แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์สเตชั่น บาย ไซมิส แอสเสท (Landmark At Grand Station By Siamese Asset) เป็นโครงการมิกซ์ยูส บนทำเลศักยภาพ ตรงข้ามแฟชั่นไอส์แลนด์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงแหวนรามอินทรา เพียง 400 เมตร ภายในห้องออกแบบเป็น 2 ชั้น เพดานสูง 4.15 เมตร เน้นความโปร่ง โล่ง พร้อมออกแบบห้องตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องพักสำหรับผู้สูงอายุ คนที่มีสัตว์เลี้ยงหรือห้องพักในรูปแบบ Co-living และห้องพักแบบมาตรฐาน ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งพื้นที่พักอาศัย โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และสำนักงาน ราคาเริ่มต้นเพียง 2.90 ล้านบาท
[Special Advertising Feature] จุดเปลี่ยนของชีวิตคนเราเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย การค้นหาที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ให้กับตนเองก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะชีวิตคนกรุงวันนี้ที่หันมาซื้อคอนโดฯ และเช่าคอนโดฯ ใกล้แนวรถไฟฟ้ากันมากขึ้น ด้วยการสัญจรเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว มีเวลาได้พักผ่อนมากขึ้น เพราะไม่ต้องผจญกับรถติด แถมยังมีแหล่งคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ๆ เกิดขึ้นรายล้อมอีกด้วย
อย่างทำเลโซนพหลโยธินแถวย่านวงเวียนหลักสี่ บางเขน สะพานใหม่ที่ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวพาดผ่านก็มีคอนโดฯ เรียงรายชูช่อทั้งที่ก่อสร้างแล้ว และกำลังเตรียมการก่อสร้างอยู่หลายรายก็ทำให้เห็นภาพของชีวิตคนเมืองที่เปลี่ยนไป และคาดว่าอนาคตจะเปลี่ยนไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ทั้งนี้คาดว่าหากรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้วเสร็จจะมีคนใช้บริการกว่า 7-8 แสนคนต่อวันและสายสีชมพูมีคนใช้บริการ 5-6 แสนคนต่อวัน ฉะนั้นคาดว่าจุดตัดที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุจะมีคนใช้บริการเป็นล้านคนต่อวันเลยทีเดียว
คอนโดฯ บนทำเลดังกล่าวสนนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ล้านกลางๆ ไปจนถึงสามล้านบาทกลางๆ ราคาขายเฉลี่ย ณ ปัจจุบันราว 80,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นไป ซึ่งราคายังถูกกว่าย่านลาดพร้าว – รัชโยธินถึง 40% ส่งผลให้ย่านนี้คึกคักมากและมีแนวโน้มที่สดใสขึ้น
ทัพใหญ่อย่าง “ออริจิ้น (Origin)“ เองก็หยิบชิ้นปลามันดึงณเดชคู่จิ้นญาญ่ามาเป็นพรีเซนเตอร์ โชว์กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ และผุดโครงการใหม่ “ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ (KnightsBridge Phaholyothin Interchange)” ซึ่งเกิดจากการร่วมมือกับ One Real Estate ร่วมพัฒนาออกแบบโครงการ และทำการตลาด ขึ้นเกาะแนวรถไฟฟ้าสายนี้เช่นกัน ซึ่งถือว่าได้เปรียบตรงที่ใกล้กับจุดเปลี่ยนสถานีระหว่างสายสีเขียวกับสีชมพูเพียง 200 เมตร นอกจากนี้เรื่องการดีไซน์รูปแบบโครงการและห้องพักให้ทันสมัยเพื่อสอดรับกับคนกรุงที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ด้วยสนนราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ (KnightsBridge Phaholyothin Interchange)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (Origin ) จับมือกับ บริษัท วัน เรียล เอสเตท จำกัด (One Real Estate) ร่วมพัฒนาออกแบบโครงการ และทำการตลาด
ทำเลที่ตั้ง: ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. 10210
เว็บไซต์: www.origin.co.th
โทร: Call Center 02 – 030 – 0000
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2560)
พื้นที่โครงการ: 1 ไร่เศษ
ลักษณะโครงการ: คอนโดมิเนียมสูง 15 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 726 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: ลูกค้ามีรายได้เฉลี่ย 40,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน
สถานะการก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้าง ไตรมาสที่ 2 ของปี 2561
คาดว่าจะแล้วเสร็จ ไตรมาสแรก ของปี 2563
ลิฟท์: 4 ตัว / อาคาร
ที่จอดรถ: ประมาณ 53% (รวมจอดซ้อนคัน)
สิ่งอำนวยความสะดวก: ร้านค้า, Co working Space, Lobby , Social Club ( สระว่ายน้ำยาว 35 เมตร พร้อมอ่างจากุซซี่ 2 หลุม, สวนแบบ Rolling Hill เป็นสวนเนินเตี้ยสไตล์อังกฤษ, ฟิตเนสขนาด 167 ตร.ม. มีเครื่องเล่น 14 – 15 ชิ้น พร้อมพื้นที่อเนกประสงค์ ) และ Sky Lounge แบบกลางแจ้ง เป็นต้น รวม 30 รายการ บนพื้นที่กว่า 3,700 ตร.ม.
