สิงคโปร์ยังคงเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกในสายตาคนต่างชาติ ในขณะที่อันดับของกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ตกลงเล็กน้อย จากการจัดอันดับประจำปี 2558 โดยอีซีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทที่ปรึกษาด้านการให้ผลตอบแทนพนักงานที่ต้องไปใช้ชีวิตในต่างแดน
ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้แดนลอดช่องคว้าอันดับที่ 1 ของการจัดอันดับในปีนี้ ได้แก่ เรื่องของคุณภาพอากาศที่ดี ระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน บริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ เช่นเดียวกับอัตราความเสี่ยงด้านการเกิดปัญหาสุขภาพที่น้อย
ส่วนอันดับของ 2 เมืองใหญ่จากประเทศไทยอย่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ในปีนี้ อยู่ที่อันดับ 112 ของโลก (อันดับ 13 ของเอเชีย) ตกลงมาจากอันดับ 108 โดยมีปัจจัยเรื่องการประกาศกฎอัยการศึกที่ส่งผลต่อความมั่นใจในสายตาของชาวต่างชาติ
กรุงย่างกุ้งของเมียนมาร์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 220 ของโลกเป็นเมืองที่ถูกมองว่าสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพคุณภาพต่ำสุด ตามมาด้วยลาว, กัมพูชา, อูลานบาตอร์ (มองโกเลีย) และธากา (บังคลาเทศ)
ในขณะที่กรุงโคเปนเฮเกน (อันดับ 7 ของโลก) ของเดนมาร์กเป็นเมืองที่คนทำงานชาวเอเชียมองว่าไปอยู่แล้วคุณภาพชีวิตดีที่สุดในยุโรป
ส่วนเมืองที่ไม่น่าอยู่หรืออยู่ได้ยากที่สุดในสายตาชาวต่างชาติ ได้แก่ เมืองในอัฟานิสถาน อย่าง ลัชคาร์ กาห์ และกันดะฮาร์
การจัดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกนี้จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยทำการสำรวจความคิดเห็นของคนทำงานชาวต่างชาติต่อคุณภาพชีวิตใน 450 ทำเลทั่วโลก โดยการจัดอันดับดังกล่าวจะเป็นการไกด์ในการประเมินค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของบริษัทที่จะส่งพนักงานเดินทางหรือไปประจำตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
