ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ห้องชุดจำนวน 476 ยูนิต พร้อมลานกิจกรรม และลานออกกำลังกายขนาดใหญ่ รองรับการพักอาศัยช่วง Work from Home ได้อย่างลงตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 1.45 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
หากพูดถึงที่ดินเปล่าในย่านที่มีความเจริญสูงคงต้องบอกว่าในปัจจุบันคงไม่มีที่ดินหลงเหลือให้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้แล้ว แต่ทั้งนี้เองด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการต่างๆ หรือ เจ้าของที่ดินบนพื้นที่ที่มีความเจริญต่างๆ ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงทุน จึงทำให้ในปัจจุบันเรามักจะเห็นคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เกิดขึ้นในเมืองบนทำเลที่คิดว่าไม่น่ามีที่ดินหลงเหลือแล้ว โดยหนึ่งในที่ดินเปล่าที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้ก็คงหนีไม่พ้นที่ดินในถนนวิทยุ หนึ่งในย่านที่มีการยกระดับให้กลายเป็นทำเลหรูจากจุดเชื่อมต่อบริเวณเพลินจิต ชิดลม และการลงทุนของอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาขายต่อตารางเมตรในปัจจุบันสูงสุดอยู่ที่ 250,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวหากใครที่มีที่ดินเปล่าอยู่บริเวณนี้หากจะปล่อยขายก็ยังคงได้รับความสนใจถึงแม้ราคาที่ดินที่มีการซื้อขายกันจริงจะอยู่ที่ประมาณ 1,500,000 บาทต่อตารางวาก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ยังมีดีเวลลอปเปอร์ชื่อดังต่างๆ ให้ความสนใจ
หนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่สามารถแย่งชิงพื้นที่ในถนนวิทยุใกล้กับจุดเชื่อมต่อไปสู่ถนนเพชรบุรีได้ และคาดว่าน่าจะเป็นที่ดินเปล่าผืนสุดท้ายบนถนนสายนี้แล้วก็คือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่นำโครงการแบรนด์ที่ป็อบปูล่าที่สุดของเอพี ณ เวลานี้เข้ามาปักหมุดบนที่ดินติดถนนวิทยุอย่าง ไลฟ์ วัน วิทยุ (Life One Wireless) ซึ่งจากที่ผ่านมาจะเห็นว่าเอพีได้ส่งโปรดักส์โครงการแบรนด์ Life เข้ามาบนพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง และสามารถตอบโจทย์นักลงทุนรวมไปถึงผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยเองได้ในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ อาทิ “ไลฟ์ สุขุมวิท 48” และ ไลฟ์ ลาดพร้าว ก็ถือเป็น 2 โครงการใหม่ที่ได้รับความนิยมและสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว และไลฟ์ วัน วิทยุ (Life One Wireless) ก็คงจะรับผลตอบรับไม่ต่างกัน โดยมีราคาต่อตารางเมตรแค่ประมาณ 170,000 บาทเท่านั้น ซึ่งจะบอกว่าถูกก็ไม่ใช่ แต่น่าจะเป็นราคาต่อตารางเมตรที่น้อยที่สุดบนถนนวิทยุที่กลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่และเรียลดีมานด์สามารถจับต้องได้จริงบนพื้นที่ถนนวิทยุที่มีศักยภาพทำเลสูงมากกับห้องชุดขนาด 24 ตารางเมตรขึ้นไปในราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: ไลฟ์ วัน ไวร์เลส (Life One Wireless)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน): AP
ผู้ร่วมพัฒนาโครงการ: มิซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป: MEC
ทำเลที่ตั้ง: ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.
เว็บไซต์: http://www.apthai.com
โทร: 1623
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2560)
พื้นที่โครงการ: 4-2-47.1 ไร่
ลักษณะโครงการ: คอนโดมิเนียม High Rise 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,344 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: พนักงาน ผู้บริหาร ระดับบน หรือ บุคคลที่มีเงินเดือนมากว่า 50,000 บาทขึ้นไป
สถานะการก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างไตรมาสที่ 3 ปี 2560 คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2563
ลิฟท์: ลิฟท์โดยสาร 7 ตัว ลิฟท์บริการ 1 ตัว
ที่จอดรถ: 566 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) หรือ ประมาณ 42% ของยูนิตที่พักอาศัยในโครงการ
สิ่งอำนวยความสะดวก: Lobby, Co-Working Space, Library, One Wireless Botany, Parking, Cascade Garden, Social Lounge, Theatre Lounge, SuanaHigh Garden Promenade, The Vista Deck, Fitness, Dazzling Pool, Sky Bar
ระบบรักษาความปลอดภัย: Access Card, CCTV รอบโครงการ, รปภ.รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
สถานะการขาย: iBooking (https://ibooking.apthai.com) ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ก.ค.นี้ จำนวน 3 ชั้น (ชั้น 11, 22 และ 36) ในเวลา 20.00 – 24.00 น.
วันที่ 29 ก.ค.นี้ กับอีเว้นท์ใหญ่ที่เอพีเตรียมห้องไว้มากกว่า 800 ยูนิต กับงาน LIFE ONE WIRELESS : OFFICIALLY PRE-SALE ณ สำนักงานขายโครงการ
เงินกองทุนสะสม: 500 บาทต่อตารางเมตร (จ่ายครั้งเดียวในวันโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าส่วนกลาง: 50 บาทต่อตารางเมตร
ราคาเริ่มต้น: 4.9 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: 170,000 บาทต่อตารางเมตร
รูปแบบห้อง
Studio 24-28 ตร.ม.
1 Bedroom 35-43 ตร.ม.
1 Bedroom Extra 45 ตร.ม.
2 Bedrooms 63 ตร.ม.
สามารถรับชมห้องตัวอย่างแบบ 360 องศาได้ที่นี่
ห้องตัวอย่าง Studio ขนาด 28 ตร.ม.
