ลอนดอนเบียดแชมป์เก่า 5 สมัยอย่างฮ่องกงขึ้นเป็นเมืองที่แพงที่สุดในการที่จะให้พนักงานเข้าไปทำงาน-อยู่อาศัย
จากผลสำรวจดัชนี 12 เมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกสำหรับการทำงาน-การใช้ชีวิตของมนุษย์เงินเดือน “Live/Work Index top 12 world cities” โดยบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ซาวิลส์ พบว่า 4 เมืองแรกที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดประจำปีนี้ ได้แก่ ลอนดอน, ฮ่องกง, นิวยอร์ก และปารีส ตามลำดับ โดยอัตราค่าเช่าที่อยู่อาศัยบวกกับค่าเช่าตึกสำนักงานใน 4 เมืองข้างต้นรวมกันต่อปีสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อพนักงานหนึ่งคน
ซาวิลส์ตั้งข้อสังเกตว่า 4 เมืองดังกล่าวติดอยู่ในชาร์จ Live/Work Index top 12 world cities มาตั้งแต่เริ่มมีการจัดอันดับครั้งแรกในปี 2551
ความผันผวนของค่าครองชีพในการใช้ชีวิตและการทำงานไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดอาคารสำนักงาน โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างภาษีและต้นทุนในแต่ละประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่มีผลต่อต้นทุนในการทำธุรกิจระดับโลกอีกด้วย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ลอนดอนแซงฮ่องกงขึ้นมาอยู่ในอันดับ 1 ในการจัดอันดับในปีนี้
นอกจากนี้ ต้นทุนด้านอสังหาฯ ในลอนดอนยังเพิ่มขึ้นราว 10.6% ในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ลอนดอนเป็นเมืองที่แพงที่สุดในการที่จะให้พนักงานเข้าไปอาศัยอยู่ โดยเฉลี่ยนต้นทุนต่อพนักงาน 1 คนต่อปี จะอยู่ที่ 121,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ฮ่องกงซึ่งอยู่ในอันดับ 2 ของการจัดอันดับในครั้งนี้ เป็นเมืองที่ราคาที่อยู่อาศัยแพงที่สุด โดยสูงกว่าลอนดอนถึง 40% เลยทีเดียว
ส่วนเมืองมุมไบของอินเดียรั้งอยู่ในอันดับสุดท้ายของตาราง โดยต้นทุนต่อพนักงาน 1 คนต่อปีอยู่ที่ประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2551 มาถึง 21%
โยลันดี บาร์นส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของซาวิลส์กล่าวว่าสิ่งที่เห็นได้ชัดจากผลการสำรวจในปีนี้คือราคาอสังหาฯ ที่พุ่งสูงขึ้นเกือบทุกเมืองทั่วโลก ซึ่งคาดว่าแนวโน้มราคาจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้นักลงทุนเริ่มหันไปให้ความสนใจลงทุนในตลาดรองๆ มากขึ้น
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com