DD Trip: สำรวจห้างป้ายแดงแหล่งรวมแฟชั่นนิสต้า SQ-1

4 ก.ค. 2557

ในบรรดาแหล่งช้อปปิ้งที่แฟชั่นนิสต้าตัวพ่อตัวแม่จะนึกถึงต้องมี “สยามสแควร์” เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน  เพราะที่นี่เป็นจุดเริ่มต้องของเทรนด์แฟชั่นต่างๆ มาหลายยุคหลายสมัยแล้ว ไม่ต่างอะไรจากไอคอนทางแฟชั่น  ที่ห้องเสื้อเทรนดี้ ซาลอนสุดเก๋ ไปจนถึงร้านอาหารสุดชิคต่างพร้อมใจกันดาหน้ามารวมกันที่นี่ ราวกับเป็นที่ประกาศตนต่อคนทั้งโลกว่าเป็นตัวจริงด้านแฟชั่น  ไม่แปลกอะไรที่เนื้อที่ 63 ไร่ของศูนย์การค้าแนวราบอย่างสยามสแควร์จะอัดแน่นไปด้วยร้านค้าต่างๆ จนเต็มพื้นที่  และวันนี้สยามสแควร์ขยายพื้นที่ให้ได้ช้อปกันมากขึ้น ตอกย้ำความเป็นแฟชั่นไอคอนหนึ่งเดียวเหนือกาลเวลา  ด้วยถนนช้อบปิ้งแนวตั้ง (Urban Shopping Streets) ภายใต้ชื่อ “สยามสแควร์วัน”  ศูนย์การค้าภายใต้คอนเซ็ป FLD ที่ Fashion Lifestyle และ Digital ถูกรวมเข้าไว้ด้วยกัน
 
บนพื้นที่ 8 ไร่ของสำนักจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเดิมเป็นโรงภาพยนตร์สยามก่อนจะถูกไฟไหม้ในปี 2553  วันนี้พื้นที่ตรงนี้ถูกพัฒนาเป็นอาคาร 7 ชั้นสไตล์โมเดิร์นที่โชว์โครงสร้าง สว่างสไวด้วยแผงกระจกขนาดใหญ่  และโปร่งโล่งสบายด้วยช่องเปิดที่กระจายอยู่ทั่วอาคาร รวมไปถึงความสดชื่นจากพรรณไม้สีเขียวที่นำมาประดับอาคาร  การเดินทางมาที่สยามสแควร์วันนั้นง่ายดายไม่ต่างอะไรจากการไปสยามพารากอน เนื่องจากห้างนี้สร้างอยู่ฝั่งตรงข้าม และเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีสยามโดยใช้ทางออกหมายเลข 4  
 
ใครที่มองหาสถานที่สำหรับนัดพบกับเพื่อนฝูงที่นี่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากเพราะสถานีสยามนั้นเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างรถไฟฟ้าสายสีลมและสุขุมวิท สยามสแควร์วันจึงเป็นครึ่งทางที่ทุกคนมาพบกันได้สบายๆ     
 
ปลายอีกฝั่งหนึ่งของทางเชื่อมจากรถไฟฟ้าบีทีเอสคือจุดเริ่มต้นของถนนแฟชั่นที่ลานกิจกรรมแบบเปิดโล่งขนาดใหญ่บนชั้น 3 ซึ่งช่องโถงตรงกลางนี้จะทอดตัวลึกยาวเข้าไปจนถึงส่วนในสุดของอาคารและแบ่งอาคารออกเป็นสองฝั่งตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปถึงชั้น 7 ซึ่งในส่วนนี้ไม่มีระบบปรับอากาศส่วนกลาง คือจะมีแอร์เฉพาะภายในร้านค้าเท่านั้น  ในขณะที่ชั้นล่างลงไปจะมีระบบปรับอากาศแบบเต็มพื้นที่  
 
เราตั้งหลักกันที่ชั้น 3 จุดเด่นของชั้นนี้อยู่ที่ศูนย์บริการและโชว์รูมซัมซุงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าซึ่งในร้านมีพื้นที่ถึงสามชั้นตั้งแต่ชั้น 3 ไปถึงชั้น 5 ลึกเข้ามาจะพบกับร้านสตาร์บัคซึ่งเป็นสาขาใหญ่อีกแห่งหนึ่ง  ตรงข้ามกันนั้นจะมีเชนร้านกล้างถ่ายรูปอย่างบิ๊กคาเมร่า  นอกจากนี้ยังมีกิ๊ฟช็อปต่างๆ รวมไปถึงร้านทำผมเจ้าดังแห่งสยามอย่างอาร์ตแฮร์ก็เลือกมาเปิดเอาท์เล็ทที่นี่เช่นกัน  
 