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ ไลฟ์ วัน วิทยุ (Life One Wireless)
โครงการไลฟ์ วัน วิทยุ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์สูง 43 ชั้น 1 อาคาร เนื่องจากตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดถนนวิทยุบวกกับยูนิตที่มีมากถึง 1,344 ยูนิต เรื่องส่วนกลางโครงการจึงจัดมาให้เยอะพอสมควร โดยจะกระจายพื้นที่ส่วนกลางไว้ 2 จุดหลักๆ ด้วยกันคือที่ชั้นกลางๆ ของคอนโดมิเนียมบริเวณชั้น 10 และ ชั้นบนสุดอย่างชั้น 42-43 โดยในชั้น 10 ส่วนกลางของชั้นนี้จะเป็น Sky Garden หรือ พื้นที่สีเขียวของโครงการ ส่วนที่ชั้นบน หรือ ชั้น 42 – 43 จะเป็น Facilities หลักประกอบไปด้วย Swimming Pool, Fitness, Recreation Area, Roof Garden และ Sky Bar ทั้งนี้ที่ชั้นบนๆ น่าจะเป็นตำแหน่งของยูนิตที่มีราคาสูงหน่อย หากเปรียบเทียบกับการดีไซน์ ทิศทางการวางห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกของโปรดักส์ ส่วนในเรื่องของลานจอดรถสามารถจอดรถในอาคารได้ถึง 9 ชั้น โดยที่โครงการมีชั้นที่เป็นยูนิตพักอาศัยเริ่มต้นอยู่ที่ชั้น 4 ที่ชั้น 4-9 ที่มีส่วนของอาคารจอดรถอยู่ด้วยสามารถเดินเชื่อมเข้าสู่ชั้นที่มียูนิตที่พักอาศัยได้เลย โดยเฉลี่ยยูนิตชั้นที่มีอาคารจอดรถจะมียูนิตเฉลี่ยไม่เกิน 21 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นอื่นๆ ที่มียูนิตที่พักอาศัยล้วนๆ ไม่มีส่วนกลางจะมีอัตราเฉลี่ยยูนิตต่อชั้นที่ประมาณไม่เกิน 40 ยูนิต ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร แต่ด้วยดีไซน์ของอาคารที่เป็นรูปตัว Z เหมือนถูกออกแบบมาให้แบ่งแยกพื้นที่อยู่อาศัยเป็น 2 โซนชัดเจน ซึ่งความเป็นจริงหากโครงการสร้างเสร็จการเดินเข้า – ออก ยูนิตจะถูกกระจายผู้อยู่อาศัยออกเป็น 2 ฝั่งเป็นทางฝั่งเหนือโดยมีลิฟท์โดยสารที่ 3 ตัว และทางฝั่งใต้ที่มีลิฟท์โดยสารอีก 4 ตัว เฉลี่ยสองฝั่งก็จะมีห้องพักอาศัยที่ประมาณ 20 ยูนิตต่อฝั่งเท่านั้น โดยภายในชั้นที่พักอาศัยจะเป็นทางเดินแบบ Double Corridor ยูนิตจะเปิดประตูมาเห็นอีกยูนิตตลอดทางเดิน ยูนิตที่มีความเป็นส่วนตัวสุดน่าจะเป็นยูนิตมุมที่เป็นห้อง Type G ขนาด 2 ห้องนอน หรือจากแปลนก็คือยูนิตที่มีสีทองนั่นเอง
ชั้น 1 โถงต้อนรับพื้นที่สีเขียว One Wireless Botany พื้นที่ทำงานส่วนกลาง ห้องน้ำส่วนกลาง ห้องสำนักงานนิติ ห้องสมุด ห้องจดหมาย ส่วน Service และที่จอดรถ
ชั้น 2 ห้องเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Generator) ห้อง MDB ห้องแม่บ้าน ที่จอดรถ
ชั้น 3 ห้องควบคุมงานระบบ 1 และ 2 ห้องสำนักงานนิติบุคคล ห้องประชุม ห้องแม่บ้าน ห้องน้ำ ส่วนกลาง ที่จอดรถ
ชั้น 4-9 ชั้นที่พักอาศัย ที่จอดรถ
ชั้น 10 ชั้นที่พักอาศัย และสวนลอยฟ้า Cascade Garden
ชั้น 11-41 ชั้นที่พักอาศัย
ชั้น 42 โถงต้อนรับ พื้นที่ทำงานส่วนกลาง สวนลอยฟ้า High Garden Promenade จุดชมวิวเมือง The Vista Desk ห้องน้ำส่วนกลาง ห้อง Sauna ห้องเครื่องปั๊มสระว่ายน้ำ ห้องให้เช่าบริการสำหรับเก็บของ
ชั้น 43 ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ Dazzling Pool และสวนพักผ่อน
การวางทิศทางโครงการ ไลฟ์ วัน วิทยุ (Life One Wireless)
ทิศเหนือ
ทิศใต้
ทิศใต้: ทางทิศใต้ใกล้กับรั้วโครงการเป็นอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 4-5 ชั้น ถัดไปเป็นบ้านเดี่ยวในซอยนายเลิศสูงไม่เกิน 2-4 ชั้น มองออกไปสุดสายตาจะได้รับ City View แถวเพลินจิต มองเห็นอาคาร Noble เพลินจิต และ Central Embassy
ทิศตะวันออก
ทิศตะวันออก: ทิศตะวันออกจะเป็นด้านหลังโครงการอยู่ติดกับทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร ที่ชั้นสูงๆ ของโครงการหรือชั้นบนสุดจะสามารถเทควิว City Skyline ได้สบายๆ
ทิศตะวันตก
ทิศตะวันตก: โครงการหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งอยู่ติดกับถนนวิทยุ ฝั้งตรงข้ามจะมีไซต์งานก่อสร้างอยู่คาดว่าจะเป็นอาคารสูงในอนาคต แต่ก็อยู่ห่างจากโครงการพอสมควรจากระยะถนนกว่า 4 เลนและระยะย่นของอาคารกับถนนที่ลึกเข้าไปอีก
Master Plan
โครงการออกแบบอาคารให้เป็นรูปตัว Z และดีไซน์ให้มีพื้นที่สีเขียวรอบโครงการช่วยให้ร่มเงาบนพื้นที่โครงการ ทั้งนี้เองยูนิตที่พักอาศัยในโครงการจะหันหน้าไปทุกทิศทางในโครงการในลักษณะเยื้องกับทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เนื่องจากทางโครงการต้องการทำยูนิตออกมาให้มากที่สุด และให้ทุกยูนิตสามารถหลบแดดได้ โดยจากแปลนจะเป็นในส่วนของ Ground Floor ประกอบไปส่วนกลางหลักๆ คือ Lobby สวนสวย และพื้นที่จอดรถ
Floor Plan
ยูนิตที่พักอาศัยจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 4 ถึงชั้น 9 ซึ่งจะมีที่จอดรถแทรกระหว่างชั้น โดยที่ชั้น 4-9 จะมีทางเดินเชื่อมเข้าสู่โซนที่เป็นที่พักอาศัยได้ด้วย ส่วนที่ชั้น 10 จะมียูนิตที่พักอาศัยอยู่ด้วยส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Studio ที่หันไปทางทิศตะวันตก และห้องขนาด 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. ที่หันไปทางทิศเหนือ และห้อง 2 ห้องนอนขนาดใหญ่สุดบริเวณมุมขวาบนของแปลน ซึ่งห้องพักอาศัยในชั้นนี้จะสามารถเชื่อมต่อสู่ส่วนกลางชั้นนี้ได้เลย อีกทั้งน่าจะมีความเป็นส่วนตัวสูงจากยูนิตที่มองไม่เห็นกันพร้อมมีการดีไซน์ต้นไม้ใหญ่ที่เสมือนเป็นรั้วของยูนิตทุกห้องบนชั้น 10
มาที่ชั้น 11-41 จะเป็นชั้นที่มียูนิตที่พักอาศัยทั้งชั้น บริเวณมุมของแปลนจะเป็นในส่วนของยูนิตแบบ 2 ห้องนอนเกือบทุกชั้น เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่สามารถเทควิวได้กว้างที่สุด ภายในเป็นทางเดินแบบ Double Corridor ประตูทางเข้า – ออก ห้องจะไม่อยู่ตรงกันมากแต่จะเยื้องๆ กัน การขึ้น – ลงสู่ชั้นตางๆ ในยูนิตจะมีลิฟท์โดยสารให้บริการอยู่ที่ 7 ตัว อัตราความหนาแน่นต่อลิฟท์หนึ่งตัวจะอยู่ที่ประมาณ 180 – 190 ยูนิตต่อลิฟท์หนึ่งตัว ส่วนยูนิตต่อชั้นจะอยู่ที่ไม่เกิน 40 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งจากอัตราความหนาแน่นต่างๆ ต้องถือว่าหนาแน่นพอสมควร แต่จากการวาง Layout ลิฟท์ให้อยู่ทั้ง 2 ฝั่งของแปลนก็น่าจะคลายความหนาแน่นต่อชั้นในการเข้า-ออกยูนิตได้พอสมควร
ที่ชั้น 42 จะเป็นส่วนกลางทั้งชั้น โดยการเชื่อมต่อมาถึงชั้นนี้จำเป็นต้องใช้ลิฟท์โดยสารทางฝั่งเหนือของแปล เท่านั้น เพราะส่วนที่เหลือจะเป็นงานระบบของส่วนกลางชั้น 43 โดยหลักๆ ส่วนกลางชั้นนี้จะประกอบไปด้วย พื้นที่ ทำงานส่วนกลาง สวนลอยฟ้า High Garden Promenade จุดชมวิวเมือง The Vista Desk ห้อง Sauna ห้องให้เช่า บริการสำหรับเก็บของ
ที่ชั้น 43 เป็น Roof Top ของโครงการ มีส่วนกลางที่เป็นไฮไลท์ของโครงการอย่างสระว่ายน้ำ Dazzling Pool ที่มีความยาว 35 ม. พร้อมห้องออกกำลังกายที่สามารถชม City View จากมุมสูงได้รวมไปถึงสวนพักผ่อน
Unit Layout
Studio 24-28 ตร.ม.
