้องปูด้วย engineered wood
อ่างอาบน้ำสามารถแช่ได้หนึ่งคน หรือสำหรับคู่รักร่างเล็กได้และสามารถเลือกปรับน้ำเย็น-ร้อนได้ (แบรนด์ American Standard) สำหรับพื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกชนิดหยาบ ส่วนผนังจะเป็นกระเบื้องเซรามิกแบบมันวาว
ชั้น 4 มีอีก 2 ห้องนอน ความสูงจรดเพดานทั้งชั้นจะอยู่ที่ 2.6 เมตร/ พื้นทางเดินปูด้วย engineered wood เช่นกัน
ห้องนอนทางฝั่งซ้ายจะมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนทางฝั่งขวาขนาดของห้องจะอยู่ที่ 4×4 เมตร เนื่องจากขนาดห้องที่กว้างทำให้สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย บริเวณด้านขวาของที่นอนจะเป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ขนาดใหญ่ประมาณ 3×2 เมตร
พื้นที่ทางฝั่งขวาของประตูกว้างพอที่จะสามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ (งานบิลท์อินที่เห็นเป็นเพียงไอเดียสำหรับบ้านตัวอย่าง)
ตรงปลายเตียงบริเวณหน้าห้องน้ำมีพื้นที่เหลือเฟือเช่นกันโดยผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกใช้เป็นมุม study หรือเลือกเป็นชั้นวางเพื่อรองรับทีวีขนาดใหญ่ได้
เมื่อวางเตียงขนาด 3 ฟุต ทำให้มีพื้นที่เหลือสามารถจัดวางเป็นโต๊ะ study และตู้เสื้อผ้าได้ (เป็นเพียงไอเดียสำหรับบ้านตัวอย่าง บ้านจริงจะเป็นห้องเปล่า ผนังก่อด้วยอิฐมวลเบา)
ห้องนอนเล็กทางฝั่งขวาของชั้น 4 จะมีขนาด 4×3 เมตรเหมาะสำหรับวางเตียงขนาด 3 ฟุต เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว/พื้นห้องปูด้วย engineered wood
สุขภัณฑ์และฝักบัวแบรนด์ก็เป็นแบรนด์ American Standard เช่นกัน ภายในห้องน้ำจะมีหน้าต่างขนาดเล็กติดตั้งให้ ซึ่งสามารถเปิดระบายอากาศได้
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
-สุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า, อ่างอาบน้ำ และฝักบัว แบรนด์ American Standard
-พื้นชั้นล่างกระเบื้องเซรามิค
-พื้นและผนังห้องน้ำกระเบื้องเซรามิค
-พื้น ณ ลานจอดรถเป็นคอนกรีตแสตมป์
-ระเบียงส่วนตัว ณ ห้องนอนชั้น 3 ของบ้าน Denfert Villa (พื้นกระเบื้องเซรามิค)
-ระเบียงส่วนตัว ณ living room ชั้น 2 ของบ้าน Chatele Villa (พื้นกระเบื้องเซรามิค)
-กำแพงทาสีขาวครีม
-ปั๊มน้ำดีและถังเก็บน้ำดีติดตั้งบริเวณหลังบ้าน
ทําเล & การเดินทาง
หลังจากที่ราคาที่ดินที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นจนบางแห่งในย่าน CBD (Central Business District) อย่างเช่น สีลม, สาทร, อโศกถึงกับอยู่ในระดับ overpriced ทำให้บริษัทใหญ่ๆ เริ่มย้ายสำนักงานใหญ่หรือ headquarters มาปักหมุดแถบทำเลพระราม 3 โดยเฉพาะพื้นที่ริมน้ำ ตัวอย่างอาคารสำนักงานใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของทำเลนี้คือ อาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์อย่าง บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากราคาของที่ดินในช่วงนั้นยังซื้อ-ขายกันอยู่ในระดับราคาที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับโซนธุรกิจที่ได้กล่าวไปในข้างต้น
อีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ส่งผลให้ถนนพระราม 3 กลายเป็นอีกหนึ่งถนนธุรกิจใหม่นั้นมาจากสมัยก่อนที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 รัฐบาลวางแผนให้ถนนเส้นพระราม 3 นี้เป็นถนนธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ แทนที่ถนนสีลม เนื่องจากถนนสีลมประสบปัญหาด้านการจราจรเป็นอย่างมาก ทำให้เจ้าของธุรกิจต่างๆ มองเห็นว่านี่คือทำเลทองแห่งใหม่จึงพากันย้ายมาเปิดบริษัทกันที่นี่ดังที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงวางนโยบายขยายถนนจาก 4 ช่องทางจราจรไปกลับให้กลายเป็น 8 ช่องทางจราจรไปกลับอย่างที่เห็นในปัจจุบัน อีกทั้งถนนเส้นนี้ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ดินแดนเจ้าสัวเก่า” นั่นคือกลุ่มของบรรดาเจ้าของธุรกิจหรือบริษัทที่ประสบความสำเร็จในอดีตได้ย้ายรกรากที่อยู่อาศัยมายังดินแดนสงบถนนพระราม 3 แห่งนี้ หรือการที่ยังดำเนินบริษัทของตนเองในย่านนี้เช่นเดียวกัน
โครงการโคเต้ พระราม 3 ตั้งอยู่ในซอยนนทรี บนถนนวงแหวนอุตสาหกรรมที่ตัดมาจากถนนพระราม 3 ในบริเวณนี้ยังไม่มีการขึ้นของโครงการที่อยู่อาศัยไฮไรส์มากนัก ดังนั้นตัวทำเลเองยังคงการันตีเรื่องความเป็นส่วนตัวเนื่องจากทำเลย่านพระราม 3 นั้นเป็นถิ่นเจ้าสัวในสมัยก่อนซึ่งต่างซื้อโครงการที่อยู่อาศัยทั้งในลักษณะของบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเพื่อรองรับครอบครัวที่ค่อยๆ ขยายขึ้นจากรุ่นสู่รุ่นทำให้โครงการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะมีทั้งการที่ลูกหลานซื้อให้บรรพบุรุษอยู่หรือบรรพบุรุษซื้อให้ลูกหลานอยู่ แต่จะมีมนุษย์เงินเดือนซื้อเพื่ออยู่เองเพื่อทำงานไป-กลับในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย ทำเลย่านพระราม 3 นี้สะดวกในการเข้าสู่เส้นถนนที่ปูทางไปยังโซนใจกลางเมืองอย่างสาทรและสุขุมวิทได้ บรรยากาศภายในซอยที่ตั้งเป็นบริษัทโลจิสติกส์และบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ ไม่มีตึกสูงขึ้นภายในซอยนนทรี ซึ่งปัจจุบัน (ณ วันที่ไปรีวิว) กำลังทำการตัดถนนเพื่อให้สามารถเข้าสู่ถนนยานนาวาได้จากซอยนี้ โดยถนนยานนาวานี้เองเป็นถนนที่สามารถเข้าสู่ถนนจันทน์งเป็นถนนที่เข้าสู่เส้นสาทรและโซนริมน้ำอีกฝั่ง ณ ถนนเจริญกรุง ถนนสายเก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพฯได้อีกด้วย รวมทั้งสามารถเข้าถึงถนนเส้นต่างๆได้ดังนี้
พระราม 3-พระราม 4
เมื่อออกมาจากซอยนนทรีจะเจอกับถนนวงแหวนอุตสาหกรรมเมื่อทำการกลับรถจะเข้าสู่ถนนพระราม 3 เมื่อเลี้ยวซ้ายแล้วมุ่งหน้าตรงต่อไปเรื่อยๆ จะเข้าสู่ถนนนนทรี-นางลิ้นจี่ที่บรรจบจากเส้นที่มาจากเซ็นทรัล พระราม 3 (ถนนรัชดาภิเษก) หากเลี้ยวเข้าถนนนางลิ้นจี่จะเป็นถนนลัดที่สามารถตัดเข้าไปยังเส้นวิทยุได้ แต่ปริมาณรถจะค่อนข้างหนาแน่นในตอนเช้าหากเลือกใช้เส้นทางนี้ หากเลือกตรงต่อไปจากแยกนางลิ้นจี่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนคลองเตยที่เป็นจุดที่ตั้งของตลาดปีนัง (จุดสังเกตจะเป็นทางรถไฟ) และจะมีสะพานที่ข้ามไปยังถนนสุขุมวิทได้โดยผ่านอาคารสำนักงานอย่าง FYI รวมถึงอาคารตลาดหลักทรัพย์เก่าและศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หากเลือกที่จะวิ่งข้างล่างจะเข้าสู่แยกพระราม 4 จากแยกนี้หากเลี้ยวขวาจะเข้าไปถนนทางรถไฟสายเก่าและถนนพระโขนง ได้ แต่หากเลือกเลี้ยวซ้ายจะเข้าสู่แยกบ่อนไก่และถนนวิทยุ-ศาลาแดงได้
พระราม 3-รัชดาภิเษก
