เฌอรีน กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เพียง 83 ยูนิต ออกแบบในสไตล์ Modern European มีช่องแสงขนาดใหญ่ทั่วทั้งบ้าน มาพร้อมฟังก์ชันพิเศษเพดานสูงโปร่ง พร้อมติดตั้งระบบฟอกอากาศ Panasonic nanoe™X ใกล้ถนนหลักหลายสาย ใกล้ทางด่วน และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีลาดกระบัง ราคาเริ่มต้น 8-18 ล้านบาท
เข้าไตรมาสสองของปีวอก ตลาดทาวน์โฮมยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านชานเมือง เนื่องจากชานเมืองโดยเฉพาะทางโซนกรุงเทพฝั่งตะวันตก คือ จังหวัดนนทบุรี ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ทั้งจากแบรนด์ดังในตลาด และแบรนด์ท้องถิ่นหันมาสร้างทาวน์โฮมกันมากขึ้น ด้วยเพราะตอบรับกับพฤติกรรมและรายได้เฉลี่ยของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนที่ต้องการมีบ้านหลังแรกเป็นของตนเอง โดยไม่ต้องการบ้านหลังใหญ่มากนัก ราคาจับต้องได้ และมีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่ขยันเปิดตัวโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้นในย่านนี้ อย่างโครงการไลโอ บลิสซ์ กาญจนาภิเษก – ชัยพฤกษ์ ในซอยบ้านกล้วย – ไทรน้อย โดยเล่นราคาจับกลุ่มลูกค้าระดับล่างถึงกลาง ราคาขายเริ่มที่ล้านต้นๆ ชนิดที่บ้านเช่า อพาร์เมนต์ ใกล้เคียงต้องหนาวๆร้อนๆ ไปตามๆ กัน
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 21 เมษายน 2559 )
ชื่อโครงการ: ไลโอ บลิสซ์ กาญจนาภิเษก – ชัยพฤกษ์ (Lio Bliss Kanchanapisek – Chaiyaphruk)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน): LALIN
ที่ตั้ง: ซอยบ้านกล้วย – ไทรน้อย ถ.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
สำนักงานขาย: 062-604-4155
เว็บไซต์: www.lio-townhome.com
รายละเอียดโครงการ
เนื้อที่โครงการ: 14 ไร่
รูปแบบโครงการ: ทาวน์โฮม 2 ชั้นสไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพรารี่ จำนวน 266 ยูนิต
รูปแบบบ้าน:
ทาวน์โฮม 2 ชั้น มี 1 แบบ คือ
-แบบ HIVE 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
-ขนาดที่ดินเริ่มต้น 16.7 ตร.ว.
-พื้นใช้สอยเริ่มต้น 105 ตร.ม.
-หน้ากว้าง 5.7 ม. ลึก 7 ม. ( นับจากประตูหน้าบ้านถึงกำแพงหลังบ้าน )
ราคาขายเริ่มต้น: 1.54 บิลท์อิน
ราคาขายเฉลี่ย: เพิ่ม – ลด 30,000 บาทต่อตารางวา
เปิดขาย: 26 มีนาคม 2559
เริ่มก่อสร้าง: ต้นปี 2559
ก่อสร้างแล้วเสร็จ: กลางปี 2560
สถานะการขาย: บ้านสร้างเสร็จพร้อมขาย แบ่งขายเป็นเฟสๆ คือ
-เฟสแรก 30 ยูนิต (หมดไปแล้ว)
-เฟส 2 เปิดขาย 30 ยูนิต ยอดขาย 15 ยูนิต (ข้อมูล ณ วันที่ 21 เมษายน 2559 )
ค่าส่วนกลาง: 600 บาท /เดือน/ ยูนิต
เงื่อนไขการชำระเงิน:
เงินจอง 5,000 บาท
เงินทำสัญญา 20,000 บาท
ค่างวด ตัวอย่างเช่น กรณีบ้าน 2 ชั้น ราคา 1,549,000 บาท อัตราดอกเบี้ยธนาคาร 6.25% ผ่อน 20 ปี = 11,139 บาท , ผ่อน 25 ปี = 10,053 บาท, ผ่อน 30 ปี = 9,384 บาท ต่อเดือนต่อยูนิต เป็นต้น
