เซ็นจูรี่21ฯ มองธุรกิจอสังหาฯ เข้าสู่จุดเปลี่ยน บิ๊กโปรเจคในทำเลไพรม์ที่เกิดจากการร่วมทุนจ่อผุดมากขึ้น ชี้ราคาคอนโดฯ จะพุ่งสูงตามราคาที่ดิน พร้อมเผย 5 ทำเลมาแรงในอนาคต
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีปัญหาทางการเมือง แต่พบว่ามีธุรกรรมการซื้อขายที่ดินราคาที่สูงในย่านใจกลางกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการซื้อขายที่ดิน 3 แปลงใน 3 ทำเลที่น่าสนใจ ได้แก่ ที่ดินเปล่าริมถนนสุขุมวิทซอย 6 ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีนานาที่มีการซื้อขายล่าสุดที่ราคา 1.8 ล้านบาท/ ตารางวา (ราคาประเมินของทางราชการอยู่ที่ 445,000 บาท/ ตารางวา), ที่ดินแปลงย่านสุขุมวิท 36 ที่ราคาซื้อขายล่าสุดที่ 1.3 ล้านบาท/ ตารางวา (ราคาประเมินจากทางราชการอยู่ที่ 390,000 บาท/ ตารางวา) และแปลงที่ 3 คือ ที่ดินย่านศาลาแดงเนื้อที่กว่า 1 ไร่ใกล้อาคารอื้อจื่อเหลียงซึ่งซื้อขายเปลี่ยนมือล่าสุดที่ 1.5 ล้านบาท/ ตารางวา (ราคาประเมินของทางราชการอยู่ที่ 650,000 – 850,000 บาท/ ตารางวา)
“เป็นที่น่าสังเกตว่าราคาที่ดินเปล่าที่ซื้อขายจริงใน 3 แปลงดังกล่าวแม้จะไม่ทำลายสถิติที่กลุ่มลิปตพัลลภซื้อบ้านหลังหนึ่งไปในซอยสุขุมวิท 24 ที่ราคา 2 ล้านบาท/ ตารางวา แต่ที่ดินที่มีการซื้อขายกันล่าสุดแม้จะเป็นการซื้อขายในช่วงที่การเมืองยังไม่สงบก็ถือว่าราคาเปลี่ยนมืออยู่ในเกณฑ์ที่สูงและที่ดินแปลงต่างๆ ดังกล่าว โดยเฉพาะที่ดินกว่า 3 ไร่ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส รวมถึงที่ดินย่านศาลาแดงที่อยู่ในตลาดค่อนข้างนานนั้นเมื่อเทียบราคาประเมินที่ดินของทางราชการหรือกรมธนารักษ์จะพบว่าราคาซื้อขายเปลี่ยนมือกันในตลาดสูงกว่าราคาประเมินจากหน่วยงานราชการ ในขณะเดียวกันพบว่าที่ดินที่ซื้อมาในราคาที่สูงนั้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อไปมีแผนที่จะพัฒนาเป็นคอนโดหรู ราคาขายต่อตารางเมตรละ 200,000 – 300,000 บาทขึ้นไป อาทิ เอสซี แอสเสทที่มีแผนจะเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่ในย่านศาลาแดงปลายปีนี้ราคาเฉลี่ยที่ 250,000 บาท/ ตารางเมตร ขณะที่คิวเฮ้าส์เตรียมเปิดตัวคอนโดหรูฯ ย่านนานาราคาขายเริ่มที่ 250,000 บาท/ ตารางเมตร เช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นการกำหนดราคาการเปิดตัวคอนโดหรูฯ ใจกลางเมืองใหม่ในราคาที่ค่อนข้างสูง” นายกิติศักดิ์กล่าว
ซีอีโอของเซ็นจูรี่ 21 ประเทศไทยกล่าวต่อว่าราคาที่ดินเปล่าที่สูงขึ้นหมายถึงราคาคอนโดฯ ที่เกิดใหม่จะแพงขึ้นไปอีก ซึ่งหมายความรวมไปถึงคอนโดฯ ที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่หากมีการซื้อขายเปลี่ยนมือราคาก็จะสูงขึ้นตาม