จากริมน้ำถนนพระราม 3 แล้วกลับรถจะเป็นถนนเส้นยาวสามารถข้ามไปยังฝั่งธนบุรีได้โดยการยิงยาวขึ้นสะพานขนาดเล็กต่างๆ ไปเรื่อยๆ หากเลือกเข้าสู่ถนนเจริญราษฏ์จะสามารถเข้าสู่เส้นสาทรได้ แต่หากเลือกข้ามไปยังสะพานกรุงเทพสูงจะสามารถเลือกลงยังรัชดาฯ-ท่าพระ หรือ เจริญนคร-วงเวียนใหญ่ได้ โดยถนนเส้นท่าพระยังเป็นจุดที่สามารถต่อไปยังถนน ราชพฤกษ์-กัลปพฤกษ์ และ จรัญสนิทวงศ์-เพชรเกษมได้
จากถนนเส้นต่างๆที่กล่าวมาล้วนเป็นถนนเส้นสำคัญที่มีปริมาณการจราจรในแต่ละวันที่หนาแน่น แต่ถนนเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้จากถนนเส้นที่ไม่พลุกพล่านมากอย่างพระราม 3 ได้
การเดินทาง
รถยนต์
สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์ให้เลือกใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครเพื่อมาลงยังสาธุประดิษฐ์
เมื่อตรงมาจะเจอกับแยกสาธุประดิษฐ์ ตรงไปจะเป็นถนนพระราม3, ซ้ายเข้าถนนสาธุประดิษฐ์, ขวาเข้าสู่ถนนจันทน์ หากกลับรถจะเข้าเซ็นทรัล พระราม 3 ให้เลือกตรงไปเพื่อเข้าถนนพระราม 3
เมื่อเข้าสู่ถนนพระราม 3 แล้วให้เลือกตรงมาเรื่อยๆจนสังเกตเห็นอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เมื่อเลยธนาคารมาให้ข้ามแยกนี้ไปก่อน
สถานที่ lifestyle
Monopoly Park
Monopoly Park คือ คอมมูนิตี้มอลล์ซึ่งอยู่บริเวณหน้าปากซอยของโครงการ (เมื่อออกมาจากซอยตรงมาประมาณ 200 เมตร) เป็นสถานที่รวมร้านอาหารและเครื่องดื่ม แต่จะเป็นร้านแนวๆ ที่ไม่ใช่ร้านอาหารทั่วๆ ไป ได้แก่ ร้านอาหารและไวน์ Bew Bangkok , ร้าน MG Chocolate Shop และคาเฟ่สุดชิคสไตล์อิตาเลียนอย่าง Ciao Cafe & Wine Boutique
เซ็นทรัลพระราม 3
เซ็นทรัลพระราม 3 จะอยู่ห่างจากตัวโครงการประมาณ 2.9 กม. สามารถเดินทางโดยใช้ถนนนราธิวาสฯ ได้เมื่อเลี้ยวเข้าถนนนราธิวาสฯ ให้เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกนางลิ้นจี่แล้วตรงมา (ไม่ต้องขึ้นสะพาน) เพื่อกลับรถมายังฝั่งเซ็นทรัล พระราม 3 (สามารถดูได้จากเส้นทางในแผนที่ประกอบ)
Intersection หรือ INT เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่รวมร้านอาหารชื่อดัง อาทิ HOBs, After You และร้านอาหารญี่ปุ่น Kasa (ตั้งอยู่ใกล้กับธนาคารกรุงศรีฯ สำนักงานใหญ่)
บทวิเคราะห์
เนื่องจากจำนวนยูนิตที่มีเพียง 79 และราคาของตัวบ้านอยู่ที่ 10.9 ล้านบาท อีกทั้งเป็นทำเลที่ต้องอาศัยการมีรถในการเข้าถึงถนนเส้นสายต่างๆ ทำให้ดีมานด์ในการซื้อล้วนแต่เป็นเรียลดีมานด์ที่เกิดจากครอบครัวที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ถ้าเปรียบเทียบกันในเรื่องของราคาที่ดินแล้วช่วงกรอบเวลา ’51 – ’54 และ ’55 – ’58 ราคาประเมินที่ดินของถนนพระราม 3 (ถนนใหญ่ริมน้ำ) มีการขยับขึ้นสูงถึง 15% ปัจจุบันราคาที่ดินต่อตารางวาขยับไปอยู่ที่ 200,000 – 230,000 บาท สำหรับพื้นที่ดินเดิมที่ได้มาของโครงการคือชุมชนบ้านเรือนที่อยู่ในซอยนนทรีซึ่งอยู่ถอยห่างออกมาจากถนนหลักพระราม 3 เล็กน้อย โดยราคาที่เราสอบถามไปในการเข้าซื้อผืนที่ดินนี้คือ 120,000 บาท ต่อตารางวา ทั้งนี้การที่ภายในซอยนนทรีสามารถตัดเข้าสู่ถนนเส้นยานนาวาซึ่งทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงถนนเส้นสาทรได้ง่ายขึ้นในอนาคต จุดนี้สามารถผลักดันราคาที่ดินให้ขยับสูงขึ้นอีกได้ อีกทั้งทิศทางตลาดอสังหาฯในปี ’59 ยูนิตที่ไม่ได้อยู่ในย่าน downton (สาทร, สุขุมวิท, สีลม) จะภาวการณ์แข่งขันสูงเนื่องจากต่างต้องเร่งระบายยูนิตของโครงการในพื้นที่ midtown ถึงตอนนั้นเมื่อจำนวนซัพพลายค่อยๆถูกเทออกไปอาจจะส่งผลให้ราคาทั้งส่วนของทาวน์โฮมหรืออาคารห้องชุดเพิ่มสูงขึ้นได้