หมายเหตุ: โปรโมชั่น เฉพาะ 5 ยูนิต แปลงที่ 41 – 44 ตามที่โครงการกำหนด รับฟรีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์, ฟรีเครื่องปรับอากาศ 12,000 BTU จำนวน 1 เครื่องยี่ห้อ Panasonic และฟรีค่าบริการสาธารณะล่วงหน้า 3 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 21 เมษายน 2559 )
รายละเอียดโครงการ
เจาะลึกรายละเอียดโครงการ
ระบบรักษาความปลอดภัย: CCTV มีบริเวณป้อมรักษาความปลอดภัยด้านหน้าโครงการตลอด 24 ชั่วโมง
สิ่งอำนวยความสะดวก: สวนสาธารณะ ขนาดประมาณ 300 ตร.ว. อยู่บริเวณช่วงด้านหน้าไปจนถึงช่วงกลางของโครงการ (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง)
ส่วนประกอบภายในภายในบ้าน
ความสูงพื้นจรดเพดาน: สูง 2.7 ม. เป็นความสูงโดยมาตรฐานของโครงการ
1 ห้องครัว
1 ห้องนั่งเล่น
1 ห้องเก็บของ
3 ห้องนอน
2 ห้องน้ำ
พื้น: ชั้นล่างกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 ซม. , ชั้นบนกระเบื้องแกรนิตโต้ 12 x 12 ซม. ซึ่งข้อดีคือ ทำความสะอาดง่าย ไม่เก็บฝุ่น แต่ข้อเสียคือ เย็นเท้า ควรใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน
ผนัง: คอนกรีตฉาบเรียบ ทาสีขาว ไม่มีวอลล์เปเปอร์
บันได: ราวเหล็กทาสีขาว ไม้ยางพารา
ประตู: บานเลื่อนกระจกเขียวตัดแสงสะท้อน ช่วยกรองแสง กรอบอะลูมิเนียม
หลังคา: ฉนวนกันความร้อน ช่วยให้บ้านเย็น
ระบบท่อน้ำ: ติดตั้งท่อน้ำดี น้ำทิ้งไว้หลังบ้าน เพื่อจะได้ไม่ส่งกลิ่นรบกวน และช่วยบำบัดน้ำ
ระบบไฟฟ้า: เดินท่อร้อยสายไว้ใต้ฝ้าเพดานเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
สุขภัณฑ์ห้องน้ำ: สุขภัณฑ์เป็นสีขาว ได้มาตรฐาน
แผนผังโครงการ
โครงการพัฒนาเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพรารี่ เป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมขาย ด้วยระบบหล่อในที่ ซึ่งข้อดีคือ มีความคงทน แข็งแรง ภายในบ้านดูโล่งกว้าง ไร้เสาคานกีดขวาง
ทั้งนี้ แม้โครงการอยู่ในซอยเล็ก แต่เมื่อถึงตัวที่ตั้งโครงการถือเป็นที่ดินแปลงใหญ่ หน้ากว้าง และลึกเข้าไปด้านใน โดยถนนทางเข้าโครงการกว้าง 12 ม. ถนนในซอยกว้าง 8 ม. ตามกฎหมายกำหนด
ณ วันรีวิว เราได้เก็บภาพบางส่วนในโครงการที่แล้วเสร็จมาให้ชมซึ่งเป็นส่วนที่อยู่บริเวณโซนด้านหน้าของโครงการ ส่วนโซนด้านในอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งไม่สามารถเดินเข้าไปได้มากนัก
ฝั่งด้านขวาของโซนแรก เป็นบ้านเรือนประชาชนเช่นกัน
ทั้งนี้โครงการวางผังบ้านให้หันหน้าทางทิศเหนือ – ใต้ โดยฝั่งที่เป็นบ้านตัวอย่าง และสำนักงานขายหันหน้าไปทางทิศเหนือ คือ ด้านหน้าซุ้มโครงการ ซึ่งจะได้วิวพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งเป็นที่นาเก่าของคนในพื้นที่ ในอนาคตยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการเปลี่ยนมือหรือไม่ ส่วนสองฝั่งด้านข้างเป็นบ้านเรือนประชาชน
ส่วนทิศใต้จะเจอบ้านของเพื่อนบ้านในโครงการ สองฝั่งด้านข้างเป็นบ้านเรือนประชาชนเช่นกัน มีกลิ่นอายของความเรียบง่ายเหมือนอยู่ต่างจังหวัด
รูปแบบบ้านตัวอย่าง
มี 1 แบบ คือ
-แบบ HIVE 3 นอน 2 น้ำ 1 ที่จอดรถ
-ขนาดเนื้อที่เริ่มต้น 16.7 ตร.ว.
