ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ห้องชุดจำนวน 476 ยูนิต พร้อมลานกิจกรรม และลานออกกำลังกายขนาดใหญ่ รองรับการพักอาศัยช่วง Work from Home ได้อย่างลงตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 1.45 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่เจ้าหนึ่งที่มักจะคว้าที่ดินแปลงงามในทำเลศักยภาพมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือโครงการโนเบิล เพลินจิต (Noble Ploenchit) ซึ่งเป็นที่จับตาของคนกรุงเทพฯ เมื่อเปิดตัวในปี 2554 ด้วยการพลิกที่ดินแปลงใหญ่ขนาดกว่า 9 ไร่ผืนสุดท้ายในย่านไพร์มอย่างเพลินจิตมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ขนาดใหญ่ที่มีจำนวนยูนิตกว่า 1,400 ยูนิตและจุดขายที่ถือเป็นไฮไลท์อย่างการมีลิฟท์ส่วนตัวสำหรับทุกยูนิต แม้จะเริ่มสร้างไปตั้งแต่ปี 2555 แต่ความร้อนแรงของโครงการก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่ทำเลที่ตั้งของโครงการมีจุดเด่นอยู่ใจกลางเมือง และมีบีทีเอสสถานีเพลินจิตตั้งอยู่ด้านหน้า รวมถึงยังรายล้อมไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ อย่างศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น ดังนั้นจึงทำราคาขยับขึ้นตามลำดับ noble ploenchit
รายละเอียดโครงการ
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2558)
• ชื่อโครงการ: โนเบิล เพลินจิต (Noble Ploenchit)
• ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
• ทำเลที่ตั้ง: ถนน เพลินจิต แขวง ลุมพินี เขต ปทุมวัน กทม.
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 9 ไร่ 92.4 ตารางวา
รูปแบบ: อาคารแบ่งออกเป็น ตึก A ความสูง 14 ชั้น 110 ยูนิต ตึก B 51 ชั้น 621 ยูนิต ตึก C 45 ชั้น 713 ยูนิต รวมห้องชุดทั้งหมด 1,444 ยูนิต และตึก D 4 ชั้น เป็นส่วนของร้านค้าและอาคารสำนักงาน
เจาะกลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
สถานะก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างสิ้นปี 2555 คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนมกราคมปี 2560
ระบบความปลอดภัย: Key Card Access Control เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนที่พักอาศัย: ตึก A เริ่มที่ชั้น 4 – 14 ตึก B เริ่มที่ชั้น 2 – 51 และ ตึก C เริ่มที่ชั้น 2 – 45
ส่วนกลาง: อยู่บริเวณตึก A ทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น สนามบาสเก็ตบอล สระว่ายน้ำ พร้อมสระเด็กและจากกุชชี่ ขนาดกว่า 45 เมตร ระหว่างตึก A และ B ฟิตเนส ห้องสตรีม ห้องอเนกประสงค์บนชั้น 3 พร้อมทั้งสวนลอยฟ้าและสกายเลาท์ ณ ชั้นดาดฟ้าของตึก A
ลิฟท์: แบ่งออกเป็น ลิฟท์ส่วนตัว ในอัตราส่วน 2 : 1 (ยูนิตติดกัน ใช้ลิฟท์ร่วมกัน โดยลิฟท์สามารถเปิดได้ 2 ฝั่งแต่จะล็อกห้อง ล็อกชั้น) และลิฟท์ส่วนกลาง 2 ตัว ต่ออาคาร
ที่จอดรถ: ชั้นใต้ดิน ชั้น B1 – B4 แบบไม่ Fix (คิดเป็น 70 % หรือ 700 คัน ไม่รวมซ้อนคัน)
สถานะการขาย: ขายไปประมาณ 70 %
เงินกองทุนสะสม (Sinking fund): 600 บาท / ตร.ม.
ค่าส่วนกลาง: 60 บาท/ ตร.ม./ เดือน
ราคาเริ่มต้น: 10.75 ล้านบาท / ยูนิต
ราคาเฉลี่ย: 250,000 บาท / ตร.ม.