Siam Square One  
 
ถัดลึกเข้าไปตอนในซึ่งติดกับถนนเส้นในของสยามสแควร์จะพบกับโชว์รูมโตโยต้าซึ่งภายในตกแต่งล้ำสมัยตัวร้านกินพื้นที่สามชั้นจากชั้น 3 ลงไปถึงชั้น 1  ร้านเด่นในชั้นนี้ที่เราหยิบเอามานำเสนอได้แก่ ร้าน Elle Girl เสื้อผ้าวัยรุ่นหญิงที่ตกแต่งร้านได้สวยงามน่ารัก ตรงข้ามกับร้านเท่ๆ อย่าง D. Square ที่จำหน่ายเสื้อผ้าวัยรุ่นชาย  ใครที่มองหาของฝากให้เพื่อนที่ทำงานร้าน Labrador ก็มีของใช้เรียบๆ เก๋ๆ แต่ใช้งานได้จริงอยากให้ลองแวะไปชมกัน  หรือถ้าคุณชื่นชอบตัวการ์ตูนในตำนานของดิสนีย์ก็ต้องไม่พลาดที่จะแวะไปที่ Play House ซึ่งเขาขนสินค้าลิขสิทธิ์มาไว้เพียบ  

Siam Square One

 
นอกจากนี้ยังมีร้านกระเป๋าสำหรับสาวๆ กับที่นำคาแรคเตอร์ของปลาวาฬมาเป็นคอนเซ็ปต์อย่างร้าน Very Whale 
 
ถัดจากชั้นสามแล้วเราเลือกที่จะไปสำรวจกันต่อที่ชั้น 4 และ 5 ซึ่งเป็นโซนของร้านอาหารล้วนๆ ซึ่งน่าสนใจมากๆ เพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่ร้านอาหารที่พบได้ในห้างทั่วๆ ไป บางร้านเองเพิ่งขยายสาขาออกมาเป็นครั้งแรก หรือบางเจ้าก็ขยายมาจากในสยามสแควร์นี้เอง แต่ที่นี่มีร้านอาหารนานาชาติให้เลือกกันหลากหลายมาก เชื่อว่าต้องมีสักร้านที่ถูกใจคุณอย่างแน่นอน  
 
Siam Square One  
          
ขอเริ่มต้นจากอาหารไทยบ้านเรา  ใครที่คิดถึงรสชาติจัดจ้านและเค้กมะพร้าวอ่อนหอมหวานของร้านครัวดอกไม้ขาวคงจะดีใจมากเพราะเรายกร้านนี้มาเปิดกันที่ชั้น 3 มีโต๊ะที่นั่งทั้งด้านในห้องปรับอากาศและด้านนอกด้วยนะ  เพิ่มดีกรีความแซ่บเข้าไปอีกกับอาหารอีสาน ส้มตำ ลาบ และน้ำตก ซึ่งมีให้เลือกถึงสองร้านเด็ดไม่ว่าจะเป็นร้านภูไท ตำนานส้มตำไก่ย่างตัวจริง และ Mix Restaurant & Bar ซึ่งก็การันตีด้วยรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมสามปีซ้อน ทั้งสองร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 5  
 
Siam Square One  
 
ใครที่รักอาหารซีฟู้ดก็ไม่ต้องเดินทางไปถึงมหาชัย มาที่นี่ก็จะกินอาหารทะเลที่ทั้งสดใหม่ และน้ำจิ้มรสเด็ด ขึ้นบันไดเลื่อนมาที่ชั้น 4 ก็จะพบกับภัตตาคารเกี้ยง้วน มหาชัยซีฟู้ด  นอกจากนี้ที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้อีกร้านคือสมบูรณ์โภชนา 
 
Siam Square One  
 
สำหรับทุกคนที่กินเส้น รักเส้นเป็นชีวิตจิตใจ ควบคู่ไปกับรสชาติน้ำซุปที่หอมหวานจากการเคี่ยวมาอย่างเข้มข้น ต้องลองร้านเพลินพุง บนชั้น 4 ที่มีเมนูก๋วยเตี๋ยวและบะหมี่ให้เลือกหลากหลาย  แต่ที่ชาวสยามคอนเฟิร์มความแซ่บก็ต้องก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋ที่ปักหมุดคู่สยามสแควร์มาช้านานซึ่งขยายหน้าร้านมาที่ 5 ของสยามสแควร์วันเช่นกัน  แต่ถ้าเส้นที่คุณชอบคือพาสต้าแต่ดันอยากได้รสจัดจ้านแบบไทยๆ ร้าน I am Thai ที่ชั้น 5 คือคำตอบสุดท้ายเพราะที่นี่นำเส้นพาสต้ามาปรุงกันแบบไทยๆ เช่น พาสต้าน้ำพริกอ่อง พาสต้าหอยลายผัดฉ่า เป็นต้น แค่เห็นชื่อเมนูก็น้ำลายไหลแล้ว
 
