คอลลิเออร์สฯ ชี้การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน-ค้าปลีกขนาดใหญ่ดันย่านบางนากลายเป็นทำเลทอง
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่าจากการสำรวจข้อมูลเชิงลึก หลายทำเลในกรุงเทพฯ เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากจากการที่มีโครงการระบบขนส่งมวลชนเปิดให้บริการ ทั้งถนน ทางด่วน รถไฟทั้งบนดินและใต้ดิน รวมไปถึงการที่มีโครงการพื้นที่ค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้าขนาดใหญ่เปิดให้บริการ ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพและสร้างแรงดึงดูดให้คนเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น อีกทั้งช่วยเปลี่ยนโฉมของที่ดินโดยรอบให้มีการพัฒนามากขึ้น
“การที่มีโครงการพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่มาเปิดให้บริการในพื้นที่ ยังช่วยให้ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมปรับตัวเพิ่มมากขึ้น โดยหากพิจารณาจากราคาขายของโครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบๆ ศูนย์การค้าเอ็มโพเรี่ยมในช่วงปี 2552 จะอยู่ที่ประมาณ 118,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% เลยทีเดียว ซึ่งราคามีการปรับขึ้นมากหลังจากที่เริ่มมีการก่อสร้างศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ และการที่กลุ่มเดอะมอลล์ประกาศจะพัฒนาโครงการเอ็มสเฟียร์ อีก 1 โครงการในบริเวณนั้นจะเป็นการสร้างพื้นที่ค้าปลีกที่มีพื้นที่รวมกันมากกว่า 200,000 ตารางเมตรขึ้นมาใจกลางกรุงเทพฯ จึงทำให้ราคาขายคอนโดฯ ในพื้นที่ปรับขึ้นมากโดยที่ราคาขายต่อในปีที่ผ่านมาในบางโครงการปรับขึ้นราว 25% จากปี 2555 และปรับขึ้นอีกเล็กน้อยในปีพ.ศ.2557 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในพื้นที่ช่วยเพิ่มศักยภาพ และความน่าสนใจให้กับคอนโดฯ ในพื้นที่ได้”
นายสุรเชษฐกล่าวต่อว่าทำเลที่น่าจับตามองในปัจจุบัน ได้แก่ สี่แยกบางนาซึ่งเป็นอีกทำเลที่ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกอย่างเดอะมอลล์กรุ๊ปประกาศว่าจะพัฒนาโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียในชื่อ “แบงค็อกมอลล์” (Bangkok Mall) ด้วยงบลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท บนที่ดินขนาด 100 ไร่ พร้อมสวนน้ำขนาด 20,000 ตารางเมตร สวนสนุก 30,000 ตารางเมตร และโรงภาพยนตร์อีก 14 โรง โดยมีพื้นที่รวมกันกว่า 650,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นที่คาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับพื้นที่โดยรอบสี่แยกบางนาให้เปลี่ยนไปมากขึ้น แม้ว่าจะพัฒนามากขึ้น
รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่เปิดให้บริการนั้นส่งผลให้คอนโดฯ บางโครงการในพื้นที่นี้สามารถขายห้องที่เหลือค้างมาเป็น 10 ปีได้มากขึ้น หรือบางโครงการสามารถปิดการขายได้เลย และรถไฟฟ้ายังมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายไปสมุทรปราการอีกทันที ซึ่งไม่เพียงแต่ยอดขายเท่านั้นที่สูงขึ้น แต่บางโครงการยังสามารถปรับราคาขายขึ้นได้มากกว่า 16% ในช่วงระยะเวลา 2 ปี จากราคาขายประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตรในปี 2555 มาอยู่ที่ประมาณ 93,000 บาทต่อตารางเมตรในปัจจุบัน
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้ย่านบางนากลายเป็นทำเลศักยภาพก็คือแผนสร้างรถไฟรางคู่ขนาดเบา (Light Rail) สายบางนา – สุวรรณภูมิ รวมระยะทางทั้งหมด 15.3 กิโลเมตร งบประมาณในการลงทุนทั้งหมด 22,950 ล้านบาท โดยตามแผนมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2561 ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการหาเสียงของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ในปัจจุบันมีโครงการคอนโดฯ และบ้านจัดสรรในเขตบางนาที่อยู่ระหว่างการขายประมาณ 7,700 ยูนิต โดยแยกเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 380 ยูนิต ขายไปได้ประมาณ 60% บ้านจัดสรรอยู่ที่ระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทมีจำนวนมากที่สุด คือประมาณ 56% โดยที่บ้านในระดับราคานี้เป็นบ้านเดี่ยวทั้งหมด ตามมาด้วยทาวน์เฮ้าส์ราคา 3 – 5 ล้านบาท
ในส่วนของคอนโดฯ มีอยู่ประมาณ 7,330 ยูนิต ขายไปได้ประมาณ 80% จากทั้งหมด 13 โครงการ โดยเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 63% และคอนโดฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมีประมาณ 69% จากจำนวนที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด
“เมื่อการก่อสร้างโครงการของกลุ่มเดอะมอลล์มีความคืบหน้า และเศรษฐกิจของประเทศมีการขยายตัวมากขึ้นในอนาคต จำนวนซัพพลายที่อยู่อาศัยในโซนดังกล่าวนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น” นายสุรเชษฐกล่าว
ภาพ: ภาพจำลองโครงการแบงค็อกมอลล์ โดยเดอะมอลล์กรุ๊ป ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซีย ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกบางนา
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
เศรษฐีไทย-ต่างชาติแห่จองคอนโดฯหรูริมน้ำ150ยูนิตใน3สัปดาห์
บ.รับสร้างบ้านเปิดตัวบ้านต้านแผ่นดินไหว6.9ริกเตอร์
เศรษฐีไทย-ต่างชาติแห่จองคอนโดฯหรูริมน้ำ150ยูนิตใน3สัปดาห์
บ.รับสร้างบ้านเปิดตัวบ้านต้านแผ่นดินไหว6.9ริกเตอร์