โปรโมชั่นเดือนกันยายน : พบข้อเสนอพิเศษสูงสุดมูลค่า 2,200,000 บาท ภายในงาน Noble Twin Peaks 17-20 กันยายนนี้ ที่สยามพารากอน
รูปแบบห้องทั้งหมด: ตกแต่งแบบ Fully Furnished และ Room Only
1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 43 –61 ตร.ม. (ตึก A 10 % B 40% และ C 40%)
2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 69 – 73 ตร.ม. (ตึก B 20% และ C 20%)
2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 74 – 92 ตร.ม. (ตึก B 20% และ C 20 %)
3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 110 – 114 ตร.ม. (Sold Out)
เพนท์เฮ้าส์ 139 – 178 ตร.ม. (Sold Out)
ดูเพล็กซ์ เพนท์เฮ้าส์ 144 – 199 ตร.ม. (Sold Out)
รูปแบบห้องที่เหลือขาย:
1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 43 –61 ตร.ม. (ตึก A B ยูนิต และ C)
2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 69 – 73 ตร.ม. (ตึก B และ C)
2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 74 – 92 ตร.ม. (ตึก B และ C)
รีวิวภาพรวมโครงการ
โนเบิล เพลินจิต ถือเป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise ที่สานต่อแนวคิดหลัก Minimalism เน้นการออกแบบที่เรียบง่าย น้อยชิ้น แต่มีคุณภาพ และรองรับประโยชน์การใช้งานสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายในห้อง ที่มาพร้อมลิฟท์ส่วนตัว
Master Plan – แปลนโครงการถูกออกแบบให้อยู่ในอาณาจักรกว่า 9 ไร่ โดยแบ่งออก 4 อาคาร ได้แก่ อาคาร A B C เป็นส่วนที่อยู่อาศัย และ D อาคารร้านค้าและสำนักงาน พร้อมรอบพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองกว่า 7 ไร่
Tower A – อาคารนี้มีทั้งหมด 14 ชั้น มีส่วนของ Facility และส่วนที่พักอาศัย 110 ยูนิต โดยมีจำนวน 10 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งทั้งตึกเป็นยูนิตประเภท 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
Tower B – อาคารนี้มีทั้งหมด 51 ชั้น มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 621 ยูนิต โดยมีจำนวน 14 ยูนิตต่อชั้น ยกเว้นชั้น 2 42, 43 มี 10 ยูนิต 44 – 48 มี 8 ยูนิต (แต่ละชั้นจะคละแบบห้องกัน) และ 49 – 51 มี 7 ยูนิต (เป็นส่วนของห้องพักแบบตูเพล็กซ์ เพนท์เฮ้าส์ และ เพนท์เฮาส์ หากเลือกชั้น 50 จะมีจุดเด่นที่สระว่ายน้ำบริเวณระเบียง )
Tower C – อาคารนี้มีทั้งหมด 45 ชั้น มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 713 ยูนิต โดยมียูนิตต่อชั้น คิดเป็นชั้น 2 12ยูนิต 3,5-37 17ยูนิต และ 45-46 8 ยูนิต (เปป็นส่วนของห้องตูเพล็กซ์ เพนท์เฮ้าส์ ซี่งชั้น 45 จะมีจุดเด่นที่มีสระว่ายน้ำบริเวณระเบียงด้วย)
ทิศเหนือ – เป็นฝั่งของตึก A ทิศนี้จะได้วิวฝั่งถนนเพชรบุรี โดยด้านหลังตึกเป็นสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นอาคารเตี้ยๆ ดังนั้นด้านนี้จึงหมดปัญหาเรื่องตึกสูงบล็อกวิว
ทิศใต้ – ทางฝั่งตึก D จะเป็นส่วนอาคารร้านค้าและสำนักงาน วิวที่ได้จะเป็นทางฝั่งเพลินจิต ถนนวิทยุ อาจโดนบังวิวเล็กน้อยจากอาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์
ทิศตะวันออก – ด้านข้างของตึก C ซึ่งจะหันไปทางฝั่งนานา ด้านนี้อาจถูกบังวิวจากตึก 33 ชั้น ของโรงแรมโรสวู้ด แบงคอก ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
ทิศตะวันตก – คือทางฝั่งชิดลม ด้านนี้หากอยากได้วิวเมืองแบบไม่มีตึกเวฟ เพลส บดบัง ให้เลือกพักอาศัยชั้น 33 ขึ้นไป
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