-พื้นใช้สอยเริ่มต้น 105 ตร.ม.
-หน้ากว้าง 5.7 ม. ลึก 7 ม. ( นับจากประตูหน้าบ้านถึงกำแพงหลังบ้าน)
บ้านมาตรฐาน
ภายนอกบ้านมาตรฐาน อยู่ติดกับบ้านตัวอย่าง เป็นบ้านทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเน้นโทนสีขาว เทา ดำ จริงๆ จะมีรั้วเหล็กทรงเตี้ยให้ด้วย แต่หลังที่เปิดให้เข้าชมไม่ได้ติดตั้งไว้ เพื่อความสะดวกในการเดินเข้าออกของลูกค้า
สนามหญ้าด้านข้างของบ้าน ปูหญ้าให้อาจดัดแปลงทำเป็นที่ปลูกผักสวนครัว หรือใครจะดัดแปลงเป็นที่เก็บของเพิ่มอีกก็ได้
ภายในบ้านชั้นล่าง ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. สีขาว ผนังทาสีขาว ไม่มีวอลล์เปเปอร์ มีหน้าต่างระบายอากาศกระจกบานเลื่อน สีเขียวตัดแสง และมีโคมไฟซาลาเปา
พื้นที่ครัว ติดกับห้องน้ำ เหมาะกับคนที่ไม่ได้เข้าครัวบ่อยสักเท่าไร เพราะไม่ได้เน้นพื้นที่ครัวมากนัก มีหน้าต่างบานใหญ่ระบายอากาศให้ หากใครต้องการพื้นที่ครัวเพิ่มก็อาจขยายไปยังส่วนซักล้างหลังบ้านที่มีพื้นที่ว่างขนาด 2 x 5.7 ม. เทคอนกรีตไว้ให้
ห้องน้ำอยู่ใต้บันได คนตัวสูงๆ อาจต้องระวังศีรษะชนเพดาน เพราะเป็นขั้นบันได ไม่โปร่งมากนัก สุขภัณฑ์เป็นสีขาว ได้มาตรฐาน
ห้องนอน 2 และ 3 อยู่ติดกัน พื้นปูกระเบื้องแกรนิตโต้ 12 x 12 ซม. สีขาว มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนเขียวตัดแสงให้ 1 จุด
ห้องนอน 1 เป็นห้องนอนใหญ่ สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบาย มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนเขียวตัดแสงให้ 2 จุด
บ้านตัวอย่าง
ภายนอกบ้าน พื้นที่ว่างด้านหน้าปลูกแซมด้วยสวนหย่อมเพื่อให้ดูร่มรื่น ทำไว้เป็นไอเดียให้ลูกค้าดู ไม่มีให้จริง
ภายในบ้านเน้นความโปร่งโล่ง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวเพื่อให้ง่ายต่อการขนย้าย และปรับเปลี่ยนรูปแบบ จัดวางไว้แบบชิดผนังทั้งสองด้าน เว้นพื้นที่กลางเพื่อให้เดินได้สะดวก ส่วนผนังเลือกติดวอลล์เปเปอร์สีเทาอ่อน เพื่อคุมโทนให้สอดรับกับสีบ้าน ด้านเพดานทำหลุมฝ้าให้เรียบร้อยตามภาพ
มุมรับแขกและนั่งเล่น เลือกใช้โซฟาขนาด 2 – 3 คนนั่ง พร้อมโต๊ะกลางทรงเตี้ย ซึ่งจริงๆ แล้ว กรณีอยู่จริงนั่งพื้นจะถนัดมากกว่า
อีกฝั่งหนึ่งของมุมนั่งเล่นเป็นชั้นวางทีวี และชั้นวางของแบบติดผนัง ซึ่งหากใครมีของมากกว่านี้ก็อาจทำเป็นชั้นวางของ หรือชั้นวางหนังสือให้เต็มทั้งผนังไปเลยก็ได้
ถัดจากมุมนั่งเล่นเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ขนาด 4 ที่นั่ง จัดวางไว้ใกล้หน้าต่างบานเลื่อน เพื่อจะได้รับลมจากด้านนอก กั้นบังสายตาด้วยม่านโปร่ง และทึบ
โต๊ะรับประทานอาหารอยู่ติดกับพื้นที่ครัว และห้องน้ำ ซึ่งอาจกั้นแบ่งด้วยกระจกบานเลื่อนก็ได้ เพื่อเพิ่มความเป็นสัดส่วน และกันกลิ่นรบกวน
