ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนส่วนใหญ่มองการเปิด AEC จะส่งผลบวกต่อประเทศตนเอง โดยประเทศที่เชื่อมั่นว่าตนมีความพร้อมในการแข่งขันสูงสุดได้แก่เวียดนาม ส่วนวิศวกรเป็นอาชีพที่ถูกมองว่าน่าเชื่อถือสูงสุด
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยว่า AREA ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งอาเซียน ณ ประเทศบรูไน จำนวนเกือบ 100 คนต่อประเด็นความพร้อมในการเปิดประชาคมอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ในปี 2558 ผลปรากฎว่า 62% ของนักประเมินผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าการเปิด AEC น่าจะส่งผลในทางบวกต่อประเทศของตนเอง อย่างไรก็ตามในประเทศเช่น ไทยและเวียดนามดูเหมือนจะมีความกังวลต่อการเข้ามาแข่งขันทางการบริการวิชาชีพจากประเทศอื่น
ในแง่ของความน่าเชื่อถือทางวิชาชีพ ผลการสำรวจพบว่า ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินประเมินให้วิศวกรมีความน่าเชื่อถืออยู่ที่ 80% ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 77% นักกฎหมายอยู่ที่ 75% และนายหน้าอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 68% โดยดร.โสภณตั้งข้อสังเกตว่าการที่ระดับความน่าเชื่อถือของอาชีพนายหน้าอสังหาฯ อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำกว่าอาชีพอื่นเนื่องจากเป็นอาชีพที่ยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจังในประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย
เมื่อถามถึงความพร้อมในการรับมือกับการแข่งขันใน AEC ปรากฏว่า เวียดนามมีความพร้อมที่สุดถึง 86% จาก 100% รองลงมาคือมาเลเซีย 72% ตามมาด้วยไทย 67% และอินโดนีเซีย 63% ส่วนความพร้อมของบรูไนและฟิลิปปินส์อยู่ที่ 58% และ 57% ตามลำดับ
ทั้งนี้ AREA ได้คาดการณ์ว่าไทยจะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในการที่ประเทศเพื่อนบ้านจะเข้ามาทำธุรกิจ โดยพิจารณาจากการที่กรุงเทพฯ มีจำนวนโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับกรุงจาการ์ตา กรุงพนมเปญ กรุงมะนิลา และนครโฮจิมินห์
“นอกจากนี้ ในพื้นที่ตากอากาศ เช่น พัทยา สมุย ภูเก็ตและหัวหิน ก็มีต่างชาติสนใจมาลงทุนเป็นจำนวนมาก” ดร.โสภณ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