ระบบรักษาความปลอดภัย:
– รปภ. 24 ชั่วโมง
– กล้องวงจรปิดรอบโครงการ
– เข้าออกด้วยระบบ Key Card
รูปแบบห้อง
1 ห้องนอน ขนาด 23 ตร.ม.
1 ห้องนอน ขนาด 28 ตร.ม.
1 ห้องนอน ขนาด 34 ตร.ม.
2 ห้องนอน ขนาด 40 ตร.ม.
หมายเหตุ: แต่ละยูนิตมีการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งาน และลูกเล่นต่างๆ ในห้องที่แตกต่างกันออกไป
ช่องทางการลงทะเบียน : origin.co.th/knbphaholyothininterchange โทร: 062 595 1777
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
ณ ปัจจุบันโครงการยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง จะมีเพียงสำนักงานขายและห้องตัวอย่างให้ชม แต่หากดูจากผังโครงการนั้นจะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 15 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 726 ยูนิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ More Choices More Changes (โอกาสที่เพิ่มทางเลือกให้กับการใช้ชีวิต) เป็นการขายห้องแบบ Fully Furnished
จากผังโครงการ จะเห็นได้ว่าเน้นการสร้างอาคาร 2 อาคารขึ้นบนรากฐานเดียวกัน และเน้นพื้นที่ส่วนกลางที่มากถึง 3,700 ตร.ม. ซึ่งหลักๆ อยู่ที่ ชั้น G ,ชั้น 4, ชั้น5 และชั้น 15 ส่วนที่จอดรถจะอยู่ชั้นใต้ดิน – ชั้น 3
ชั้น G จากทางเข้าโครงการซึ่งอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน เข้ามาในโครงการด้านหน้าจะเป็นร้านค้า ถัดเข้ามาจะเป็นล็อบบี้ใหญ่ซึ่งมีพื้นที่นั่งทำงาน และมีห้องจัดประชุมไว้รองรับ ส่วนโซนถัดเข้าไปด้านในจะเป็นล็อบบี้ส่วนตัวของลูกบ้าน ทั้งนี้โดยรอบโครงการของชั้น G จะมีสวนแบบ Rolling Hill คือ เนินสวนเตี้ยๆ สไตล์อังกฤษ รวมถึงสวนหย่อม และสนามเด็กเล่นด้วย
ชั้น 4 เป็นส่วนของห้องพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลางเรียกว่า Social Club ประกอบด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือ ยาว 35 เมตร พร้อมอ่างจากุซซี่แบบ 2 หลุมและสวนหย่อมโดยรอบพื้นที่ เป็นต้น
ชั้น 15 เป็น Sky Lounge พื้นที่กลางแจ้งที่มีทั้งสวนและพื้นที่อเนกประสงค์ สามารถจัดปาร์ตี้ ปิ้งย่างบาร์บิคิวชิลๆ ยามเย็นได้ เป็นต้น
การวางทิศทางโครงการ
โครงการเน้นวางผังโครงการให้เป็นแบบแนวเฉียง เพื่อเลี่ยงการถูกบดบังจากอาคารสูงรอบข้าง
ทิศเหนือ ฝั่งด้านหน้าโครงการได้วิวฝั่งถนนสะพานใหม่
ทิศใต้ ได้วิวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ฝั่งทางเกษตรศาสตร์
ทิศตะวันออก ฝั่งด้านหน้าโครงการได้วิวรถไฟฟ้า และวิวเมืองทางถนนรามอินทรา
ทิศตะวันตก ฝั่งด้านหลังโครงการได้วิวเมือง ฝั่งทางศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
รีวิวภายในห้องตัวอย่าง
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
พื้นห้องนอน และห้องรับแขก: ลามิเนตหนา 8 มม.