จากห้องน้ำสีขาวตามมาตรฐานของโครงการ แต่งเป็นไอเดียให้ดู โดยเปลี่ยนเป็นผนังโมเสก และพื้นกระเบื้องโทนสีเทา ช่วยให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น
พื้นที่ส่วนซักล้างด้านหลังบ้าน พื้นเทคอนกรีตให้ ส่วนตรงกลางเป็นระบบท่อน้ำดี น้ำทิ้ง สามารถต่อเติมเป็นครัวไทยได้ แต่หากใครไม่เน้นครัวก็ทำเป็นมุมนั่งเล่นได้ โดยอาจใช้หญ้าเทียมมาปูพื้น และวางชุดเก้าอี้และโต๊ะไว้นั่งชิลได้ แต่อาจจะต้องทำหลังคาเพิ่ม เพราะบ้านเราแดดแรง อากาศร้อนเหลือเกิน
ภายในห้องนอนใหญ่ วางเตียงคิงไซส์ได้ และมีพื้นที่ว่างข้างเตียงให้เดินได้สบาย วางโต๊ะข้างเตียงได้ พร้อมมีปลั๊กบริเวณข้างหัวเตียงให้แล้ว
ประหยัดพื้นที่ด้วยโต๊ะเครื่องแป้งสมัยใหม่ ที่มีที่เก็บของ และกระจกส่องหน้าสามารถปรับขึ้นลงได้ เวลาไม่ใช้แต่งหน้าก็พับเก็บ ทำเป็นโต๊ะทำงานได้
ถัดจากโต๊ะเครื่องแป้ง ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ หน้าบานกระจกเงา ก็ถือเป็นความสะดวกสบาย และเหมาะกับคนที่ชอบแต่งตัว เพราะหน้าบานตู้เป็นกระจกบานใหญ่ เก็บของได้มาก อีกทั้งวางตำแหน่งในที่ที่แสงส่องถึงเพื่อการแต่งหน้าที่สมจริงสำหรับคุณผู้หญิงและเพื่อระบายอากาศได้ด้วย
ข้างเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเขียนหนังสือแบบบิลท์อินแต่อาจกระทัดรัดไปสักหน่อย กรณียังไม่มีลูกก็ปรับเป็นห้องเก็บของได้
ห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งมีขนาดเท่ากัน ตกแต่งเป็นไอเดียสำหรับทำเป็นห้องทำงาน ซึ่งวางโต๊ะทำงานไว้ใกล้หน้าต่างเพื่อให้ได้แสงสว่างอย่างเพียงพอ
ภายในห้องน้ำแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีเทาไว้เป็นไอเดียให้ดู บริเวณฝักบัวอาบน้ำ ทำจุดเชื่อมเพื่อติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นให้แล้ว
ทําเล & การเดินทาง
เจาะลึกทำเลและการเดินทาง
ทำเลกาญจนาภิเษก – ชัยพฤกษ์ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนึกหมายรวมถึงทำเลบางใหญ่ บางบัวทองนั้นถือเป็นทำเลที่โตต่อเนื่องในเรื่องของธุรกิจประเภทที่อยู่อาศัย แม้เดิมในช่วงปี 54 จะประสบกับอุทกภัยครั้งใหญ่ แต่ก็ฟื้นตัวมาได้ และอย่างที่ทราบกันดีว่าอานิสงส์จากรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ – บางใหญ่) ใกล้จะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2559 นี้แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความคึกคักให้กับย่านนี้ อีกทั้งการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค โดยมีการสร้างโครงการถนนมอเตอร์เวย์บางใหญ่ – กาญจนบุรี เพื่อเป็นประตูสู่ภาคตะวันตก ไปเมืองทวายของเมียนมาร์ ยิ่งทำให้คึกคักขึ้นไปอีก
ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ส่งผลให้ย่านนี้มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะราคาที่ดิน กรณีติดถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนกาญจนาภิเษก บางใหญ่ เดิมก่อนก่อสร้างรถไฟฟ้าราคาอยู่ที่ 5 – 6 หมื่นบาทต่อตารางวา แต่เมื่อมีการสร้างรถไฟฟ้า ราคาขยับขึ้นราว 1 – 1.5 แสนบาทต่อตารางวา ยิ่งในเขตชุมชนบางใหญ่ขยับไปกว่า 2 – 2.5 แสนบาทต่อตารางวา
ทำเลที่ตั้งโครงการ
ทำเลซอยบ้านกล้วย – ไทรน้อย เป็นโซนที่ตั้งโครงการ ถือเป็นทำเลที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ต่างจังหวัด เพราะถนนหนทางกว้างขวาง บรรยากาศดูเงียบสงบแต่ไม่ถึงกับวังเวง มีวิถีชีวิตแบบ Slow Life ส่วนใหญ่ยังมีสวนผัก ผลไม้ และที่นา ทำให้มีพื้นที่ให้ได้หายใจ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์อยู่อีกมาก
ซอยนี้มีถนน 2 เลน รถวิ่งสวนกัน แต่เป็นถนนกว้าง การจราจรไม่ติดขัด สองข้างทางโดยทั่วไปเป็นบ้านเรือนประชาชน โครงการจัดสรรเก่า อาคารพาณิชย์และร้านค้าทั่วไป รวมถึงตลาดสดอีกด้วย นอกจากนี้กำลังมีการก่อสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดกลางบริเวณช่วงกลางๆ ซอยอีกด้วย
นอกจากนี้มีสถานที่ราชการอย่าง เทศบาลตำบลพิมลราช ที่ถือว่าเป็นจุดสังเกตหลักในซอยที่เห็นเด่นชัด ก่อนที่จะไปถึงโครงการ
สำหรับตัวโครงการจริงๆ แล้วจะเข้าซอยเล็กๆ ไปอีก 100 ม. ซึ่งเป็นโซนที่มีความเป็นส่วนตัวมา เงียบสงบมาก บริเวณโดยรอบเป็นบ้านเรือนทั่วไปและที่นาว่างเปล่า ทั้งนี้โดยรวมจึงถือว่าเป็นทำเลที่ตั้งโครงการที่ดี ไม่พลุกพล่านจนเกินไปนัก
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
เส้นทางที่ 1 จากสะพานพระนั่งเกล้าบนถนนรัตนาธิเบศร์ มุ่งหน้าเข้าซอยบ้านกล้วย –ไทรน้อย
เส้นทางที่ 2 จากถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าเข้าซอยบ้านกล้วย –ไทรน้อยหรือซอยวัดลาดปลาดุก
ทั้งนี้เราเดินทางด้วยเส้นทางที่ 1 โดยจากสะพานพระนั่งเกล้าบนถนนรัตนาธิเบศร์ มุ่งหน้าไปสะพานกลับรถเข้าเส้นบางใหญ่ สังเกตขวามือคือ เซ็นทรัล เวสต์เกต
รถไฟ
รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีคลองบางไผ่ ห่างจากโครงการประมาณ 6 กม. ซึ่งเป็น 6 กม. ที่สองข้างทางเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ โรงงาน ร้านค้า และห้างโลตัส เอ็กซ์เพรส ซึ่งกรณีขับรถยนต์ส่วนตัวก็ถือว่าไม่ไกลมากนัก เพราะเส้นทางการเดินทางสะดวกรวดเร็ว
มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ผ่านปากซอยทางเข้าโครงการ จุดที่วินอยู่คือ หน้าเทศบาลตำบลพิมลราช, หน้าปากทางเข้าซอยบ้านกล้วย – ไทรน้อยตรง 7 –eleven
รถเมล์
ผ่านปากทาง ถนนบ้านกล้วย – ไทรน้อย สาย 680 – 40
รถตู้
ผ่านปากทาง ซอยบ้านกล้วย – ไทรน้อย ที่วิ่งจากบางบัวทองไปถนนงามวงศ์วาน, รัตนาธิเบศร์ และปิ่นเกล้า รถหมดประมาณ 5 ทุ่ม
รถสองแถว
ผ่านปากซอยทางเข้าโครงการ ที่เขียนว่า ไปตลาดบางบัวทอง
แท็กซี่
ผ่านปากซอยทางเข้าโครงการ
สถานที่ไลฟ์สไตล์
รอบๆ โครงการยังไม่มีแหล่งไลฟ์สไตล์เด่นๆ แต่มีคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดกลางอยู่ช่วงกลางๆ ซอย ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (Banana Mall) ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีคนมาใช้บริการกันมาก นอกจากนี้ก็มีศูนย์อาหารเล็กๆ อยู่บ้างประปราย
สถานที่ไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ที่มาวินในตอนนี้คงหนีไม่พ้นห้างสรรพสินค้าติดแอร์เย็นๆ อาทิ เซ็นทรัล เวสต์เกตที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 7 กม. ซึ่งพื้นที่ติดกันก็กำลังก่อสร้างเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ อย่างอิเกีย บางใหญ่ อีกด้วย
นอกจากนี้ก็เป็นห้างทั่วไปอย่างบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า บางใหญ่ห่างจากโครงการ 6.5 กม. , The square บางใหญ่ห่างจากโครงการ 6.3 กม. , Crystal PTT ห่างจากโครงการ 11 กม. และ Plus Mall บางใหญ่ห่างจากโครงการ 13 กม. เป็นต้น
ส่วนใครที่ชอบต้นไม้ก็สามารถจอดรถแวะซื้อ แวะชมข้างทางได้ เพราะมีร้านขายต้นไม้ ดอกไม้มากมายหลายแห่ง โดยจุดใหญ่ๆ ก็เป็นตลาดต้นไม้ ( Garden Center) ตรงเส้นกาญจนาภิเษก
ขยับไปทางเส้นกาญจนาภิเษก – บางแค ก็ต้องยกให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ยกเอากลิ่นอายแดนปลาดิบมาให้สัมผัสกัน นั่นก็คือ เดอะพาซิโอ พาร์ค ที่จำลองเอาสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ต้นซากุระ และร้านอาหารญี่ปุ่นมากมายมาให้ได้สัมผัสบรรยากาศกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะบ้านไหนมีเด็กเล็กๆ จะชอบวิ่งเล่นกัน ส่วนผู้ใหญ่ และวัยรุ่นก็เซลฟี่กันจนเมื่อยหน้าเลยทีเดียว
เดอะพาซิโอ พาร์ค
ภาพ via saleherethailand.com
หากเป็นร้านอาหาร ส่วนใหญ่ก็นิยมนั่งชิลในช่วงเย็นกับครอบครัว เพราะคนย่านนี้ ส่วนใหญ่อยู่เป็นครอบครัวที่มีพ่อ แม่ ลูก หรือบางบ้านก็มีปู่ย่าตายายด้วย ลักษณะวิถีชีวิตจึงเป็นการพากันไปนั่งกินข้าวรับลมเย็นเสียมากกว่าเป็นผับ บาร์ ซึ่งร้านอาหารที่แนะนำก็มีหลายร้าน อาทิ ร้านกินลม, ร้านป๋าทอง กุ้งเผา ซีฟู้ด ,ร้านครัวสมร บางใหญ่ เป็นต้น
ร้านครัวสมร บางใหญ่
ภาพ via wongnai.com
ร้านป๋าทอง กุ้งเผา ซีฟู้ด
ภาพ via travel.kapook.com
ร้าน Seatime Bar – Restaurant & Karaoke
นอกจากนี้ส่วนใหญ่ก็ขยับมาชิวแถวเส้นราชพฤกษ์ เพราะมีร้านอาหารน่านั่งมากกว่า อาทิ ร้านจับแพะชนแกะ ซึ่งจะตอบสนองกลุ่มวัยคนทำงาน ,ร้าน Bavarianfield , ร้าน seatime Bar – Restaurant & Karaoke,ร้านครัวปากกว้าง ,ร้านกุ้งเต้น ราชพฤกษ์ เป็นต้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงหรือแหล่งอำนวยความสะดวก
โรงเรียนกสินธร เซ็นปีเตอร์ ห่างจากโครงการ 6 กม.
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์บางบัวทอง ห่างจากโครงการ 9 กม.
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ห่างจากโครงการ 6.5 กม.
บทวิเคราะห์
ผลตอบแทนที่จะได้รับ
โดยทั่วไปย่านนี้ มีที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมเป็นหลัก หากพูดถึงกรณีการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริงจะมีเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าการซื้อเพื่อปล่อยเช่า แต่ก็ใช่ว่าการปล่อยเช่าจะไม่มี ซึ่งการแข่งขันในเรื่องการปล่อยเช่าก็มีการเช่าบ้าน หอพัก และอพาร์ทเมนต์รายเดือนอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก
ทั้งนี้เฉพาะทาวน์โฮม การปล่อยเช่าจะอยู่ในระดับกลาง คนส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่มาทำงานในย่านนี้ และเช่าบ้านอยู่
กรณีทาวน์โฮมทั่วไปจะปล่อยเช่าเฉลี่ยที่ 7,000 – 8,000 บาทต่อเดือน ซึ่งหากเทียบกับการซื้อทาวน์โฮมหลังใหม่ โดยเฉพาะโครงการนี้ก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะดูจากอัตราการผ่อนชำระ 20 – 30 ปี จากที่ทางโครงการได้คำนวณไว้นั้นเฉลี่ยที่ 9,000 – 10,000 บาทเศษ ก็ถือว่าต่างจากราคาเช่าทั่วไปไม่มากนัก จึงคุ้มค่าการลงทุนเพื่อซื้ออยู่จริงมากกว่า และตรงตามความต้องการของโครงการที่เน้นลูกค้าที่ต้องการมีบ้านหลังแรก
แต่หากจะซื้อเพื่อปล่อยเช่าก็อาจได้ราคาสูงขึ้นในอีก 1 – 2 ปีข้างหน้า เพราะรอรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดทำการอย่างเป็นทางการ ราคาที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างก็จะขยับขึ้นอีกเป็นแน่
อย่างไรก็ตามทั้งซื้ออยู่จริง และปล่อยเช่าก็ถือว่าคุ้มค่า หากมองในเรื่องของทำเลที่ตั้ง และเส้นทางการเดินทางที่เชื่อมต่อได้หลายเส้นทางอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นในหัวข้อทำเลและการเดินทาง อีกทั้งบรรยากาศความเป็นธรรมชาติก็ยังมีอยู่มาก
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
เดอะโมดิช บางบัวทอง
เจ้าของโครงการ: บริษัท สิริมันตรา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: 109 ซ.ลำโพ 29 ถ.ลำโพ ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
เนื้อที่โครงการ: 37-0-0 ไร่
รูปแบบ: ทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 393 ยูนิต มี 1 แบบ คือ
-แบบ 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
-หน้ากว้าง 6.5 ม. ลึก 7 ม. (รวมหน้าบ้านกับหลังบ้านจะลึก 12 ม.)