ด้วยความเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์กลางเมือง ดังนั้นจึงออกแบบ Facility ให้รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน และกลุ่มกำลังสร้างครอบครัวเป็นหลัก โดยโครงการพยายามออกแบบสวนธรรมชาติขนาดใหญ่ เพื่อใส่ความร่มรื่นและเงียบสงบสู่ที่พักอาศัย อีกทั้งยังแบ่งพื้นที่ส่วนกลางออกเป็น สนามบาสเก็ตบอล สระว่ายน้ำ พร้อมสระเด็กและจากุชชี่ ขนาดกว่า 45 เมตร บริเวณตึก A และ B รวมทั้งห้องสตีม ห้องอเนกประสงค์บนชั้น 3 พร้อมทั้งสวนลอยฟ้าและสกายเลาจน์ บริเวณ ชั้นดาดฟ้าของตึก A
ภาพรวมโครงการตอนนี้สร้างไปแล้ว 70%
สังเกตว่าตึก C ใกล้เสร็จ 100 % แล้ว
ทางเชื่อม Sky Walk ในอนาคต เมื่อโครงการเสร็จ 100% จะเชื่อมเข้าสู่ตึก D บนชั้น 4
ระหว่างทางเดินสู่ตึกที่อยู่อาศัยทั้ง A B C และ D ทางโครงการจะทำหลังคาไม้ระแนงสีขาวให้เพื่อบังแดด พร้อมความร่มรื่นของสวนกว่า 7 ไร่
พื้นที่สวนระหว่างตึก A และ B จะมีสวน สระว่ายน้ำ และสนามบาส
สังเกตบริเวณหลังไม้ระแนงสีขาว คือ ส่วนของทางเข้าที่จอดรถชั้นใต้ดิน
ภาพ Perspective – บรรยาการศส่วนของล็อบบี้โครงการโนเบิล เพลินจิต
ภาพ Perspective – บรรยาการศของสวน พื้นที่สีเขียวกว่า 7 ไร่
ภาพ Perspective – สระว่ายน้ำ พร้อมสระเด็กและจากุชชี่ ขนาดกว่า 45 เมตร
รีวิวภายในห้องชุด
พื้น: ลามิเนตหนา 10 มม. (บริเวณโถงทางเข้า เฉพาะยูนิต 1 ห้องนอน) และเอ็นจิเนียริ่ง วูด
พื้นจรดเพดาน: เฉลี่ยอยู่ที่ 2.65 เมตร
ระเบียง: ความกว้างประมาณ 0.5 เมตร ส่วนความยาวขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง โดยเริ่มต้นที่ 2 เมตร
ประตู: เป็นแบบก้านโยก ระบบล็อก 2 ชั้น
ชุดครัว: Built-in เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน จาก SMEG หรือเทียบเท่า
สุขภัณฑ์ห้องน้ำ: Kohler หรือเทียบเท่า
เฟอร์นิเจอร์: Fully Furnished
1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 43 –61 ตร.ม. ตึก C คิดเป็น 40% ของยูนิตทั้งหมด
บรรยากาศห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 44. 67 ตารางเมตร ตกแต่งแบบ Fully Furnished
เนื่องจากบริเวณทางเข้า โครงการออกแบบให้มีลิฟท์ส่วนตัวถึงภายในห้อง ดังนั้นจึงออกแบบประตูให้มีลักษณะเป็นก้านโยก พร้อมระบบล็อกสองชั้น จาก Hafele
ผลักประตูเข้ามาด้านใน จะเป็นส่วนพื้นที่ของโถงทางเข้า
สวิทช์เปิด – ปิดไฟ หน้าตาดังรูป
ส่วนของลิฟท์ส่วนตัว ถูกออกแบบให้อยู่ภายในห้อง โดยสามารถขึ้นจากล็อบบี้มาถึงห้องพักของผู้อยู่อาศัยได้เลย โดยจะใช้ระบบ Access Key Card ในการล็อกชั้น ซึ่งยูนิตติดกันจะใช้ร่วมกัน เนื่องจากสามารถเปิด – ปิด ได้ทั้งสองฝั่ง อีกทั้งทางโครงการยังได้ Built-in ตู้เก็บรองเท้าและของจิปาถะ ไว้ให้บริเวณโถงหน้าลิฟท์ด้วย
เมื่อเดินเข้ามาด้านใน จะเป็นส่วนของห้องครัว ซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง โดยออกแบบให้เป็นลักษณะที่นั่งยาวติดกับผนัง พร้อมโต๊ะกินข้าวขนาด 2 ที่นั่ง โดยเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นทางโครงการให้ทั้งหมด ยกเว้นของตกแต่ง ดังรูป
ในส่วนของปลั๊กไฟ บริเวณโต๊ะกินข้าวมีหนึ่งจุด เพื่อรองรับการใช้งานของผู้อยู่อาศัย
เคาน์เตอร์ครัว เป็นในลักษณะ Built-in โดยออกแบบให้รองรับการใช้งาน สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มักไม่นิยมทำกับข้าวมื้อหนักๆ เท่าไหร่นัก
ทางโครงการได้ออกแบบเครื่องดูดควัน จาก SMEG หรือเทียบเท่า โดยด้านข้างเป็นพื้นที่ของตู้หน้าบาน ผิวไฮกลอส ให้สามารถเก็บอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ ได้
ในส่วนของพื้นที่ทำอาหาร ทางโครงการได้ Built-in เตาไฟฟ้าขนาดสองหัว และซิงค์ล้างจานจาก SMEG หรือเทียบเท่า พร้อมกรุผนังกันเปื้อนจากหินธรรมชาติ เพื่อให้สะดวกต่อการทำความสะอาด
ขนาดของเตาไฟฟ้าเซรามิคสองหัวจาก SMEG หรือเทียบเท่า
ซิงค์ล้างจานจาก SMEG หรือเทียบเท่า นั้นได้ถูกออกแบบให้ฝังใต้ท๊อปหินธรรมชาติ พร้อมระบบน้ำร้อน น้ำเย็น
เตาอบไมโครเวฟ 25 ลิตร เป็นลักษณะฝังตู้
ตู้ช่วงล่าง หน้าบานปิดผิวลามิเนตลายไม้ โดยซ้อนส่วนของถังขยะไว้ใต้ซิงค์ล้างจาน
วอลเปเปอร์ที่ได้ ของจริงจะเป็นสีไม้
ตู้เก็บของบริเวณส่วนของห้องครัว เป็นหน้าบานเปิดผิวลามิเนตลายไม้
ส่วนของห้องครัวและห้องนอน ถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อน สองชั้น กรอบอลูมิเนียม ทำสี
ส่วนของเตียงนอนที่ได้จะเป็นขนาด 6 ฟุต พร้อมที่นอน 1 ชุด และโต๊ะข้างเตียง 2 ตัว ดังรูป
โดยบริเวณปลายเตียง จะเป็นส่วนของมุมนั่งเล่น ประกอบด้วยโซฟาบุผ้าขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง 1 ตัว และตู้วางโทรทัศน์ 1 ตู้ โทรทัศน์แอลอีดี ขนาด 40 นิ้ว ที่เห็นในรูป ทางโครงการได้ให้ด้วย
ในส่วนของตู้วางโทรทัศน์ จะมีลิ้นชัก ไว้ให้สามารถเก็บของได้
ส่วนของห้องน้ำ จะอยู่ทางด้านขวามือของฝั่งห้องนอน โดยทางโครงการได้ใช้สุขภัณฑ์จาก Kohler หรือเทียบเท่า ทั้งหมด
ก๊อกน้ำ ถูกออกแบบให้รองรับระบน้ำร้อน น้ำเย็น ซึ่งโครงการได้ฝังเครื่องทำร้อนขนาด 6000 วัตต์ ให้ 1 เครื่อง
ชักโครกที่ได้ จะค่อนข้างเล็ก และเตี้ย ดังนั้นอาจจะนั่งลำบากหน่อยสำหรับญาติผู้ใหญ่ ที่เป็นผู้สูงอายุ
ส่วนของห้องอาบน้ำ จะแบ่งส่วนเปียก-แห้ง พร้อมติดตั้ง Rain Shower ให้
ตู้เสื้อผ้าสามบาน ตัวบานปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ โดยออกแบบให้อยู่ภายในห้องน้ำ เพราะฉะนั้นเวลาอาบน้ำ หรือทำกิจกรรมต่างๆ อาจจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะคุณสมบัติของลามิเนต เมื่อโดนน้ำแล้วจะบวม
นอกจากนี้ภายในตู้เสื้อผ้า ได้ติดไฟส่องสว่าง เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน
ส่วนของระเบียงจะอยู่บริเวณห้องนอน ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสามตอน โดยทางโครงการได้ติดตั้งผ้าม่านให้ทั้งหมดดังรูป
ประตูระเบียงเป็นลักษณะบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียม พร้อมกระจกตัดแสง ที่มีความหนาพอสมควร เพราะฉะนั้นจึงช่วยเรื่องปัญหาเสียงรบกวนจากภายนอกได้พอสมควร เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนเพลินจิต ซึ่งเป็นย่านที่พลุกพล่านตลอดวัน
ความกว้างของระเบียงทุกห้องอยู่ที่ 0.5 เมตร ส่วนความยาวจะขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง
โดยตัวราวระเบียงกันตก เป็นขอบอลูลิเนียม พร้อมกระจกนิรภัยซึ่งมีความหนาพอสมควร
1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 43 –61 ตร.ม. ตึก B คิดเป็น 40% ของยูนิตทั้งหมด
บรรยากาศห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 57. 96 ตารางเมตร ตกแต่งแบบ Fully Furnished
เปิดประตูห้องมา จะพบโถงทางเข้า ซึ่งคล้ายกับยูนิต 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ในตึก C
ยังคงเป็นจุดเด่นของโครงการนี้ ในการออกแบบลิฟท์ส่วนตัว ไว้ในห้อง
โดยส่วนหน้าลิฟท์ ได้ออกแบบตู้รองเท้าไว้ให้รองรับการใช้งาน ซึ่งสำหรับยูนิตนี้จะแตกต่างจากตึก B บริเวณตู้ช่วงบน หน้าบานเป็นผิวไฮกลอส