ห้อง Studio ของโครงการ Life One Wireless จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ขนาดด้วยกันคือห้อง Studio 24 ตร.ม. และห้อง Studio 28 ตร.ม. โดยห้อง Studio ทั้ง 2 ขนาดนี้มี Layout นอกจากขนาดของห้องก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ทั้ง 2 รูปแบบเป็นห้องแบบเน้นพื้นที่ใช้สอยแนวลึก หน้าห้องไม่กว้างมากวางตำแหน่งของห้องน้ำให้อยู่ใกล้กับห้องครัวบริเวณหน้าห้อง โดยจัดให้ห้องนั่งเล่นอยู่รวมกับพื้นที่ห้องนอนที่เชื่อมต่อไปสู่ระเบียงห้องได้ หากใครต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถกั้นส่วนระหว่างห้องครัวกับห้องนอนได้ด้วยบานเลื่อนได้ แต่อาจจะอึดอัดพอสมควรจากพื้นที่เตรียมครัวที่มีจำกัด
1 Bedroom 35-43 ตร.ม.
ห้องขนาด 1 ห้องนอนของโครงการ Life One Wireless มีให้เลือกถึง 5 แบบ 5 ขนาดด้วยกัน โดยนอกจากขนาดที่แตกต่างกัน ห้องที่มี Layout ของห้องแต่งต่างจาก Type อื่นมากที่สุดก็คือ ห้อง 1 ห้องนอนขนาดเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม. ที่ห้องนอนไม่เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัว ส่วนห้องขนาดอื่นๆ Layout ของห้องน้ำสามารถเชื่อมต่อส่วนกลางของห้องและห้องนอนได้ โดยโครงการออกแบบให้มีฟังก์ชันของห้องน้ำ 2 ประตู ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ที่โครงการมอบให้ไม่แตกต่างกัน ห้องครัวจะเป็นแบบครัวเปิดอยู่รวมกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น แต่หากจัดสรรห้องให้ดีๆ ก็สามารถทำส่วนกันห้องครัวได้อยู่ ยิ่งห้องที่มีขนาดใหญ่มากอย่าง Type D หรือ E ก็สามารถจัดสรรปันส่วนห้องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
1 Bedroom Extra 45 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom Plus เป็นห้อง Type F ขนาด 45 ตร.ม. จะได้ในส่วนของห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามา ซึ่งตัวมีอเนกประสงค์มีขนาดกว้างพอที่จะวางเตียงเดี่ยวพร้อมตู้เสื้อผ้า หรือ โต๊ะทำงานได้ หรือ สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันของห้องนี้ให้เป็นห้องทำงานก็ได้ ส่วน Layout ของห้องน้ำตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเชื่อมกับห้องนอนและพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้ โดยโครงการออกแบบให้มีทางเข้า – ออกห้องน้ำ 2 ประตูเหมือนกับยูนิต Type C-E
2 Bedrooms 63 ตร.ม.
ห้องขนาดใหญ่สุด Type G เป็นห้องขนาด 2 ห้องนอนขนาด 63 ตร.ม. ห้องแบบนี้จะตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของชั้นยูนิตที่พักอาศัยเพราะเป็นตำแหน่งที่สามารถชม City View ได้กว้างที่สุด โดย Layout ของห้องจะถูกแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกันตามตำแหน่งที่ตั้ง ทั้ง 3 รูปแบบถูกปรับเปลี่ยนฟังก์ชันตามพื้นที่โดยมีความต่างกันที่ห้องน้ำในตัวของทั้ง 2 นอน โดยแบบแรกจะมีห้องน้ำในตัวเฉพาะ Master Bedroom เพียงห้องนอนเดียว และจัดวาง Layout ห้องต่างๆ โดยเน้นพื้นที่ใช้สอยของห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่มากที่สุด
แบบที่ 2 ห้องน้ำจะอยู่ติดกันโดยห้องน้ำของห้องนอนที่ 2 จะเป็นห้องน้ำกลางในตัวด้วย ซึ่งข้อเสียของ Layout ห้องแบบนี้เมื่อต่างห้องนอนมีการใช้ห้องน้ำมีการกดน้ำ อาบน้ำ อาจจะได้ยินเสียงไปสู่ห้องนอนอีกห้องได้ แต่ข้อดีก็คือมีพื้นที่สำหรับทำครัวปิดได้
ส่วนห้อง 2 ห้องนอนอีกรูปแบบสุดท้ายมีขนาดเท่ากับรูปแบบอื่นๆ แต่ได้รับครัวเปิดเป็นแบบปิด พื้นที่ใช้สอยของห้องเป็นแบบหน้ากว้าง แบ่งสัดส่วนของห้องนอนชัดเจนไว้คนละฝั่งกัน เน้นความเป็นส่วนตัว โดยความแตกต่างของห้องชุดรูปแบบนี้น่าจะเป็นขนาดของทั้ง 2 ห้องนอนที่มีขนาดพอๆ กัน สามารถจัดฟังก์ชันห้องนอนให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันได้ โดยจะมีห้องน้ำในตัวของหนึ่งห้องนอนที่เป็นห้องน้ำกลางหรือมีฟังก์ชันการใช้งาน 2 ประตู
ภาพอาคารจริงของโครงการ Life One Wireless
พื้นที่บริเวณหน้าโครงการมีถนนขนาด 2 เลนส์เป็นเส้นทางการเดินรถเข้า – ออกโครงการ ด้านหน้าตกแต่งด้วยป้ายโครงการและรั้ว ดูหรูหราสมราคา
ภาพอาคารจริงสูง 43 ชั้น
บริเวณด้านหน้าโครงการ นอกจากถนนที่เป็นทางเข้า – ออกของรถยนต์ ยังมีบานประตูทางเข้า – ออกอีกทาง ใช้ระบบ Key Card Acess ในการเข้าออกเฉพาะลูกบ้าน เพื่อความปลอดภัย
พื้นที่บริเวณ Drop Off ของโครงการ ในส่วนของด้านในจะเป็น Lobby
พื้นที่รอบโครงการจพเป็นสวนสวยตามภาพ มีพื้นที่ให้นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจตามจุดต่าง ๆ
ภายใน Lobby ชั่นล่าง ตกแต่งหรูหราด้วยพื้นหินอ่อนในโทนสีขาวมุก พร้อม Drop พื้นที่สไตล์ Sunken Seat เพื่อให้สามารถมองวิวสวนสวยด้านนอกผ่านบานกั้นแบบ Full Height ที่สามารถเปิดรับลมและมองเห็นวิวสวนแบบ 180 องศาด้ผ่าน Lobby
เดินมาด้านในจะก่อนถึงโถงลิฟท์จะเป็นห้อง Mail Box
ภายในโครงการจะประกอบไปด้วยลิฟท์โดยสาร 7 ตัว และลิฟท์บริการหนึ่งตัว จากภาพเป็นพื้นที่โถงลิฟท์พื้นที่พักอาศัยโซนใต้
ทางเดินเข้าห้องพักอาศัยเป็นแบบ Double Corridor เฉลี่ยสองฝั่งก็จะมีห้องพักอาศัยที่ประมาณ 20 ยูนิตต่อฝั่งประตูของยูนิตภายในอาคารจะตั้งอยู่ในตำแหน่งสับหว่างกัน เพื่อให้ลูกบ้านเปิดประตูมาโดยไม่เห็นประตูของยูนิตฝั้งตรงข้าม
ที่ชั้น 43 เมื่อขึ้นลิฟท์มาส่วนแรกที่เจอจะเป็นห้อง Fitness ขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์ในการออกกำลังครบครัน
เครื่องออกกำลังแบบ Cardio ประเภทเครื่องวิ่ง เครื่องถีบ จะถูกจัดวางให้หันออกไปมองวิวจากชั้น 43 ได้ตามภาพ
บานกระจกในห้อง Fitness เป็นแบบ Full Height สามารถมองวิวขณะออกกำลังได้แบบ 180 องศาเลยทีเดียว
ถัดมาที่ด้่านนอกจะเป็นสระว่ายน้ำที่มีขนาดยาวกว่า 30 ม.
ด้านในจะมีห้องน้ำแยกหญิง – ชาย พร้อมล็อกเกอร์เก็บของตามภาพ
บริเวณด้านข้างของสระว่ายน้ำจะมีทางเดินเชื่อมออกมาที่สวนดาดฟ้า
โครงการจัดสรรพื้นที่พักผ่อนในจุดนี้หลายจุด สามารถนอนอ่านหนังสือ นั่งชมวิวได้ตลอดเวลา
โครงการตกแต่งสวนดาดฟ้าให้มีพื้นที่สีเขียวเยอะมาก ดูร่มรื่น มีทั้งสนามหญ้า ต้นไม้ใหญ่ สามารถเทควิวได้รอบทิศทาง
ภาพวิวจริงจากชั้น 43 บริเวณสระว่ายน้ำ
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
ส่วนต้อนรับขนาดใหญ่ และ One Wireless Botany พื้นที่สีเขียวพร้อมต้นไม้ขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 1 ไร่
Co – Working Space พร้อมวิวสวนขนาดใหญ่ที่รองรับการเชื่อมต่อ 24Hrs. Connected เต็มรูปแบบ และ Cascade Garden สวนลอยฟ้าเชื่อมต่อส่วนที่พักอาศัยที่ชั้น 10
High Garden Promenade สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Amphitheater หรือ สวนเปิดมุมมองแบบลดหลั่น สำหรับรองรับกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ โยคะ ปาร์ตี้ หรือ เดินเล่นชมวิว City Skyline ที่ชั้น 42
Dazzling Pool สระว่ายน้ำความยาว 35 ม. พร้อม Jacuzzi, The Vista Deck จุดชมวิวเมือง, Wireless Social Club, Leisure Theater with the Sky View, ห้องออกกำลังกาย และ Intelligent Facility อาทิ ห้องประชุม Digital เต็มรูปแบบ และ Sky Working Space เป็นต้น
รีวิวภายในห้องตัวอย่างโครงการ ไลฟ์ วัน วิทยุ (Life One Wireless)
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
พื้น: พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นพื้นไม้ลามิเนต พื้นห้องครัว ห้องน้ำและระเบียงเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้
ผนัง: ฉาบเรียบทาสี
พื้นจรดเพดานความสูง: 2.6 ม.
เฟอร์นิเจอร์: Fully Fitted ได้รับ Kitchen & Sink และ Hob & Hood
สุขภัณฑ์: Kohler หรือ เทียบเท่า
ชุดครัว: เคาน์เตอร์ยาวประมาณ 1.8 เมตร Top เป็นหินสังเคราะห์ ผนังครัวกรุกระเบื้องแกรนิตโต้ เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Teka
ห้องตัวอย่าง Studio Type B ขนาด 28 ตารางเมตร
ห้อง Studio ขนาด 28 ตร.ม.เป็นห้องหน้าแคบแต่เน้นพื้นที่ใช้สอยตอนลึก โครงการจัดให้ห้องนอนอยู่รวมกับห้องนั่งเล่นโดยมีส่วนกั้นที่บริเวณห้องครัวและห้องน้ำ ซึ่งโดยปกติทั่วไปส่วนกั้นห้องจะกั้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องครัว เพื่อให้ห้องนั่งเล่นสามารถปรับฟังก์ชันเป็นส่วนรับประธานอาหารได้ แต่ทั้งนี้การออกแบบก็เป็นเพียงไอเดียของโครงการเท่านั้น
เคาท์เตอร์ครัวที่โครงการมอบให้มีขนาดใหญ่พอสมควร ด้านล่างมีช่องสำหรับใส่ไมโครเวฟขนาดมาตรฐาน และเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 60×60 แบบฝาหน้าให้ โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าและระบบประปาสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ไว้เรียบร้อยบริเวณเคาท์เตอร์ครัว
หน้าบานลิ้นชัก และชั้นเก็บของของเคาท์เตอร์ครัวมีพื้นที่ใช้สอยตามภาพ ปิดทับหน้าบ้านด้วยลามิเนต ท็อปเคาท์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ โครงการมอบซิงค์น้ำ เคาท์เตอร์ครัว ลัที่ดูดควันพร้อมติดตั้งให้เรียบร้อย เคาท์เตอร์ครัวมีขนาดยาวพอสมควรทำให้พื้นที่เตรียมครัวตรงกลางมีขนาดใหญ่มากจนสามารถยืนเตรียมครัวได้ถึง 2 คน
ผนังเคาท์เตอร์ครัวปิดผิวด้วยลามิเนตแผ่นใหญ่รอยต่อน้อยทำให้ทำความสะอาดง่าย ส่วนด้านบนเป็นชั้นเก็บของได้รับพื้นที่ใช้สอยตามภาพ
พื้นที่ของเคาท์เตอร์ครัวมีขนาดตามภาพ โครงการจัดวางให้เหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดไม่เกิน 45 ม. หรือ ขนาดไม่เกิน 9 คิวบ์ได้
ซิงค์ล้างจานที่มากับเคาท์เตอร์ครัวมีความลึกพอสมควรสามารถจุภาชนะได้เยอะ ระยะความลึกจะช่วยในเรื่องของน้ำประปาหรือคราบต่างๆ ที่กระเด็นออกมาเละครัวได้ในระดับหนึ่ง
อ่างล้างหน้าที่โครงการมอบให้เป็นของ Cotto หรือเทียบเท่า ก็อกน้ำเป็นของ American Standard หรือเทียบเท่า ด้านข้างอ่างมีช่องสำหรับเก็บของตามภาพ พื้นที่ด้านล่างอ่างก็สามารถวางของได้ โดยอ่างรุ่นนี้จะมีหูช้างสำหรับแขวนผ้าเช็ดมือมาให้ด้วยตามภาพ เหนืออ่างล้างหน้าเป็นชั้นวางของยาวไปถึงโถสุขภัณฑ์เป็นฟังก์ชันที่ออกแบบมาให้สามารถวางของ วางหนังสือ หรือ มือถือได้สบายๆ ตอนใช้งานห้องน้ำ
พื้นที่อาบน้ำถูกดีไซน์ให้เป็นรูปตัวแอลตามภาพ สามารถวางชั้นวางเครื่องอาบน้ำได้เยอะพอสมควร ส่วนบานกั้นส่วนอาบน้ำเป็นบานกระจกนิรภัย สามารถเปิดประตูเข้า – ออกไปสุดผนังได้ แต่ตอนปิดหน้าบานก็ต้องยืนอยู่ในตำแหน่งที่หลบรัศมีการปิดบาน ซึ่งคนตัวใหญ่อาจจะมีปัญหาหน่อยสำหรับพื้นที่ของห้องอาบน้ำที่มีจำกัด
ฝักบัวที่โครงการมอบให้เป็นแบบปรับระดับน้ำได้ 3 ระดับ มีทั้งแบบน้ำแรงธรรมดา สปา และการกระจายน้ำแบบ O2 ฟื้นฟูผิวร่างกาย
ต่อมาพื้นที่ในห้องนอน ห้องจะมีขนาดกว้างมาก เพราะโครงการนำพื้นที่ในส่วนของห้องนั่งเล่นมารวมไว้ โดยไม่มีส่วนกั้น
เมื่อปิดประตูกั้นส่วนห้องนอนและห้องครัว จะให้ความรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวตามภาพ หากทำการติดตั้งม่านหรือใช้บานประตูแบบทึบก็จะให้ความเป็นส่วนตัวและกั้นส่วนห้องนอนออกจากครัวอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่ขนาดของเป็นแบบ Studio แต่ส่วนกั้นสามารถให้อารมณ์แบบห้อง 1 ห้องนอนได้ในพื้นที่จำกัด
โครงการให้ไอเดียในการวางเตียงขนาด 5 ฟุต เพื่อให้เหลือพื้นที่เดินรอบเตียงไปถึงบริเวณโซฟา และสามารถวางโต๊ะทำงานด้านข้างเตียงได้
เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตทำให้ด้านข้างเตียงเหลือพื้นที่จนสามารถวางโต๊ะทำงานขนาดหนึ่งที่นั่งได้ตามภาพ หากเป็นห้องนอนผู้หญิงก็สามารถจัดโต๊ะเครื่องแป้งชุดใหญ่ทั้งแบบยืนแบบนั่งได้สบายๆ
Layout ของผนังห้องอีกฝั่งถูกดร็อปให้เข้าไปเท่ากับพื้นที่ระเบียงด้านนอกจึงสามารถจัดฟังชันก์ของมุมนี้ให้เป็นโซฟาแบบเข้ามุมได้ แต่ประโยชน์ในการใช้สอยอาจจะไม่ได้มากมาย จากพื้นที่ใช้สอยจำกัด เวลาใช้งานอาจจะต้องเยื้องสายตาในการดูโทรทัศน์ หรือ ต้องติดตั้งโทรทัศน์ขนาดใหญ่เพื่อความสะดวกในการรับชม หากผู้อยู่อาศัยเลือกจัดห้องตามไอเดียนี้
มุมปลายเตียงโครงการให้ไอเดียโดยการติดตั้งโทรทัศน์ติดผนังและใช้ชั้นวางทีวีแบบลอย ซึ่งช่วยเพิ่ม Space ภายในห้อนอน ถัดไปบริเวณข้างบานกั้นส่วนเป็นตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อินที่โครงการมอบให้
พื้นระเบียงด้านนอกที่เชื่อมต่อกับตัวห้องนอนเป็นพื้นระดับเท่ากัน แต่โครงการออกแบบธรณีขึ้นมาป้องกันน้ำไหลเข้าสู่ห้องนอน
ห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน Type C ขนาด 35 ตารางเมตร
ห้อง Type C เป็นห้อง 1 ห้องนอนขนาดเริ่มต้นของโครงการ Life One Wireless ซึ่งโครงการออกแบบให้เป็นห้อง 1 ห้องนอนแบบ + 1 ห้องอเนกประสงค์
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นห้องนั่งเล่นสามารถวางโวฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้เลย ด้วยพื้นที่ใช้สอยของห้องที่เป็นแนวลึก
ถัดมาจากส่วนของห้องนั่งเล่นเป็นห้องครัว โครงการเลือกใช้โต๊ะอาหารแบบสูงขนาด 2 ที่นั้นวางคั่นห้องนั่งเล่นและห้องครัวไว้ ซึ่งถือเป็นไอเดียในการกั้นส่วนครัวให้แยกออกไปจากโซนพักผ่อน
เคาท์เตอร์ครัวที่โครงการมอบให้สำหรับห้อง 1 ห้องนอน + ห้องอเนกประสงค์ขนาด 35 ตร.ม. เป็นเคาท์เตอร์รูปตัว L มีช่องใส่เครื่องไฟฟ้าแบบมาตรฐานตามภาพ โครงการมอบเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และซิงคืล้างจานให้ แต่ไม่ได้ให้เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ไมโครเวฟและเครื่องซักผ้า
พื้นห้องน้ำและพื้นห้องครัวเป็นพื้นระดับเดียวกัน แต่มีธรณีสูงขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำไหล และกั้นส่วนห้องน้ำกับห้องครัวอย่างชัดเจน
รัศมีการใช้งานของโถสุขภัณฑ์มีขนาดไม่กว้างมาก เนื่องจากตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ติดกับบานกั้นส่วนของห้องน้ำพอดี แต่ก็ถือเป็นความกว้างระดับมาตรฐานเริ่มต้นที่สามารถใช้งานได้ไม่ลำบาก
ถัดมาเป็นห้องอาบน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก เรื่องการหลบรัศมีในการปิดประตูยังคงเป็นปัญหาสำหรับคนตัวใหญ่ หากโครงการมีออฟชั่นให้เลือกบานกั้นส่วนแบบบานเลื่อนน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
Layout ของพื้นที่อาบน้ำเป็นรูปตัวแอล หากไม่ได้วางชั้นวางเครื่องอาบน้ำ อุปกรณ์ต่างๆ ก็สามารถบิวท์อินที่นั่งอาบน้ำหรือวางเก้าอี้เตี้ยทำเป็นที่นั่งอาบน้ำแบบญี่ปุ่นได้ในมุมนี้
โครงการติดตั้งสายไฟซ่อนผนังสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้เรียบร้อย แต่ไม่ได้มอบเครื่องทำน้ำอุ่นให้ ส่วนฝักบัวเป็นแบบปรับน้ำได้ 3 ระดับเหมือนห้องน้ำยูนิตอื่นๆ ที่แขวนฝักบัวมีแทนวางของเล็กๆ สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ ก็อกน้ำเป็นแบบหัวผสมหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อเปิดใช้น้ำได้
ไฟห้องน้ำเป็น Box Light ให้แสงสีขาว ทำให้ห้องน้ำดูสว่างและโปร่งโล่งมาก ทางโครงการติดตั้งช่องดูดอากาศไว้ให้เรียบร้อยตามภาพ
ที่สุดผนังห้องเป็นบานหน้าต่างขนาดใหญ่พอสมควรเป็นบานกระทุ้งสามารถเปิดออกได้ โครงการไม่ได้มอบผ้าม่านให้เหมือนในห้องตัวอย่าง
ภายในห้องนอนโครงการเลือกใช้เตียงคขนาด 5 ฟุต โดยจากภาพจะเห็นว่ายังเหลือพื้นที่ให้เดินด้านข้างและปลายเตียง และสามารถวางชั้นข้างเตียงได้สบายๆ
หากเลือกใช้เตียงคิงไซส์ที่ขนาด 6 ฟุตขึ้นไปก็ยังสามารถจัดสรรให้เตียงอยู่ในห้องนอนได้สบายๆ แต่พื้นที่ด้านข้างเตียงอาจจะหายไปเหลือพื้นที่สำหรับเดินขึ้นเตียงเพียงฝั่งเดียว
พื้นที่ปลายเตียงเหลือไม่เยอะมากแต่ก็สามารถเดินผ่านได้ ถัดไปจากห้องนอนจะเป็นประตูทางเชื่อมไปสู่ห้องอเนกประสงค์ที่โครงการออกแบบให้เป็นห้องแต่งตัว
สำหรับห้องอเนกประสงค์ภายในห้องขนาด 35 ตร.ม. มีขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่สามารถจัดสรรให้เป็นห้องนอนที่ 2 เหมือน Type ห้องอื่นๆ ได้ โครงการจึงเลือกจัดสรรไอเดียให้เป็นห้องแต่งตัว ติดตั้งตู้เสื้อผ้าบิวท์อินเป็นไอเดียให้ตามภาพ
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลโครงการ ไลฟ์ วัน วิทยุ (Life One Wireless)
ย้อนเวลากลับไปในอดีต ย่านถนนวิทยุ ซึ่งที่ดินส่วนใหญ่ถูกถือครองโดยต้นตระกูลนายเลิศ ตั้งแต่สมัยพระยา
ภักดีนรเศรษฐ หรือนายเลิศ เศรษฐบุตร ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินกว่า 60 ไร่ตั้งแต่ช่วงแยกเพลินจิตยาวมาจนถึงจุดตัดของถนนวิทยุกับถนนเพชรบุรี หลังจากนั้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2465 ท่านพระยาตัดสินใจแบ่งขายที่ดินให้กับรัฐบาลอังกฤษในสมัยนั้นเพื่อสร้างเป็นสถานทูต ภายหลังด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อาคาร สถาปัตยกรรมต่างๆ ได้ชำรุดไปตามกาลเวลา ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการแบ่งขายที่ดินบางส่วนให้กับภาคเอกชน ซึ่งผู้ที่มาถือต่อจากการประมูลนั้นก็คือ ตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โดยปัจจุบันที่ดินกว่า 9 ไร่ ถูกแปลงสภาพเป็นห้างหรูอย่างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ และโรงแรมระดับ 6 ดาวอย่าง ปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในปีนี้ การพัฒนาในพื้นที่ดังกล่าวเป็นตัวผลักดันให้ทำเลถนนวิทยุและโดยรอบ ถือเป็นหนึ่งในทำเลที่ไพร์มที่สุดของกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญ และเป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับพรีเมี่ยม โดยคอนโดมิเนียมในโซนนี้ ราคาขายอยู่ที่ตั้งแต่ตารางเมตรละ 160,000 – 300,000 บาท ในขณะที่ราคาที่ดินนั้นก็ปรับตัวสูงขึ้น จนครั้งหนึ่งเคยสร้างดีลประวัติศาสตร์ในการซื้อ-ขายที่ราคาต่อตารางวาแตะไปถึง 1.5 ล้านบาทแล้ว
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลโครงการ ไลฟ์ วัน วิทยุ (Life One Wireless)
โครงการ Life One Wireless ตั้งอยู่ติดถนนวิทยุ ใกล้กับสะพานข้ามคลองแสนแสบทางออกไปสู่ถนนเพชรบุรี ซึ่งปัจจุบันถนนสายสั้นๆ ความยาวประมาณ 2.5 กม. หรือ ถนนวิทยุนี้ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางย่านธุรกิจที่รวบรวมอาคารสำนักงาน สถานทูตถึงศูนย์การค้า ไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่ และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้ที่ตั้งโครงการจึงมีศักยภาพมากและที่ดินเปล่าที่แทบไม่เหลือให้พัฒนาแล้วในถนนวิทยุก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยพลักดันให้โครงการมีความน่าสนใจในแง่ของคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง
หากใครได้แวะเวียนไปแถวถนนวิทยุ อาจสังเกตเห็นพื้นที่บริเวณตีนสะพานวิทยุที่ถูกล้อมรั้ว เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้าง และตั้งคำถามว่านี่คือโครงการอะไร โดยเฉพาะเหล่านักลงทุนอสังหาฯ ต่างใจจดจ่อตามล่าหาคำตอบอยู่เป็นแน่ เพราะถ้าหากเป็นคอนโดมิเนียม ก็ถือว่าเป็นโครงการที่อยู่ในทำเลที่ดีอยู่ไม่น้อย เพราะย่านนี้ คอนโดฯ ที่เปิดตัวและขายกันอยู่ราคาไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท/ ตร.ม. ทั้งนั้น แต่หากข่าวลือที่ได้ยินมาเป็นจริง โครงการใหม่ของ AP โครงการนี้จะเคาะราคาขายเฉลี่ยเริ่มต้นไม่ถึง 150,000 บาท/ ตร.ม. เชื่อว่าน่าจะสร้างปรากฎการณ์ “มาเร็ว เคลมเร็ว” ได้ไม่แพ้ Life สุขุมวิท 48 แน่ๆ เพราะนอกจากจะมีราคามาล่อใจเหล่านักลงทุนและกลุ่มผู้อยู่อาศัยแล้ว ทำเลในย่านนี้ยังเปี่ยมไปด้วยความเจริญ ทั้งถูกล้อมรอบด้วยอาคารสำนักงานระดับแนวหน้า โรงแรมชั้นนำ รวมถึงห้างสรรพสินค้า ยิ่งไปกว่านั้นข้อดีของถนนวิทยุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานฑูตมากมาย ทำให้เป็นย่านที่มีความปลอดภัยสูงมากที่สุดย่านหนึ่ง แม้สภาพการจราจรในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนจะค่อนข้างติดขัด ประกอบกับถนนวิทยุฝั่งที่เชื่อมต่อถนนเพชรบุรี เป็นการเดินรถแบบทางเดียว (One Way) แต่คนที่อยู่แถวนี้ ยังมีทางเลือกในการใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุด คือสถานีเพลินจิต ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 600 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่พอเดินได้
การเดินทาง
แม้สภาพถนนวิทยุฝั่งที่เชื่อมกับเพชรบุรีจะเป็นแบบเดินรถทางเดียว (One Way) ประกอบกับช่วงเช้าและเย็นสภาพจราจรจะค่อนข้างหนาแน่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยใช้ทางลัดออกทางซอยนายเลิศ ซึ่งจะไปทะลุบริเวณถนนเพลินจิต และสามารถมุ่งหน้าสู่จุดขึ้น-ลงทางพิเศษเฉลิมมหานคร และสุขุมวิทขาออก รวมไปถึงโครงการยังอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ เพลินจิต อยู่ห่างโครงการประมาณ 600 เมตร) จึงช่วยอำนวยความสะดวกต่อผู้อยู่อาศัย
รถไฟฟ้าบีทีเอส
สะดวกสบายกับการใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิท โดยลงสถานีเพลินจิต เดินบน Sky Walk มาฝั่งเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ประมาณ 30 เมตร จะเจอจุดเชื่อมสะพานลอยหน้าอาคารเวฟเพส จากนั้นให้เดินตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 600 เมตร จะเจอโครงการอยู่บริเวณตีนสะพานวิทยุ
ทางเดิน Sky Walk ที่มุ่งหน้ามาฝั่งเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ เดินมาประมาณ 30 เมตร จะเจอจุดเชื่อมสะพานลอยหน้าอาคารเวฟเพส ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแยกเพลินจิต ริมถนนวิทยุ
รถยนต์
ทางเลือกที่1 หากมาจากถนนเพชรบุรี ให้ตรงมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวเข้าซอยชิดลม จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายและตรงต่อมาประมาณ 600 เมตร จะเจอแยกเพลินจิต ให้เลี้ยวซ้ายพร้อมขับตรงไปประมาณ 500 เมตร สังเกตโรงแรมปาร์คนายเลิศ ให้เตรียมชิดขวาเพื่อเลี้ยวเข้าโครงการซึ่งอยู่ขวามือ บริเวณตีนสะพานวิทยุ
ทางเลือกที่ 2 หากมาจากพระราม 4 ให้ตรงมาเรื่อยๆ จนเจอแยกลุมพินีให้เลี้ยวขวาเพื่อเข้าถนนวิทยุจากนั้นขับตรงมาประมาณ 1.8 กม. จะเจอแยกเพลินจิต ให้ข้ามแยกและตรงต่อไปประมาณ 600 เมตร สังเกตโรงแรมปาร์คนายเลิศ ให้เตรียมชิดขวาเพื่อเลี้ยวเข้าโครงการซึ่งอยู่ขวามือ บริเวณตีนสะพานวิทยุ
จากภาพถนนวิทยุเส้นนี้จะเป็นลักษณะ One Way ซึ่งหากมุ่งหน้าตรงไปจนจุด จะสามารถทะลุออกถนนเพชรบุรี โดยช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วน สถาพจราจรของถนนเส้นนี้ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว
เมื่อขับตรงมาประมาณ 500 เมตร จะสังเกตเห็นโรงแรมปาร์คนายเลิศ ด้านซ้ายมืออย่างชัดเจน ให้เตรียมชิดชวา เพื่อเลี้ยวเข้าโครงการ
เรือ
หากใช้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบสายนิด้า ให้มาลงที่ท่าเรือสะพานวิทยุ ซึ่งจะอยู่ตรงจุดที่ตั้งโครงการพอดี
สถานที่แนว Lifestyle
ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนม ตั้งอยู่บริเวณแยกเพลินจิต ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 600 เมตรภาพ via news.mthai.com
อานิสงส์หนึ่งของการอยู่อาศัยในทำเลใจกลางเมืองนั้น คือการมีสถานที่แนวไลฟ์สไตล์รายล้อม โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า อย่างเซ็นทรัล ชิดลม สาขาแรกของแบรนด์เซ็นทรัล ถัดมาอีกนิดจะเป็นเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ซึ่งออกแบบให้เชื่อมต่อกัน ศูนย์การค้าทั้งสองเป็นศูนย์รวมสินค้าแฟชั่น แบรนด์เนม ร้านอาหารนานาชนิด และโรงภาพยนตร์ระดับเฟิร์สคลาส โดยหากข้ามฝั่งมาทางอาคารปาร์ค เวนเชอร์ ก็จะเป็นแหล่งรวมของตึกออฟฟิศ สำนักงานต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อาคารมหาทุนพลาซา, ออล์ซีซั่นส์, สินธร และเคียนหงวน เป็นต้น ดังนั้นจึงทำให้ย่านนี้อัดแน่นไปด้วยเต้นท์ตลาดนัด จำหน่ายทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ ให้เลือกสรรในราคาที่ถูก แพง สลับกันไป
พาร์ค เวนเจอร์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเพลินจิต ได้รับการการันตีว่าเป็นอาคารสำนักงานที่มีราคาแพงที่สุดบนถนนสุขุมวิท
และนอกจากถนนวิทยุฝั่งที่ตั้งโครงการ จะเป็นที่ตั้งของสถานทูตอังกฤษ ยังเป็นที่ตั้งของสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ด้วย
สถานที่สำคัญรอบโครงการ ไลฟ์ วัน วิทยุ (Life One Wireless)
ห้างสรรพสินค้า
Central embassy 450 ม.
Central ชิดลม 800 ม.
ห้าง Gaysorn 1.3 กม.
Robinson อโศก 2 กม.
Siam Paragon 2 กม.
Siam Square One 2 กม.
Terminal 21 2.1 กม.
Siam Center 2.1 กม.
Siam Discovery 2.4 กม.
อาคารสำนักงาน
สถานฑูตสวิสเซอร์แลนด์ 260 ม.
สถานฑูตอังกฤษ 300 ม.
Wave Place 450 ม.
Park Venture 550 ม.
อาคารมหาทุน 600 ม.
สถานฑูตเวียดนาม 850 ม.
All season place 1 กม.
สถานฑูตอเมริกา 1.3 กม.
อาคารสินธร 1.4 กม.
สถานฑูตญี่ปุ่น 2.1 กม.
สถานพยาบาล
BDMS Wellness Clinic 20 ม.
รพ.บำรุงราษฎร์ 1.4 กม.
รพ.ตำรวจ 1.4 กม.
สถานศึกษา
ร.ร.มาแตร์เดอี 1 กม.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 กม.
สวนสาธารณะ
สวนลุมพินี 1.6 กม.
สวนเบญจสิริ 2.7 กม.
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ
ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ย่านเพลินจิต ชิดลม รวมถึงถนนวิทยุ ต่างมีผู้ประกอบการทยอยผุดโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่คู่แข่งของ Life One Wireless มักมีราคาค่อนข้างสูง เริ่มจากโครงการโนเบิล เพลินจิต (ตั้งอยู่บริเวณแยกเพลินจิต ข้างๆ HomePro) ที่มีราคาขายเฉลี่ย 300,000 บาท / ตร.ม. ถัดมาบริเวณจุดขึ้น-ลงทางด่วนก็กำลังจะมีโครงการแบงค็อก สกาย (Bangkok Sky) ที่กำลังล้อมรั้ว และคาดว่าจะเป็นโครงการตึกสูงที่มีราคาขายตารางเมตรละเฉียด 3 แสนอีกเช่นกัน ส่วนอีกหนึ่งโครงการที่มีโลเคชั่นคล้ายๆ กันติดคลองแสนแสบฝั่งชิดลม นั้นคือ คิว ชิดลม – เพชรบุรี ของอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ราคาขายเฉลี่ยเริ่มต้น 170,000 บาท/ ตร.ม. ขึ้นไป และอีกหนึ่งโครงการสุดหรูของค่ายแสนสิริอย่าง 98 ไวร์เลส (ตรงข้ามอาคารปาร์ค เวนเชอร์) ที่มีราคาขายเริ่มต้นสูงถึง 500,000 – 600,000 บาท/ ตร.ม.
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
ชื่อโครงการ |
ยูนิตเริ่มต้น |
พืนที่ใช้สอย |
ราคาเฉลี่ย |
ราคาขาย |
ไลฟ์ วัน วิทยุ |
Studio |
24 ตร.ม. |
170,000 บาท |
4.9 ล้านบาท |
1 Bedroom |
35 ตร.ม. |
160,000 บาท |
5.6 ล้านบาท |
คิว ชิดลม เพชรบุรี (Q Chidlom-Phetchaburi)
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ 15 ตุลาคม 2558)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ทำเลที่ตั้ง: ติดริมถนนเพชรบุรี
พื้นที่โครงการ: 1-2-80.9 ไร่
รูปแบบ: อาคารที่พักอาศัยสูง 42 ชั้น จำนวน 354 ยูนิตสำหรับเพื่อการอยู่อาศัย 352 ยูนิต และยูนิตเพื่อการพาณิชย์ 2 ยูนิต ประกอบด้วย:
ห้องประเภทชั้นเดียวและห้องประเภทมีชั้นลอย (Duplex)
ห้องประเภทชั้นเดียว
-1 ห้องนอน, 1 ห้องน้ำ พื้นที่ตั้งแต่ 35 – 47 ตารางเมตร
-2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ พื้นที่ 63 ตารางเมตร
ห้องประเภทมีชั้นลอย (Mezzanine)
-1 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ พื้นที่ตั้งแต่ 62 – 85 ตารางเมตร
-2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ พื้นที่ 109.5 ตารางเมตร
สิ่งอำนวยความสะดวก: สวนสาธารณะจำลอง, ห้องสมุด, co-working space, โซเชียล คลับ, บ่อแช่น้ำร้อนรวมไสตล์เติร์ก (Turkish hot tub), sauna และ steam room, สระว่ายน้ำ (swimming pool และ shallow pool)
ระบบรักษาความปลอดภัย: กล้องวงจรปิด, พนักงานรักษาความปลอดภัย, เข้าออกอาคารด้วยระบบคีย์การ์ดประเภทล็อคชั้น
เงินกองทุนส่วนกลาง: 750 บาท/ ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว)
ค่าส่วนกลาง: 70 บาท/ ตร.ม. ชำระล่วงหน้า 1 ปี
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 5.6 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 160,000 บาทต่อตารางเมตร และ 180,000 บาทต่อตารางเมตรสำหรับห้องประเภทดูเพล็กซ์
สรุป
จุดที่เป็นไฮไลท์เด่นที่สุดของโครงการ Life One Wireless คือตั้งอยู่บนที่ดินผืนสุดท้ายบนถนนวิทยุ อีกทั้งยังมีราคาต่อตารางเมตรอยู่ที่ 170,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งถือเป็นราคาที่น่าคบหามากในปัจจุบัน เนื่องจากตลอดแนวถนนบริเวณนี้นับรัศมีตั้งแต่แนว BTS มาถึงปลายถนนที่เชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรีมีโปรเจกต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และมีราคาที่แพงพอสมควรหากอยู่ใกล้กับรัศมีแนว BTS เพลินจิต – ชิดลม โดยคอนโดมิเนียมใหม่ที่เกิดขึ้นบนย่านนี้ส่วนใหญ่จะมีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ ไม่เกิน 300,000 บาทต่อตารางเมตร โดยขึ้นอยู่กับโปรดักส์โครงการด้วยว่าได้ที่ดินตรงไหน สร้างออกมารูปแบบไหน ซึ่งบนถนนวิทยุจะมีโครงการระดับ Luxury ของดีเวลลอปเปอร์ชื่อดังที่มีราคาค่าตัวสูงถึง 600,000 บาทต่อตารางเมตรอยู่ด้วย ในจุดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทำเลบนถนนวิทยุได้ โดยที่ดินที่อยู่ต่างที่ ต่างตำแหน่งกันย่อมมีผลกับการตั้งราคาขายในการพัฒนาคอนโดมิเนียมอย่างแน่นอน
ทีนี้ลองมาดูที่โปรดักส์ของตัวโครงการ Life One Wireless ที่เรียกได้ว่ามีราคาต่อตารางเมตรถูกที่สุดบนถนนเส้นนี้ก็ว่าได้ อย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือทางเอพีได้ที่ดินที่เป็นที่เปล่าจริงๆ และอยู่ห่างจากรัศมีรถไฟฟ้าพอสมควรอาจจะเกิน 500 ม. มานิดๆ แต่ก็ยังสามารถเดินเท้าไปถึงได้ สองคือโปรดักส์โครงการถูกสร้างออกมาแบบประหยัดพื้นที่มากด้วย Layout ของตัวอาคารที่เป็นรูปตัว Z และมียูนิตที่หันหน้าออกไปทุกทิศทาง โดยเฉลี่ยยูนิตต่อชั้นที่ไม่มีส่วนกลางเข้ามาแทรกจะมียูนิตอยู่ที่ไม่เกิน 40 ยูนิตต่อชั้น ถึงแม้จะให้ลิฟท์โดยสารมา 2 ฝั่งแบ่งออกเป็นฝั่งเหนือที่ 3 ตัว ฝั่งใต้ 4 ตัว แต่สุดท้ายแล้วเฉลี่ยอัตราการใช้งานของลิฟท์ก็จะอยู่ที่ฝั่งล่ะ 180 – 190 ยูนิตต่อลิฟท์หนึ่งตัว ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่ถือเป็นเท่าตัวของมาตรฐานลิฟท์โดยสารที่อยู่ที่ไม่เกิน 100 ยูนิตต่อชั้นสำหรับโครงการที่ไม่หนาแน่นมาก คิดในแง่ของการอยู่อาศัยหากมีผู้อยู่อาศัยเต็มจำนวน และมีการขึ้นไปใช้ส่วนกลางหลักๆ ที่ชั้น 42-43 ซึ่งการจะขึ้นไปใช้บริการสามารถใช้ลิฟท์ฝั่งเหนือเพียงฝั่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องจริงหากความหนาแน่นในการใช้ส่วนกลางเยอะคงต้องรอลิฟท์ขึ้นลิฟท์ลงกันน่าดู แต่โดยรวมทั้งหมดนี้โครงการจัดสรรออกมาให้ทุกคนสามารถจับต้องพื้นที่บนถนนวิทยุได้ในราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึง 5 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในแง่ของการอยู่อาศัยเอง ที่ตั้งโครงการยังอยู่ในระยะที่เดินไปถึงรถไฟฟ้าได้ถึงแม้จะใช้เวลามากกว่าโครงการอื่นๆ แต่ทั้งนี้บริเวณหน้าปากซอยนายเลิศถัดมาจากโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการโดยใช้เส้นทางในซอยนายเลิศทะลุไปยังเพลินจิตได้ง่ายในราคาไม่เกิน 20 บาท ส่วนในเรื่องของรถยนต์ส่วนตัวออกมาจากโครงการก็มุ่งหน้าสู่ถนนเพชรบุรี เส้นทางคู่ขนานกับถนนสุขุมวิท และยังมีทางพิเศษเฉลิมมหานครเป็นตัวเลือกในการประหยัดเวลาของการเดินทาง และยังมีตัวช่วยยามคับขันของท่าเรือวิทยุที่ใช้คลองแสนแสบเป็นเส้นทางไปสู่สถานที่สำคัญได้ไม่ยาก
ส่วนภายในเองนอกเหนือจากเรื่องโปรดักส์ที่ถูกซอยย่อยให้มียูนิตเยอะกว่า 1,000 ยูนิต โครงการก็พยายามจะจัดส่วนกลางให้มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่ โดยเน้นส่วนกลางทั้งชั้นล่างสุด ชั้น 10 และชั้น 42 – 43 ประกอบไปด้วย Lobby พื้นที่สีเขียวรอบโครงการ ที่จอดรถกว่า 9 ชั้น สวนดาดฟ้าที่ชั้น 10 ทั้งชั้น และพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 42 ที่ประกอบไปด้วย Leisure Theater Room และ Roof Hideaway Bar ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ Outdoor ที่จัดไว้เป็น Sky Bar ส่วนบนชั้น 43 จะมีสระว่ายน้ำขนาดยาวถึง 35 ม. และห้อง Fitness ที่สามารถชมวิวเมืองในมุมสูงได้ ส่วนเรื่องของการออกแบบภายในยูนิตโครงการจะผลิตห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตรออกมาเยอะที่สุด เพราะเป็นห้อง 1 ห้องนอนขนาดเริ่มต้นที่ได้รับห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามา ส่วนห้องรูปแบบ Studio 24-28 ตร.ม. จะเป็นห้องที่มีพื้นที่จำกัด แบ่ง Layout ของห้องออกเป็น 2 โซนคือพื้นที่พักผ่อน และห้องครัว โดยหากจะจัดห้องให้เป็นสัดส่วนห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัวให้อยู่แยกกันคงทำได้ยากพอสมควร ส่วนห้องรูปแบบ 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน Type อื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาก็จะได้รับฟังก์ชันของห้องน้ำในตัวห้องนอนที่สามารถเป็นห้องน้ำกลางได้ด้วยจากการดีไซน์ทางเข้า – ออก 2 ประตูของห้องน้ำ ทั้งนี้เองที่ชั้น 10 ยังเป็นชั้นส่วนกลางที่มียูนิตคละกันทุกยูนิตอยู่เป็นทางเลือกของผู้อยู่อาศัยที่ชอบยูนิตติดสวนถือเป็นอีกหนึ่งชั้นที่น่าสนใจและมีความเป็นส่วนตัวสูง
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