ขนาดที่ดินเริ่มต้น: 19.50 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น: 119 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 1.95 ล้านบาท
เว็บไซต์: www.sirivalai.co.th
โกลเด้น ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ –สถานีรถไฟฟ้าบางพูล
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท โกลเด้น แลนด์ เรสซิเด้นซ์ จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ทางเข้าวัดโมลี ถ.บางกรวยไทรน้อย ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
พื้นที่โครงการ : รวมประมาณ 20 – 1 – 9 ไร่
รูปแบบ: ทาวน์โฮม 2 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.7 ม. ลึก 14 ม. จำนวน 193 ยูนิต
ขนาดที่ดินเริ่มต้น: 19.20 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น: 113 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 2.5 ล้านบาท
เว็บไซต์: www.goldenlandresidence.co.th
สรุป
โดยรวมถือว่าโครงการมีจุดแข็งคือ อยู่ในทำเลดีที่ในอนาคตจะกลายเป็นฮับของกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก เพราะเส้นทางการคมนาคมที่สะดวก อีกทั้งไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงมากนัก รวมถึงมีความเป็นธรรมชาติรายล้อม และไม่วุ่นวาย
อย่างไรก็ตามสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าสะดวก และรวดเร็ว คนที่ไม่มีรถส่วนตัวอาจต้องต่อรถหลายต่อเพื่อไม่ถึงปากทางซอยบ้านกล้วย –ไทรน้อย แต่กระนั้นก็มีวินมอเตอร์ไซด์ และรถสองแถวให้บริการ หรือจะเรียกแท็กซี่ก็ได้
โครงการนี้เหมาะกับคนในพื้นที่ และคนที่ทำงานในจังหวัดนนทบุรีเป็นหลัก และเป็นคนที่ชอบธรรมชาติ ต้องการหลีกไกลจากความวุ่นวายในเมือง เน้นการซื้อขายเพื่ออยู่อาศัยจริงมากกว่าการปล่อยเช่า แต่หากคิดลงทุนเพื่อปล่อยเช่าก็อาจจะต้องรอราคาดีที่สูงกว่าปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ให้เช่าที่ 7,000 – 8,000 บาทต่อเดือน เพราะอีก 1 – 2 ปีข้างหน้าคาดว่าราคาบ้านจะสูงตามการเจริญของการเดินรถไฟฟ้า และการขยายเส้นทางการเดินทางที่มากขึ้นนั่นเอง
จากการสอบถามจากทางโครงการก็ได้ความคิดเห็นมาว่า “ คนเมืองนนท์ยังมีที่ดิน ที่สวน ที่นาอยู่มาก บางคนก็อยากเก็บไว้ให้ลูกหลาน อยากมีพื้นที่สีเขียวอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นทุกวัน ความเจริญเข้าถึงก็มีบ้างบางรายที่ทำเลดีจริงๆ ก็อาจพิจารณาอยากปล่อยขายไปบ้างเป็นธรรมดา”
อย่างไรก็ดี เมื่อเมืองขยาย มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากขึ้น ความหนาแน่นก็มากขึ้นตามไปด้วย ฉะนั้นการพัฒนาที่ควบคู่ไปกับการเก็บรักษาสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญ และตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ที่ถึงแม้จะมีความเจริญเข้ามามากอย่างไรก็ย่อมโหยหาพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติเป็นทุนเดิมอยู่วันยังค่ำ