และหากเมื่อเดินเข้ามาข้างใน จะพบส่วนของโต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่ง อยู่ด้านฝั่งขวาของห้อง
โดยทางโครงการได้ติดตั้งตู้เก็บของบานกระจก เข้ามุมดังรูป
ส่วนทางฝั่งซ้าย เป็นมุมทำอาหาร พร้อมตู้เย็น Built-in 1 ตู้
เตาไฟฟ้าเซรามิค 2 หัว ที่ได้จาก SMEG หรือเทียบเท่า
ซิ้งค์ล้างจานเป็นแบบชนิดฝั่งใต้ท๊อปหินธรรมชาติ พร้อมก๊อกน้ำรองรับระบบน้ำร้อน – เย็น 1 ชุด ซึ่งทางโครงการได้กรุผนังกันเปื้อนหินธรรมชาติ เพื่อสะดวกต่อการทำความสะอาดหลังใช้งาน
นอกจากนี้ตู้ช่วงล่าง ยังออกแบบให้มีลิ้นชักเก็บของใช้ในครัว พร้อมติดตั้งเตาอบไมโครเวฟ 25 ลิตร ชนิดฝังในตู้ 1 เครื่อง
ส่วนตู้ช่วงบน หน้าบานเป็นผิวไฮกลอส พร้อมติดตั้งเครื่องดูดควันไฟฟ้าจาก SMEG หรือเทียบเท่า 1 ชุด
มุมของห้องนั่งเล่น โซฟาที่ได้จะเป็นแบบบุผ้า ขนาด 2 ที่นั่ง
ตู้วางโทรทัศน์ที่ได้ หน้าบานบุลามิเนตลายไม้ โดยโทรทัศน์แอลอีดี 40 นิ้ว ในรูป ทางโครงการได้ให้ผู้อยู่อาศัยด้วย
นอกจากนี้ยังมีตู้โชว์ หน้าบานกระจก ไว้ให้เก็บของจิปาถะได้เพิ่มเติม
ส่วนของหน้าต่าง และประตูบานเลื่อนบริเวณระเบียง มีความสูงจากพื้นถึง 2.65 เมตร
ประตูบานเลื่อน เป็นแบบสองชั้น พร้อมกรอบอลูมิเนียม และกระจกตัดแสง
ถัดจากมุมนั่งเล่น จะมีทางเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอน
สวิทช์ไฟภายในห้องนอน จะอยู่มุมซ้ายของห้อง ดังรูป
เตียงที่ได้จะเป็นขนาด 6 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียง 2 ตัว
บริเวณปลายเตียง ได้ Built-in ตู้โชว์ในลักษณะเดียวกับมุมนั่งเล่น
ส่วนด้านข้างตู้โชว์ มีพื้นที่เหลือให้สามารถนำเก้าอี้อาร์มแชร์ มานั่งชมวิวผ่านหน้าต่างกระจกสูงจรดเพดาน
ระเบียงบริเวณห้องนอน มีความกว้าง 0.5 เมตร ความยาวตามขนาดของยูนิตห้อง
ตู้เสื้อผ้าสองบาน มีทั้งในส่วนของห้องเล่นและภายในห้องน้ำ โดยออกแบบหน้าบาน ปิดผิวลามิเนตลายไม้ พร้อมไฟส่องสว่างภายใน
ห้องน้ำมีพื้นที่การใช้งานค่อนข้างกว้าง และเป็นสัดส่วน โดยแบ่งส่วนเปียก แห้ง ชัดเจน
ยูนิตนี้ยังคงมี Rain Shower พร้อมระบบน้ำร้อน-เย็น ในตัว
ชักโครก สุขภัณฑ์ทั้งหมด ยังเป็นของ Kohler หรือเทียบเท่า
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลโครงการ
พื้นที่ใจกลางเมือง แหล่งเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพฯ อย่างย่านเพลินจิต ชิดลม ยังคงเป็นที่ตั้งยอดนิยมของคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เช่นเดียวกับโปรเจคใหญ่อย่างโครงการ โนเบิล เพลินจิต ที่ปักหลักอยู่ติดถนนใหญ่เส้นสุขุมวิทชั้นใน บริเวณสี่แยกเพลินจิต ซึ่งเป็นจุดตัดเข้าสู่ถนนวิทยุและเพชรบุรี รายล้อมด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอและระดับพรีเมี่ยม อาทิ ปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ รวมถึงแหล่งไลฟ์สไตล์คนเมือง ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าสุดหรู เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่, เซ็นทรัล ชิดลม หรือร้านอาหารเก๋ๆ น่านั่ง เพื่อรองรับวิถีชีวิตกลุ่มคนรุ่นใหม่ และชาวต่างชาติที่มักนิยมมาปักหลักอาศัยและทำงานบริเวณนี้มากขึ้น ด้วยศักยภาพของพื้นที่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ที่ดินว่างๆ สำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เริ่มจะหมดไป แต่เมื่อระดับความต้องการในการครอบครองผืนดินในย่านนี้ยังคงมีอยู่ไม่ได้น้อยลง ส่งผลให้ราคาที่ดินในย่านนี้สูงขึ้นจนน่าตกใจ โดยราคาต่อแปลงได้พุ่งทยานไปถึง 1.5 ล้านบาทต่อตารางวาตั้งแต่ปี 2553 และปัจจุบันเตะอยู่ที่ 1.75 ล้านบาทต่อตารางวา หรือ ไร่ละ 700 ล้านไปแล้ว โดยมีการประเมินจาก ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA แล้วว่าเป็นทำเลที่มีที่ดินราคาแพงที่สุดในกรุงเทพมหานคร
การเดินทางไปสำนักงานขาย
เนื่องจากบริเวณที่ตั้งโครงการ (ริมถนนใหญ่ ใกล้สี่แยกเพลินจิต) อยู่ในระหว่างเร่งการก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 70% ดังนั้นสำนักงานขายโนเบิล เพลินจิต จึงย้ายเข้าไปอยู่ในอาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ ชั้น 16 เพราะฉะนั้น การเดินทางมาชมห้องตัวอย่างด้วยบีทีเอสจะสะดวกสุด โดยไม่ต้องไปเผชิญสภาพการจราจรที่หนาแน่นตลอดวัน เพียงใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิทมาลงที่สถานีเพลินจิต ทางออกที่ 2 แล้วเดินบน Sky Walk เพื่อเชื่อมเข้าสู่อาคาร ซึ่งก่อนกดลิฟท์ขึ้นไปชม จะต้องแลกบัตรกับเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์บริเวณชั้น G เพื่อรับ Access Key Card
การเดินทางเข้าโครงการ
แม้ทำเลทองอย่างย่านเพลินจิต ที่ตั้งของโครงการ จะได้รับอานิสงส์ความเจริญที่อัดแน่นอยู่แทบทุกตารางเมตร อย่างการคมนาคมขนส่งสุดสะดวกสบายอย่างบีทีเอส (สถานีเพลินจิตตั้งอยู่ด้านหน้า ห่างจากอาคารพักอาศัยประมาณ 30 เมตร โดยทางโครงการได้สร้างทางเชื่อม Sky Walk เข้าสู่โครงการโนเบิล เพลินจิต บริเวณตึก D) จนนำไปสู่การเป็นข้อดีของการเดินทาง แต่ถ้าหากวันไหนเกิดอยากขับรถขึ้นมา อาจต้องทำใจสักนิด เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าสภาพจราจรย่านนี้หนาแน่นตลอดวัน อีกทั้งถนนด้านหน้าโครงการ แม้จะมีถึงสามเลน แต่เปิดให้วิ่งสวนกันได้แค่หนึ่งเลนเท่านั้น หากมุ่งหน้ามาจากทางฝั่งเซ็นทรัล ชิดลม ต้องใช้ทักษะความรอบรู้เส้นทาง เพราะไม่สามารถขับตรงผ่านแยกเพลินจิตเพื่อเข้าสู่โครงการได้ แต่ต้องอ้อมเลี้ยวเข้าถนนวิทยุ (ฝั่งเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่) เพื่อเข้าซอยนายเลิศด้านขวามือ แล้วขับตรงมาเรื่อยๆ เพื่อทะลุถนนเพลินจิต เข้าสู่โครงการ
ภาพ via bts.co.th
– รถไฟฟ้า BTS
สะดวกสบายกับการใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิท โดยลงสถานีเพลินจิต ใช้ทางออกที่ 4 เดินบน Sky Walk ตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 30 เมตร ใช้ทางเชื่อมในอนาคตของโครงการโนเบิล เพลินจิต เข้าสู่ตึก D บริเวณชั้น 4 (สามารถใช้ทางเชื่อมนี้ เมื่อโครงการเสร็จ 100% ดังนั้น ณ ตอนนี้สามารถใช้ทางเชื่อมเข้าสู่ตึก เวฟ เพลส เพื่อไปโนเบิล เพลินจิตจะสะดวกสุด)
รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีเพลินจิต ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการโนเบิล เพลินจิต
หากเดินมาตามทางออกที่่ 4 สามารถใช้ทางเชื่อมเข้าตึก เวฟ เพลส เพื่อไปโนเบิล เพลินจิตจะสะดวกสุด
– รถยนต์ส่วนตัว
หากลงมาจากทางด่วน ให้ลงเพลินจิตฝั่งเหนือ จากนั้นเลี้ยวขวาฝั่งเดียวกับโครงการ เพื่อสะดวกต่อการเข้าส่วนที่พักอาศัย โดยไม่ต้องไปกลับรถบริเวณหน้าตึกออลซีซั่น ถนนวิทยุ
สภาพการจราจรฝั่งขาเข้าบนถนนสายเส้นสุขุมวิท ย่านเพลินจิต ในช่วงเวลาบ่าย ถือว่ายังพอไปได้ ไม่หนาแน่นมากนัก
ส่วนฝั่งด้านหน้าโครงการ จะสังเกตเห็นว่าสามารถวิ่งสวนกันได้เลนเดียว
การจราจรบริเวณสี่แยกเพลินจิต ฝั่งถนนวิทยุ ยังค่อนหนาแน่น
ขณะเดียวกัน ถนนวิทยุ ที่มุ่งหน้าไปทางเพชรบุรี ซึ่งเป็นในลักษณะ One Way ยังถือว่าคล่องตัวอยู่ในช่วงบ่าย
โดยหากเลี้ยวขวามาจากฝั่งถนนวิทยุ ที่ตั้งของโครงการโนเบิล เพลินจิต (อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง) ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกเพลินจิต ติดถนนใหญ่ ข้างตึก เวฟ เพลส ตรงข้ามตึกปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์
สถานที่แนว Lifestyle
ภาพ via facebook.com/thegirlandthepig
เมื่อที่อยู่อาศัยตั้งอยู่ใจกลางเมือง ดังนั้นแหล่งไลฟ์สไตล์ที่ตอบสนองของคนพื้นที่นี้ จึงหนีไม่พ้นความเก๋ไก๋ ของห้างร้านศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ (ห่างจากโครงการ 200 เมตร) แหล่งรวมความสินค้าแบรนด์เนม รวมถึงร้านอาหารชั้นนำ อันได้รับความนิยมจากทั่วโลก
ภาพ via facebook.com/dintaifungsg ภาพ via facebook.com/Ippudo
ไม่ว่าจะเป็น Ippudo Ramen, The Girl and The Pig, Din Tai Fung รวมถึงแหล่งรวมของหวานถูกใจบรรดาสาวๆ อย่างร้าน Paul และ Love Eat Bistro อีกทั้งหากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว สถานที่ยอดนิยมสำหรับหนุ่มสาวสมัยนั้น คงหนีไม่พ้นความอมตะของเซ็นทรัล ชิลม (ห่างจากโครงการ 300 เมตร) แหล่งรวมสินค้ามากคุณภาพ อีกทั้งยังเป็นห้างฯ ที่มีเซเลบฯ และดารานิยมมาช้อปปิ้งอีกด้วย
ภาพ via xn--22cap5dwcq3d9ac1l0f.com
นอกจากนี้ แทบทุกตารางเมตรของย่านเพลินจิตยังอัดแน่นไปด้วยออฟฟิศเกรดเออย่าง ปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ (ตรงข้ามโครงการ) ที่ตั้งของสำนักงาน Club 21 รวมถึงสำนักงานขายของโนเบิล หรือตึกออล ซีซันส์ (ห่างจากโครงการ 400 เมตร) แหล่งรวมบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น CPN และ BMW ซึ่งภายในตึกต่างเป็นแหล่งรวมร้านกาแฟ และร้านอาหารชิคๆ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่หากใครอยากได้บรรยากาศของตลาดนัด ใช่ว่าใจกลางเมืองจะไม่มี เพียงเดินไปประมาณ 200 เมตรจากโครงการ จะพบแหล่งรวมของกิน เสื้อผ้า มากมาย ข้างธนาคารกรุงศรีฯ (ขณะนี้อยู่ระหว่างการรีโนเวท) ในราคาถูก อร่อย และเหมาะกับหนุ่มสาวออฟฟิศอย่างมาก
อาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ (ตรงข้ามโครงการ)
ภาพ via edtguide.com
ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ (ห่างจากโครงการ 200 เมตร)
ภาพ via allseasonsplace.net
ตึกออล ซีซันส์ (ห่างจากโครงการ 400 เมตร)
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่ได้รับ
ย่านเพลินจิต ซึ่งเป็นทำเลที่รายล้อมด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอ ห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์ แหล่งไลฟ์สไตล์มากมาย แน่นอนว่ามักจะได้รับความสนใจในหมู่ชาวต่างชาติ ที่มาปักหลักทำงานอยู่เมืองไทย และต้องการหาที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน พร้อมเดินทางได้สะดวกสบายด้วยบีทีเอส ดังนั้นอัตราค่าเช่าในการลงทุนจึงอยู่ที่ 1,000 บาท ต่อตารางเมตร หรือเริ่มต้น 30,000 บาท สำหรับยูนิตหนึ่งห้องนอน ในขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 30 กว่าตารางเมตร
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
Sindhorn Residence
คอนโดมิเนียมระดับมาสเตอร์พีช ของบริษัท สยามสินธร จำกัด บนที่ดิน 4 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 อาคาร อาคาร A สูง 35 ชั้น และอาคาร B 10 ชั้น รวมทั้งหมด 200 ยูนิต รูปแบบห้องสตูดิโอ และ 1-3 ห้องนอน พื้นที่ห้องชุดโครงการ 35 – 345 ตร.ม. ที่จอดรถ 40 % ราคาขายปัจจุบันเริ่มต้นประมาณ 210,000 บาท / ตร.ม.
ภาพ via sindhornresidence.com
Magnolias Ratchadamri Boulevard
คอนโดมิเนียมหรูของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บนที่ดิน 6 ไร่ อาคารสูง 60 ชั้น รวมทั้งหมด 200 ยูนิต รูปแบบห้อง 1 – 2 ห้องนอน เพนท์เฮ้าส์ และดูเพล็กซ์ เพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ห้องชุดโครงการ 48 – 360 ตร.ม. ที่จอดรถ 80 % ราคาขายปัจจุบันเริ่มต้นประมาณ 220,000 บาท / ตร.ม.
ภาพ via magnolias-ratchadamri.com
185 Rajadamri
คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ของบริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด บนที่ดิน 4 ไร่ 1 งาน 62.9 ตารางวา อาคารสูง 35 ชั้น รวมทั้งหมด 268 ยูนิต รูปแบบห้อง 1 – 4 ห้องนอน ดูเพล็กซ์ และเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ห้องชุดโครงการ 70 – 874 ตร.ม. ที่จอดรถ 60 % ราคาขายปัจจุบันเริ่มต้นประมาณ 250,000 บาท / ตร.ม.
ภาพ via 185rajadamri.com
สรุป
แม้ว่าหลายคนจะเอะใจกับจำนวนของยูนิตที่มีมากถึงหลักพัน ซึ่งอาจทำให้ประชากรโนเบิล เพลินจิตนั้นค่อนข้างหนาแน่น อีกทั้งสภาพการจราจรในเมือง นั้นเป็นที่รู้กันว่าติดตลอดวัน เพราะฉะนั้นอาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับบุคคลที่จำเป็นต้องเดินทางด้วยรถยนต์ นอกจากนี้เรื่องเสียงรบกวน หลายคนอาจจะกำลังกังวล แต่หากได้ชมห้องตัวอย่างจะเห็นว่า ใช้วัสดุคุณภาพดี คำนึงถึงการใช้งาน เน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก พร้อมทั้งยังเพิ่มความมีระดับด้วยการออกแบบอ็อพชั่น ลิฟท์ส่วนตัวถึงภายในห้องพัก ยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโครงการให้ลูกบ้านได้สัมผัสธรรมชาติกลางกรุงในพื้นที่กว่า 7 ไร่ รายล้อมไปด้วยความสะดวกสบายต่างๆ ที่มารองรับการใช้ชีวิตของคนเมือง ก็อาจจะมาคานกับข้อด้อยที่กล่าวถึงในข้างต้น และหากใครที่กำลังคิดจะซื้อเพื่อลงทุน แม้ว่าจะเหนื่อยกับการมีคู่แข่งค่อนข้างมาก (ทั้งภายในโครงการเดียวกันและโครงการใกล้เคียง) แต่ด้วยที่ดินที่มีอยู่จำกัด ก็เป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าจะไม่มีโครงการใหม่ๆ ในย่านนี้ผุดขึ้นมาอีก ถ้ามีจริงก็ต้องสู้กับราคาต้นทุนที่สูงมาก ดังนั้น คนที่ได้เป็นเจ้าของในโครงการนี้จึงมั่นใจได้ว่ามูลค่าของห้องชุดที่ถือว่าจะเพิ่มขึ้นไปตามการเวลาและดีมานด์ที่มีอย่างต่อเนื่องแน่นอน
เรื่องข้างต้นเขียนโดย อารยา ศิริพยัคฆ์ Content Writer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ araya@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