พื้นห้องน้ำ และพื้นระเบียง: กระเบื้องเซรามิค
ผนัง: ฉาบเรียบ ทาสี
ชุดครัว: บิลท์อิน ไม่รวมเครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ
ห้องตัวอย่าง มี 3 แบบ คือ
– 1 ห้องนอน ขนาด 23 ตร.ม.
ห้องนี้เป็นห้องขนาดเล็กสุดประกอบด้วยส่วนครัว และห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าสุด มีประตูกระจกบานเลื่อนแบ่งกั้นพื้นที่ไว้ให้อย่างชัดเจน ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และระเบียง (ภาพนี้ถ่ายจากด้านในออกไปด้านนอก)
ชุดครัวบิลท์อินแบบเปิด จัดวางชิดผนัง ออกแบบพื้นที่ว่างให้สามารถวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าได้ เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ รวมถึงมีตู้เก็บของให้ทั้งด้านบนและด้านล่าง
จุดติดตั้งระบบไฟฟ้า บิลท์อินตู้เก็บของให้สามารถเลื่อนเปิดปิดได้แบบอิสระ เพื่อเก็บของและบังตู้ระบบไฟเพื่อความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย
ภายในห้องน้ำซึ่งอยู่ตรงข้ามกับครัวออกแบบด้วยโทนสีเรียบง่าย สบายตา เลือกใช้สุขภัณฑ์รูปทรงทันสมัย อ่างล้างหน้ามีที่เก็บของด้านล่าง แต่หากมีของใช้จำเป็นมากก็ติดตั้งชั้นวางของเพิ่มเติมที่ผนังเหนือโถสุขภัณฑ์ได้
โซนด้านในถัดจากครัวและห้องน้ำเป็นพื้นที่รับแขก นั่งเล่น ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องนอน เป็นอารมณ์ของห้องนอนที่มีที่นั่งเล่นดูทีวีอยู่ด้วยในตัว ซึ่งเน้นออกแบบให้ห้องดูโล่ง กว้างไม่มีผนังใดกั้นกลาง
สามารถวางโซฟาแบบชิดผนังเพื่อสะดวกในการเดินตรงกลางห้อง ซึ่งนั่งนั่งได้ 2 – 3 คน ก็ถือว่าไม่แคบจนเกินไป
ออกแบบให้ผนังตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินเป็นตู้เก็บของซึ่งเชื่อมต่อกับโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ และถือว่าเป็นไอเดียที่ดี
ห้องนอน เพิ่มพื้นที่นั่งพักผ่อนข้างหน้าต่างให้ อีกทั้งเชื่อมต่อด้วยระเบียงที่กว้างพอสมควร กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนให้
ระเบียงมีราวกันตกและ Façade ที่ทำจากเหล็กทาสีดำไว้ให้ เพื่อบังสายตาจากภายนอก ส่วนชั้นวางคอมเพลสเซอร์แอร์เป็นแบบแขวนติดเพดาน ดูไม่เกะกะ และโล่งสบายตา
– 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตร.ม.
ห้องนี้ออกแบบโดยเน้นให้มีพื้นที่โซนนั่งเล่นและโซนรับแขกแยกส่วนจากห้องนอนอย่างชัดเจน ซึ่งห้องนอนจะมีความเป็นส่วนตัวเพราะมีประตูกระจกกั้นแบ่งไว้ให้ ส่วนห้องน้ำ ห้องครัวและระเบียงจะอยู่ในโซนด้านในทั้งหมด
โซนนี้จะเรียกว่าเป็นพื้นที่แบบ 3 in1 ก็ว่าได้ เพราะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สารพัดประโยชน์ทั้งห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น และนั่งรับประทานอาหาร
ภายในห้องนอนเป็นพื้นที่สำหรับไว้พักผ่อนอย่างแท้จริง จะมีเพียงเตียงนอน และตู้เสื้อผ้าเท่านั้น ส่วนเครื่องแป้งจะจัดวางไว้นอกห้อง
ครัวกับระเบียงก็มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้ ซึ่งระเบียงห้องนี้จะกะทัดรัดกว่าแบบแรก แต่ก็ออกไปยืนรับลมเย็นๆ ได้ ซักล้างได้
– 1 ห้องนอน ขนาด 34 ตร.ม.