เปรียบเทียบโครงการ
1. เจด ไพรสซ์ พระราม 3
ชื่อโครงการ: เจด ไพรส์ สาทร-พระราม 3
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ธนพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด: TNP
ที่ตั้ง: ถนนยานนาวาตัดใหม่ พระราม 3 สาธุประดิษฐ์
เนื้อที่โครงการ: 7-3-28.8 ไร่
รูปแบบโครงการ:
ทาวน์โฮม 4 ชั้น ชั้นลอย 1 ชั้น 3 ห้องนอน 1 ห้องครัว 5 ห้องน้ำ
โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น ชั้นลอย 1 ชั้น 2 ห้องนอน 1 ห้องครัว 3 ห้องน้ำ
พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 234 ตร.ม.
จำนวนยูนิต: 72 ยูนิต (ทาวน์โฮม 63 ยูนิต โฮมออฟฟิศ 9 ยูนิต)
ราคาเริ่มต้น: 12.8 ล้านบาท
2. Arden Rama 3
ชื่อโครงการ: อาร์เด้น พระราม 3
เจ้าของโครงการ: อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
พื้นที่โครงการ: 7-3-66.8 ไร่
รูปแบบโครงการ: Urban Town Home 3.5 – 4.5 ชั้น จำนวน 68 ยูนิต
รูปแบบบ้านทั้งหมด: ตกแต่งแบบ Fully Fitted
Type M (Mist): ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5 เมตร บนเนื้อที่ 20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ขนาด 3ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ (62 ยูนิต)
Type L (The Green River): ทาวน์โฮม 4 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 6.6 เมตร บนเนื้อที่ 28 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน (6 ยูนิต)
ราคาเริ่มต้น: เริ่มต้น 12.9 ล้านบาท/ ยูนิต
ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตร: 69,729 บาท
3. Town Villa Rama 3
ชื่อโครงการ: ทาวน์ วิลล่า พระราม 3 TOWN VILLA RAMA 3
เจ้าของโครงการ: บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
รูปแบบโครงการ: ทาวน์โฮม 3 ชั้น
พื้นที่โครงการ: 14 ไร่ 1 งาน 42.20 ตร.ว.
จำนวนยูนิต: 20 ยูนิต
พื้นที่ใช้สอย: มากกว่า 250.0 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 10 ล้านบาท
สรุป
โครงการ โคเต้ เมซอง พระราม 3 เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คนขึ้นไป เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยมีถึง 4 ชั้น หรือ 2
25 – 295 ตารางเมตร นั่นคือเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีบุตรหลานอยู่แล้วหรือวางแผนการขยายครอบครัวในอนาคต บรรยากาศภายในซอยของโครงการค่อนข้างส่วนตัวเนื่องจากยังไม่มีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นภายในโครงการ สำหรับเรื่องการเดินทางเข้าสู่ถนนต่างๆสามารถทำได้สะดวกและรวดเร็ว เนื่องจาก ถนนพระราม 3 เป็นถนนเส้นยาวจึงสามารถเข้าสู่ถนนเส้นสำคัญอย่างสาทรและอโศกได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งถ้าต้องการข้ามฝั่งไปยังกรุงเทพตอนใต้ (พระราม2 – กาญจนาภิเษก) สามารถใช้สะพานภูมิพลที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยโครงการได้ทันที อีกทั้งยังต้องคอยติดตามว่ายูนิตในย่านพระราม 3 จะมีการระบายออกของยูนิตคงเหลือจากผู้พัฒนาโครงการรายต่างๆหรือไม่ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรสำหรับอาคารห้องชุดและตารางวาสำหรับทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวอาจจะปรับตัวสูงขึ้น