AREAเผยผังเมืองไทยครึ่งหนึ่งหมดอายุ

25 มิ.ย. 2556

AREA เปิดประเด็นผังเมืองไทยหมดอายุไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่งผลเมืองขาดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ แนะกรมโยธาฯ ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการวางผังเมืองที่มีประสิทธิภาพ
 
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูลของศูนย์ข้อมูลฯ พบว่า ในขณะนี้ผังเมืองไทยหมดอายุไปแล้ว 95 ผัง เหลือที่ยังใช้อยู่ 95ผัง โดยพื้นที่ที่ครอบคลุมอยู่ในผังเมืองครอบคลุมเพียงส่วนน้อยของเขตเมืองทั่วประเทศ แต่ก็ยังหมดอายุไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะสร้างความปั่นป่วนในการใช้ที่ดินในอนาคต
 
สำหรับผังเมืองที่หมดและจะหมดอายุประกอบด้วย ผังเมืองที่หมดอายุ 10 ปี (2546) จำนวน 1 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุ 9 ปี (2547) จำนวน 4 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุ 8 ปี (2548) จำนวน 2 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุ  7 ปี (2549) จำนวน 5 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุ 6 ปี (2550) จำนวน 14 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุ 5 ปี (2551) จำนวน 11 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุ 4 ปี (2552) จำนวน 19 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุ 3 ปี (2553) จำนวน 10 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุ 2 ปี (2554) จำนวน 10 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุปี 1 ปี (2555) จำนวน 11 ผัง,  ผังเมืองที่หมดอายุปี 2556 จำนวน 10 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุปี 2557 จำนวน 16 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุปี 2558 จำนวน 8 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุปี 2559 จำนวน 20 ผัง, ผังเมืองที่หมดอายุปี 2560 จำนวน 42 ผัง และผังเมืองที่หมดอายุปี 2561 จำนวน 7 ผัง
 
ดร.โสภณมองว่ากระทรวงมหาดไทยโดยกรมโยธาฯ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการวางผังเมืองควรดำเนินการในการวางผังเมืองเอง แทนที่จะให้ท้องถิ่นเป็นผู้จัดทำผังเมืองรวม เนื่องจากไม่มีประสบการณ์และงบประมาณในการดำเนินการ 
 
“การวางผังเมือง ต้องประสานกับกับกิจการไฟฟ้า ประปา ทางหลวง รถไฟฟ้า ช่วยกันร่างผังเมืองนี้เป็นแผนแม่บทของหน่วยงานของตน ส่วนในพื้นที่อนุรักษ์ชนบทจะห้ามก่อสร้างถนนหรือขยายไฟฟ้า ประปาไปบริเวณดังกล่าว ประสานกับการเคหะแห่งชาติและหน่วยงานอื่นโดยควรใช้วิธีจัดรูปหรือเวนคืนที่ดินชานเมือง สร้างเมืองใหม่แบบปิดล้อมแต่มีระบบขนส่งมวลชนเข้าสู่ใจกลางเมืองโดยตรง แล้วจัดสรรที่ดินที่มีสาธารณูปโภคครบ (serviced land) เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ศูนย์ธุรกิจ เป็นต้น  ประสานกับกรมธนารักษ์เพื่อนำที่ดินใจกลางเมืองมาพัฒนาเป็นศูนย์ธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจมีการรวมศูนย์ สาธารณูปโภคไม่ต้องขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต เป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจด้วยกันเองในพื้นที่  และยังประสานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดสร้างนิคมให้โรงงานได้ใช้ในราคาถูกเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม และเพื่อห้ามการก่อสร้างโรงงานตามท้องนาหรือย่านชานเมืองเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน” ดร.โสภณ กล่าว
 
ทั้งนี้ การว่าจ้างผู้จัดทำผังเมือง ควรทำให้เกิดความโปร่งใสให้ชาวบ้านทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมจริง มีกระบวนการรายงานผลและการตรวจสอบในแต่ละขั้นตอน  แทนที่จะวางผังเมืองโดยใช้ความเชื่อแบบเดิม ๆ หรือลอกเลียนจากประเทศตะวันตก ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
 
 
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com  
 
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่  
 
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
เขียนความเห็น