ในตอนที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้คำจำกัดความของคำว่า “กู้ร่วม” ไปแล้ว เพื่อให้คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับการขอสินเชื่อในรูปแบบนี้มากขึ้น วันนี้ เราจะมาพูดถึงข้อควรรู้และข้อจำกัดของการกู้ร่วมกัน
ข้อควรรู้และข้อจำกัดของการกู้ร่วม
– ผู้กู้ร่วม หมายถึง ลูกหนี้ร่วม ในทางกฎหมายลูกหนี้ร่วมจะต้องรับผิดชอบหนี้เป็นส่วนเท่าๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ดังนั้นผู้กู้ร่วมควรเป็นบุคคลในครอบครัวหรือญาติพี่น้อง แต่หากต้องการใช้บุคคลอื่นก็สามารถทำได้ แต่ผู้กู้ร่วมจะต้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในหลักทรัพย์นั้น และต้องยอมรับในภาระหนี้ ในกรณีที่ผู้กู้หลักไม่สามารถชำระหนี้ได้
– สถาบันการเงินบางแห่งกำหนดไว้ว่า ผู้กู้ร่วมของคุณจะต้องมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ เช่น บิดา-มารดา พี่-น้อง สามี-ภรรยา หรือเป็นคู่สมรส โดยผู้กู้จะต้องมีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ เช่น ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส เป็นต้น นอกจากนี้ ส่วนใหญ่แล้ว มักให้ผู้กู้ร่วมมีชื่ออยู่ในโฉนดด้วย
– การถือครองบ้านในลักษณะกรรมสิทธิ์รวมอาจมีปัญหาในตอนขายขึ้นมา หากเกิดปัญหาระหองระแหงระหว่างผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมในทางกฎหมายถือเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งด้วย ดังนั้น การขายบ้านจะทำได้ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมทุกคนก่อน
– การเฉลี่ยเงินได้จากการขายบ้านกรณีถือกรรมสิทธิ์รวมที่จะช่วยประหยัดภาษีเงินได้นั้น จะเป็นไปได้เฉพาะบางกรณีเท่านั้น ปกติจะเป็นไปได้เฉพาะกรณีขายอสังหาริมทรัพย์กรรมสิทธิ์รวมที่ได้รับมาโดยมรดก การให้โดยเสน่หา การครอบครองปรปักษ์ หรือกรรมสิทธิ์รวมที่ได้มาโดยทางอื่น ซึ่งเป็นการให้บุคคลอื่นเข้าถือกรรมสิทธิ์รวมภายหลังเท่านั้น ซึ่งการขายอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้สรรพากรจะยอมให้คิดหักภาษีหัก ณ ที่จ่ายแยกเงินได้แต่ละคนที่มีส่วนอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ในกรรมสิทธิ์รวมได้ แต่สำหรับกรรมสิทธิ์รวมในบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ใดๆ ที่เกิดจากการทำนิติกรรมซื้อขาย ขายฝากหรือแลกเปลี่ยน หากเข้าถือกรรมสิทธิ์รวมพร้อมกันจะไม่มีโอกาสประหยัดภาษีได้เลย เพราะเวลาขาย สรรพากรจะไม่ยอมให้แยกคิดภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นรายคนเหมือนกรณีแรก แต่จะให้คิดภาษีเงินได้จากรายได้ของการขายทั้งก้อนแทน เพราะถือว่าเป็นการขายในฐานะห้างหุ้นส่วนหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ไม่ใช่เป็นบุคคลธรรมดาแต่อย่างใด
– การซื้อบ้านในลักษณะกรรมสิทธิ์รวม เวลาขายบ้านจะเสียสิทธิในการขอคืนภาษีเงินได้ในกรณีขายบ้านหลังเดิม เพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ เนื่องจากสิทธิดังกล่าวให้เฉพาะกับเงินได้จากการขายบ้านของบุคคลธรรมดาเท่านั้น แต่การขายบ้านที่ถือครองแบบกรรมสิทธิ์รวม สรรพากรถือเป็นการเสียภาษีในนามห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล จึงไม่อยู่ในข่ายได้รับสิทธิดังกล่าว
– การเข้าชื่อกู้ร่วมในการซื้อบ้านจะทำให้ศักยภาพในการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านหลังถัด ๆ ไปลดลง เนื่องจากพอไปเช็คเครดิตกับเครดิตบูโรจะถูกบันทึกเป็นว่าผู้กู้ร่วมแต่ละคนกู้ยืมเงินไปแล้วเกินกว่าความเป็นจริง เช่น ยื่นกู้รวม 3 คน กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 3 ล้านบาท เมื่อกู้ยืมเงินไปแล้ว ถ้าลองไปเช็คข้อมูลที่เครดิตบูโรดู จะปรากฏผลออกมาเป็นว่า ผู้มีชื่อกู้แต่ละคนมีประวัติเคยกู้ยืมเงินไปแล้วคนละ 3 ล้านบาทแทนที่จะเป็น 1 ล้านบาท ซึ่งมีผลทำให้ผู้กู้ร่วมแต่ละคนหากต้องการกู้ยืมเพิ่มเติมจะเกิดข้อจำกัดขึ้นจนอาจกู้ไม่ได้
– การกู้ร่วมจะส่งผลให้สิทธิการนำดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านเพื่อไปลดหย่อนภาษีถูกทอนให้ลดน้อยถอยลงตามส่วน ทั้งนี้ เนื่องจากตามประกาศของกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์การยกเว้นภาษีกรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมกันกู้ยืม กำหนดให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ทุกคนในลักษณะเฉลี่ยการได้รับยกเว้นภาษีตามส่วนจำนวนผู้มีเงินได้ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินจำนวนที่จ่ายจริงและไม่เกิน 100,000 บาท
เกี่ยวกับผู้เขียน
นิรุทธ์ พรมบุตร เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของเว็บไซต์ @Home Property ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาบริษัท เครือแอทโฮม จำกัด นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายอาคารสถานที่และกายภาพ หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ athomeproperty@hotmail.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