Siam Square One  
 
ส่วนใครที่ไม่กินเส้นแต่ยังชอบอาหารลวกต้มที่นี่ก็มีทั้งชาบูและสุกี้ให้เลือกหลายเจ้า  แต่ที่เราคัดสรรกันมาคือ ร้าน Eat Pot บนชั้น 5 ที่จัดของสดๆ มาให้เราทำเกาเหลาแสนอร่อยด้วยตัวเอง  งานนี้อร่อยไม่อร่อยขึ้นอยู่กับฝีมือตัวเองล้วนๆ  ยังอยู่บนชั้นเดียวกันถัดไปอีกร้านคือร้าน ชาบู สุกี้ ลูกชิ้นลาวา แค่ชื่อร้านน่าสนใจแล้ว เราจึงแวะเข้าไปสอบถามพนักงานได้ความว่าลูกชิ้นลาวาของที่นี่คือทีเด็ดที่ใครได้ลองชิมต่างติดใจ โดยเฉพาะลูกชิ้นชาบูจังที่สอดไส้ลาวาไข่หอยเม่น หรือจะเป็นใส้ลาวาชีสหรือไข่กุ้งก็อร่อย  ต้มในน้ำซุปข้นสีเหลืองที่ทำมาจากเต้าหู้ยี้และพริกเกาหลี หรือจะเป็นซุปทะเล อันเป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน  
 
Siam Square One  
 
นอกจากนี้ยังมีร้านเด่นอีกหลายร้านที่ไม่เข้าพวกแต่เราอยากแนะนำ เช่น ข้าวหมูแดงตลาดพลู ชั้น 4 ที่เสิร์ฟความอร่อยกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 โน่นแน่ะ  หรือจะเป็นภัตตาคารจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องหูฉลามที่ China Town Scala Original อาหารจีนต้นตำรับที่อยากให้ลอง ร้านอยู่ที่ชั้น 5  และปิดท้ายด้วยร้านกาแฟน่านั่งแถมใจกว้างให้ใช้ไวไฟฟรีและชาร์จแบตมือถือฟรีอีกที่ร้าน Hollys Coffee ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 
 
 
 
Siam Square One  
 
เราขึ้นไปสำรวจชั้น 6 กันต่อชั้นนี้เป็นที่ตั้งของคลีนิกเสริมความงามหลายร้าน ทั้งทันตกรรมและผิวพรรณ  รวมไปถึงร้านนวดอโรม่าและสปาต่างๆ  และบนชั้นเดียวกันนี้โซนหนึ่งยังเป็นที่ตั้งของธนาคารทั้งหลาย ที่น่าสนใจคือ มีหลายธนาคารที่เราไม่ค่อยจะเห็นไปเปิดสาขาที่ไหนก็มาเปิดที่นี่ด้วย เช่น ธนาคารทิสโก้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน เป็นต้น  สามารถมาทำธุรกรรมการเงินกันได้สะดวกสบายมาก  
 
Siam Square One  
 
ส่วนชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดนั้นยังอยู่ระหว่างการตกแต่งและไม่เปิดให้บริการ  ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีร้านอะไรที่ชั้น 7 บ้าง
 
เราลงลิฟท์ตรงไปที่ชั้น 2 ซึ่งตั้งแต่ชั้นนี้ลงไปเราจะเดินกันอย่างสบายมากเพราะติดแอร์ทั้งฟลอร์ให้เดินช้อปกันชิลๆ เต็มที่ถึงสามชั้นด้วยกันตั้งแต่ชั้น LG ชั้น 1 และชั้น 2 ซึ่งมีร้านค้าเป็นล็อกย่อยๆ อยู่จำนวนมาก  และนานๆ ทีจะมีร้านเครื่องดื่ม น้ำปั่น ชาและกาแฟ คั่นอยู่เป็นช่วงๆ   จำนวนร้านที่เปิดขายก็มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนร้านทั้งหมด  
 
Siam Square One   
 
ชั้น LG นั้นไม่ใช้ชั้นล่างสุดของอาคาร เพราะถัดจากชั้น LG ลงไปนั้นเป็นที่จอดรถใต้ดิน  ซึ่งผู้มาใช้บริการสยามสแควร์วันสามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาจอดได้อย่างเพียงพอ ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าจะถูกใจขาช้อป  
 
 
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ นักเขียนออนไลน์ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ chetapol@ddproperty.com
 
The Buyers' Guide

อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่  

 

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ 
DD Trip: เปิดซิงห้างใหม่กลางกรุง-Central Embassy
DD Trip: พักแข้งตะลุยแดนแซมบ้า-ริโอ เดอ จาเนโร 
Home Gadget:โฮมคิท…เรื่องจริงหรือมโน?  

 
   
เขียนความเห็น