ผังห้องนี้คล้ายๆ กับแบบ 28 ตร.ม. แต่ต่างกันที่มีพื้นที่ห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามา แต่ย่อขนาดของครัวให้กะทัดรัดลง และไม่มีงานบิลท์อินเครื่องแป้ง
พื้นที่ห้องรับแขกหรือนั่งเล่นกว้างขวางกว่าแบบที่สอง มีพื้นที่ชั้นวางของและเก้าอี้นั่งเล่นเพิ่มเข้ามา
งานบิลท์อินทรงสูง สำหรับวางเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งเครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ ถือว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจ และเป็นการใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า
แม้จะจำกัดพื้นที่ครัว แต่ก็ยังบิลท์อินชิดผนังซึ่งก็ใช้งานได้จริง เหมาะกับใครที่ไม่ได้เน้นการเข้าครัวมากนัก
Top เหนือเครื่องซักผ้า สามารถเปิดและพับเก็บได้ นำเก้าอี้ตัวโปรดแบบลอยตัวมาวางก็จะได้โต๊ะรับประทานอาหารแล้ว
ห้องอเนกประสงค์ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอน ออกแบบให้เป็นห้องนั่งเล่นพักผ่อน นั่งทำงาน หรือจะทำเป็นห้องนอนขนาดเล็กก็ได้ หรือใครที่มีของสะสมจำนวนมากก็อาจทำเป็นห้องเก็บของก็ได้เช่นกัน เชื่อมต่อกับระเบียงกว้างที่ใช้งานได้จริง
พื้นที่ส่วนอาบน้ำอาจต้องทำที่วางของเพิ่มเติม ซึ่งจะติดตั้งชั้นวางของแบบเข้ามุมหรือติดที่ผนังก็ได้ ซึ่งห้องน้ำของแต่ละยูนิตก็จะมีลูกเล่นที่ต่างกันออกไป เช่น บางยูนิตมีที่วางของ บางยูนิตอาจมีที่นั่งอาบน้ำให้ด้วย เป็นต้น
ทําเล & การเดินทาง
ทำเลและการเดินทาง
โครงการตั้งอยู่บนทำเลทองแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ อย่างทำเลถนนพหลโยธิน – สะพานใหม่ ที่ถือว่ามีกระแสที่มาแรงแซงทางโค้งอยู่ในขณะนี้ก็ว่าได้ ด้วยเพราะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ( หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) พาดผ่าน ทำหน้าที่รองรับคนในย่านลาดพร้าว รัชโยธิน บางเขน สะพานใหม่ ยาวไปจนถึงคูคตถึงช่วงลำลูกกาคลอง2 ระยะทางรวม 19 กม. ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562
นอกจากอานิสงส์จากรถไฟฟ้าแล้ว ด้านถนนหนทางการเดินรถยนต์ก็มีการพัฒนาสร้างถนนสายใหม่ที่เปิดใช้งานแล้วคือ ถนนตัดใหม่เส้นพหลโยธิน – รัตนโกสินทร์สมโพช เป็นถนนแบบขนาน 6 เลน ไป – กลับ ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 5 กม. ซึ่งเชื่อมต่อไปยังถนนอื่นได้หลายเส้นทาง โดยต้นทางเริ่มที่พหลฯ ซอย 50 (ข้างบิ๊กซีสะพานใหม่) สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักอย่าง ถนนพหลโยธิน , สุขาภิบาล 5, วัชรพล และสายไหม เป็นต้น
อีกทั้งเป็นทำเลที่มีรถโดยสารประจำทางผ่านทุกรูปแบบ และสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับถนนหลักได้สะดวก อาทิ ถนนแจ้งวัฒนะ ,ถนนรามอินทรา ,ถนนวิภาวดีรังสิตและถนนถนนตัดใหม่เส้นพหลโยธิน – รัตนโกสินทร์สมโพช นอกจากนี้ก็ยังถือว่าใกล้กับกับจุดขึ้น – ลงทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ฝั่งขาเข้าเมืองอีกด้วย
ด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่และความอุดมสมบูรณ์ที่รายล้อมในย่านที่ตั้งโครงการถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์มากพอสมควรเลยทีเดียว ผสมผสานระหว่างความสมัยใหม่ กับกลิ่นอายของความเป็นชุมชน เพราะมีทั้งมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ซึ่งก็ทำให้มีร้านค้า ร้านอาหารแนวใหม่ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นย่านการค้าเก่าอย่างช่วงสะพานใหม่ที่มีตลาดสดยิ่งเจริญที่มีมานานมากแล้ว รวมถึงร้านค้า อาคารพาณิชย์ที่ค้าขายกันมานานแล้วเช่นกัน ทำให้มีคนหลายช่วงอายุมาอยู่รวมกัน ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีทีคนรุ่นใหม่มาพักอาศัยเพิ่มขึ้น