จากข้อมูลที่ฝ่ายวิจัยตลาดและการลงทุนของเซ็นจูรี่21 (ประเทศไทย) ระบุว่าภาคอสังหาฯ ของไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนอีกครั้งนับจากวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 โดยที่เห็นชัดเจนคือจะมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนทำเลสำคัญ สะท้อนภาพการลงทุนสู่เมกาเทรนด์อสังหาฯ ที่กลุ่มทุนใหญ่ร่วมมือกันลงทุนเพื่อรับกับตลาดและโอกาสทางธุรกิจในอนาคตทั้งการค้าพาณิชย์ (ค้าปลีก) ออฟฟิศสำนักงาน โรงแรม และที่อยู่อาศัยในพื้นที่เดียวกัน
สำหรับโซนที่ถูกจับตามองว่าจะเป็นทำเลที่มาแรงในอนาคต ได้แก่ 1. สาทร – ตากสิน ยาวไปจนถึงธนบุรี – วุฒากาศ ราคาที่ดินที่นี่มีการซื้อขายกันที่ 120,000 – 350,000 บาท/ ตารางวา, 2. เพชรเกษม – จรัญสนิทวงค์ ที่ดินติดถนนใหญ่ราคาซื้อขายอยู่ที่ 100,000 – 280,000 บาท/ ตารางวา ส่วนที่ดินเปล่าในซอยราคาซื้อขายอยู่ที่ 60,000 – 80,000 บาท/ ตารางวา ซึ่งคาดว่าหากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสร้างเสร็จและเปิดให้บริการคาดว่าราคาซื้อขายน่าจะปรับขึ้นรวมทั้งราคาขายห้องชุดในคอนโดฯ ก็น่าจะสูงขึ้นตาม
ส่วนทำเลที่ 3 ได้แก่ บางโพ – บางซื่อ – กรุงเทพฯ-นนท์ ที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่าน โดยทำเลดังกล่าวเป็นทำเลที่โครงการคอนโดฯ มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ส่วนหนึ่งอาจเพราะต้นทุนราคาที่ดินที่ขายกันอยู่ที่ 150,000 – 250,000 บาท/ ตารางวา และคาดว่าแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนทำเลที่ 4 คือย่านถนนพหลโยธิน – เสนาฯ และเกษตรนวมินทร์ที่มีพื้นที่เปล่ารอการเปลี่ยนมือและรอการพัฒนาค่อนข้างมาก โดยในปีนี้ราคาซื้อขายเปลี่ยนมือกันเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 – 180,000 บาท/ ตารางวา เมื่อเจาะลงไปถึงราคาที่ดินสำหรับทำแนวราบจะอยู่ที่ 35,000 – 50,000 บาท/ ตารางวา ส่วนที่ดินสำหรับทำโครงการแนวสูงราคาอยู่ที่ 180,000 – 250,000 บาท/ ตารางวา ในขณะที่ทำเลที่ 5 ได้แก่ บริเวณจุดตัดแยกบางนา – สรรพาวุธ เป็นอีกหนึ่งทำเลที่รอการพลิกโฉมหลังจากที่รถไฟฟ้าบีทีเอสมาถึงและจะเพิ่มความน่าสนใจยิ่งขึ้นหากการขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวแบริ่งไปยังสมุทรปราการสร้างเสร็จ โดยปัจจุบันราคาที่ดินที่อยู่ติดถนนและใกล้รถไฟฟ้าอยู่ที่ 180,000 – 250,000 บาท/ ตารางวา ขณะที่ราคาที่ดินที่อยู่ในซอยราคาซื้อขายกันอยู่ประมาณ 70,000 – 120,000 บาท/ ตารางวา
“พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ในอดีตไม่มีคอนโดฯ เราจะเห็นการลงทุนที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ แต่เมื่อรถไฟฟ้ามาถึง คอนโดฯ ก็จะตามมาและคนรุ่นใหม่ก็พร้อมที่จะเลือกคอนโดฯ เป็นที่อยู่อาศัยแรก” นายกิติศักดิ์ให้ความเห็น
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่