โกลเด้นแลนด์มองแนวโน้มปี58เป็นบวก

Kanchana Paha14 ม.ค. 2558

GOLD_Khun Saenphin & Khun Thanapol

โกลเด้นแลนด์คาดรายได้ปี 58 ทะยานสู่ 8,000 ล้านบาท หลังควบรวมเคแลนด์พร้อมลุยทุกเซ็กเมนต์ พร้อมจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ร่วมกับยูนิเวนเจอร์นำ 2 อาคารสำนักงานเข้ากอง เตรียมงบ 2,700 ล้านบาทซื้อที่ดินเดินหน้าพัฒนาบ้านจัดสรร

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ – GOLD เปิดเผยว่าในปี 2557 ที่ผ่านมาบริษัทได้พลิกฟื้นกลับมาทำกำไรก่อนเป้าหมาย ซึ่งเดิมตั้งเป้าว่าจะกลับมาทำกำไรในปี 2558 โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาสามารถทำกำไรได้ 369.36 ล้านบาท เทียบกับผลประกอบการของปี 2556 ที่มีการขาดทุน 454 ล้านบาท นับเป็นการพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรหลังจากขาดทุนต่อเนื่องกว่า 6 ปี

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถจำหน่ายออกได้หมดภายในปีนี้ ประกอบด้วย โครงการสนามกอล์ฟ พาโนราม่า เขาใหญ่ และที่ดินติดทะเลจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 900 ล้านบาท โดยจะนำรายได้ที่ได้มาใช้ในการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์และแนวราบตามแผนของบริษัท

GoldenLand's assets for sale

ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทได้มีมติในการควบรวมกิจการบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ เคแลนด์ ทำให้พอร์ตการพัฒนาโครงการแนวราบของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังได้จัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยการนำอาคารสารทรสแควร์และอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอในย่านใจกลางศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ที่มีอัตราค่าเช่าอยู่ในลำดับต้นของประเทศจำนวน 2 อาคาร

“การได้มาซึ่ง บริษัทเคแลนด์ทำให้ทรัพย์สินของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 20,774 ล้านบาท และคาดการณ์ว่ารายได้ปี 2558 จะเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโตเป็น 111% จากรายได้ 3,800 ล้านบาท ในปี 2557 โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายใหม่ในการเติบโตสู่การเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ 5 อันดับแรกของประเทศภายในปี 2561 โดยคาดการณ์ว่าบริษัทจะมียอดขายรวมประมาณกว่า 30,000 ล้านบาทในอีก 4 ปีข้างหน้า” นายธนพลกล่าว

ด้านนายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ โกลเด้นแลนด์ เรสซิเด้นซ์ กรุ๊ป ในเครือโกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่าในปี 2558 นี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่รวม 13 โครงการ ซึ่งแบ่งเป็น ไตรมาสที่ 1 จำนวน 2 โครงการ, ไตรมาสที่ 2 จำนวน 5 โครงการ, ไตรมาสที่ 3 จำนวน 5 โครงการ และไตรมาสที่ 4 จำนวน 1 โครงการ โดยเมื่อรวมกับโครงการของเคแลนด์แล้ว จะทำให้บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและก่อสร้างมากถึง 33 โครงการ ระดับราคาอยู่ที่ตั้งแต่ 2-20 ล้านบาทขึ้นไป โดยในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณซื้อที่ดินไว้ที่ 2,700 ล้านบาทเพื่อรองรับการกับจำนวนโครงการดังกล่าว”

“ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบัน ผู้บริโภคตลาดไฮเอนด์มีฐานะค่อนข้างดี จึงมีแนวโน้มความต้องการสินเชื่อน้อยกว่าผู้ทีมีฐานะทางการเงินระดับกลาง แม้อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นในอนาคตก็จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของตลาดกลุ่มนี้น้อยกว่า เนื่องจากใช้เงินสดในการซื้อเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่บริษัทยังมองเห็นปัจจัยบวกที่ส่งผลโดยตรงถึงตลาดอสังหาฯ แนวราบ ได้แก่ ราคาวัสดุก่อสร้าง การลดลงของราคาน้ำมันทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง อัตราการเปิดตัวคอนโดมิเนียมชะลอตัวและโครงการที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่มีราคาสูงเกินกว่ากลุ่มระดับกลางจะสามารถซื้อได้” นายแสนผินกล่าว

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

เปิดโฉมห้องตัวอย่างคอนโดฯหรูในไอคอนสยาม

ในช่วงที่ผ่านมา ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยากลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อมีผู

อ่านต่อ14 ม.ค. 2558