สำนักงานขาย และป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่สร้างการจดจำได้ง่ายเพราะบริษัทได้ดึงเอาหนุ่มฮอตอย่างณเดช คูกิมิยะมาเป็นพรีเซนเตอร์
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
บริเวณที่ตั้งโครงการถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ และใกล้กับแหล่งความสะดวกสบายหลายแห่ง อาทิ Tesco Lotus ซึ่งถือว่าใกล้สุด นอกจากนี้ก็คือ Big C ,Max Value และ Central Plaza รามอินทรา รวมถึงใกล้กับตลาดสดยิ่งเจริญซึ่งเป็นตลาดใหญ่ในย่านนี้
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ไลฟ์สไตล์ใหม่ล่าสุดอย่าง “บ้านบางเขน” ซึ่งหากมาจาก ม.เกษตรฯ ขับตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจออยู่ซ้ายมือติดถนนพหลฯ โดยเปิดบริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งในนี้มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และสถานที่ให้เข้าชม ถ่ายรูปสวยๆ ด้านในซึ่งเก็บค่าเยี่ยมชม 20 บาท ก็ถือว่า เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สามารถมานั่งเล่นกับเพื่อนฝูง และครอบครัวได้ตลอดเวลา นอกจากนี้หากขยับไปไกลอีกนิดทางรัชโยธิน และห้าแยกลาดพร้าวก็จะเป็นโซนศูนย์การค้าเช่น เมเจอร์รัชโยธิน , เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นช่วงที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า อาจเดินทางไม่สะดวกมากนัก แต่คาดว่าหากแล้วเสร็จ ย่านนี้จะมีสีสันขึ้นอีกหลายเท่าแน่นอน
สถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
– Tesco Lotus หลักสี่
– Big C สะพานใหม่
– Max Value หลักสี่
– Central Plaza รามอินทรา
– Central Plaza แจ้งวัฒนะ
– ตลาดยิ่งเจริญ
– เมเจอร์รัชโยธิน
สถานพยาบาล
– โรงพยาบาลเมโย
– โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
– โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
– โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล
– โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
สถานศึกษา
– มหาวิทยาลัยศรีปทุม
– มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
– มหาวิทยาลัยเกริก
– มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
– โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์
– โรงเรียนมัธยมวัดพระศรีมหาธาตุ
สนามบิน
– ดอนเมือง
อื่นๆ
– กรมราบ 11
– สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์
– ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
– อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ
– สถานีตำรวจนครบาลบางเขน
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ
ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ ในย่านนี้มีคู่แข่งมากพอสมควรเพราะเป็นทำเลทองที่มีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) พาดผ่าน โดยส่วนใหญ่ราคาขายเฉลี่ยล้านบาทปลายๆ ขึ้นไปจนถึงสามล้านบาทเศษ ซึ่งก็ถือว่าราคา ณ ปัจจุบันยังจับต้องได้เพราะรถไฟฟ้ายังไม่แล้วเสร็จ แต่คาดว่าหากแล้วเสร็จราคาน่าจะขยับขึ้นอีกเป็นแน่
ทั้งนี้โครงการนี้ถือว่ามีข้อเด่นอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า อยู่ใกล้กับจุดเปลี่ยนสถานีรถไฟฟ้าซึ่งมีสายสีเขียวตัดกับสายสีชมพู (แคราย – มีนบุรี) ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 200 เมตร โดยสามารถเดินทางได้สะดวกไม่ว่าจะเข้าเมืองไปสุขุมวิท หรือจะออกนอกชานเมืองไปมีนบุรี เป็นต้น
ฉะนั้นจึงเหมาะกับทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และเพื่อการลงทุนทั้งระยะยาว และระยะสั้น เพราะด้วยทำเล ตัวโครงการถือว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และคาดว่าอนาคตจะเติบโตไปได้ดี
สำหรับอัตราราคาเช่าโดยเฉลี่ย ปัจจุบันย่านนี้เช่ากันอยู่ที่ประมาณ 8,000 – 10,000 บาท/เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาด สภาพ และลำดับชั้นของห้องชุดพักอาศัย ยิ่งชั้นที่สูงก็จะแพงขึ้น โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งนักศึกษา และคนวัยทำงานในย่านนี้เป็นหลัก
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
ชื่อโครงการ | ยูนิต | พื้นที่ใช้สอย(ตร.ม.) | ราคาเฉลี่ย | ราคาขาย(ล้านบาท) |
โมดิซ สเตชั่น (Modiz Station) | 246 | 23 – 48 | – | 1.89 |
ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ (KnightsBridge Phaholyothin Interchange) | 726 | 23 – 40 | – | 1.89 |
ชื่อโครงการ: โมดิซ สเตชั่น (Modiz Station)
เจ้าของโครงการ: บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ถ. พหลโยธิน ระหว่างซอย 57 กับ 59 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
ราคาเริ่มต้น: 1.89 ล้านบาท
ทั้งนี้หากด้วยภาพรวมแล้ว อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว โครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ถือว่ามีข้อได้เปรียบกว่าอีกหลายโครงการในย่านนี้ด้วยหลายสาเหตุ คือ
1. ทำเลอยู่ใกล้จุดเปลี่ยนเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีชมพู คือ ที่สายสีเขียวสถานีวัดพระศรีมหาธาตุเพียง 200 เมตร
2. ตัวโครงการมีความโดดเด่นในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดในโครงการที่ให้มากถึง 30 รายการ
3. เรื่องของการดีไซน์แบบห้องให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต่างกันไปกว่า 20 แบบ ซึ่งน้อยโครงการนักจะออกแบบให้เช่นนี้
นอกจากนี้ด้วยภาพลักษณ์และผลงานที่ผ่านมาของเจ้าของบริษัทก็ถือว่าเป็นภูมิหลังเบื้องต้นที่ลูกค้าสามารถศึกษาหาข้อมูลจากแบรนด์นี้ได้ว่าเป็นเช่นไร และพัฒนาขึ้นมามากน้อยเพียงใดได้ไม่ยาก
สรุป
โครงการนี้มีข้อดีที่เด่นชัดคือ ตั้งอยู่ใกล้กับจุดตัดหรือจุดเปลี่ยนถ่ายของรถไฟฟ้า BTS ระหว่างสายสีเขียวกับสายสีชมพู ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ โดยห่างจากโครงการประมาณ 200 เมตร ซึ่งการสัญจรด้วยรถไฟฟ้าถือว่าสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง คนที่อยู่คอนโดฯ เพราะช่วยให้ชีวิตที่รีบเร่งนั้นสะดวกสบาย และรวดเร็วขึ้น
ทำเลนี้ถือว่าเป็นทำเลศักยภาพ และคุณภาพชีวิตก็ถือว่าผ่าน ทั้งเรื่องความอุดมสมบูรณ์ การอยู่ใกล้กับแหล่งงาน สถานที่ราชการ สถานศึกษา เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่เติบโต และน่าอยู่อาศัยพอสมควร
นอกจากนี้ตัวโครงการก็ได้ใช้ความคิดและไอเดียในการสร้างสรรค์รูปแบบห้องให้มีลูกเล่น มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปรวมแล้วถึง 20 รูปแบบ ซึ่งถือว่าขยันคิด ขยันทำเพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง อีกทั้งให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางที่มีถึง 30 รายการ บนพื้นที่ทั้งหมด 3,700 ตร.ม.
ฉะนั้นในแง่ของการลงทุนถือว่านอกจากจะน่าซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง การซื้อเพื่อลงทุนต่อยอดก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะทำเลนี้เป็นทำเลที่ฮอตฮิต เชื่อว่าเมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้วเสร็จสีสันของทำเลนี้ไม่น่าจะแพ้ทำเลอื่นๆ เลยทีเดียว