นักวิเคราะห์มองยอดจองบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ๆ ในช่วงไตรมาส 4 จะดร็อปลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการขายและผู้ประกอบการหันไปให้ความสำคัญกับการโอนกรรมสิทธิ์แทน แนะเฝ้าระวังปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงสุดในรอบ 9 ปี
จากบทวิเคราะห์ตลาดที่อยู่อาศัยล่าสุดโดยบริษัท หลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) มองว่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมายอดจองหรือ พรีเซลของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 15 รายใหญ่ที่บริษัทได้ทำการศึกษามีการเติบโตแบบก้าวกระโดดสู่ระดับ 70,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ราว 23% และมากขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาราว 28% ทั้งนี้เป็นอานิสงส์จากการเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบันและอนาคต ที่ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อและนักลงทุนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี เอเชียพลัสมองว่ายอดพรีเซลในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 นี้จะปรับลดลงสู่ระดับปกติที่ 50,000 – 60,000 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการเปิดโครงการใหม่ และในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการจะหันไปให้ความสำคัญกับการโอนฯ แทน
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกสำหรับตลาดอสังหาฯ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังมีทิศทางทรงตัวระดับต่ำ 2% ในช่วงที่เหลือของปีต่อเนื่องถึงปี 2558 ซึ่งเอื้อต่อการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์
สำหรับประเด็นเรื่องการจัดเก็บกฏหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น นักวิเคราะห์มองว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไม่มากเท่าใดนักเพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีนโยบายพัฒนาโครงการทันทีหลังจัดหาที่ดินได้ และอาจจะส่งผลดีในด้านการจัดหาที่ดินในราคาที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น เนื่องจากซัพพลายที่ดินจะมีมากขึ้นหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ ส่วนดีมานด์ในการเก็งกำไรจะลดลง
อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่น่าจับตามองสำหรับภาคที่อยู่อาศัยของไทยก็คือ ภาระหนี้สินภาคครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 8.99 ล้านล้านบาท เป็น 9.8 ล้านล้านบาท ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 82% ของ GDP และเป็นอัตราที่สูงสุดในรอบ 9 ปีเลยทีเดียว
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่