AREAเผยยอดที่อยู่อาศัยรอขายในเขตกรุงเทพฯ –ปริมณฑลเหลืออยู่กว่า 167,000 ยูนิต หากปล่อยให้จำนวนเพิ่มขึ้นถึง 5% อาจเข้าขั้นวิกฤติได้
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยว่าปัจจุบัน มีโครงการที่อยู่อาศัย (ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น) รอการขายอยู่ 1,706 โครงการ เพิ่มขึ้นกว่าช่วงครึ่งปี 2557 ราว 170 โครงการ แสดงให้เห็นถึงอัตราการขายที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีเท่าที่ควร โดยในจำนวนโครงกาที่รอการขายอยู่นั้น ปรากฏว่ามี 1,105 โครงการที่ยังมีหน่วยขายเหลืออยู่ตั้งแต่ 20 ยูนิตขึ้นไป แสดงให้เห็นถึงซัพพลายคงค้างที่ยังมีอีกพอสมควร
หากพิจารณาถึงจำนวนหน่วยขายรอคนซื้ออยู่นั้น ปัจจุบันมีอยู่ 167,382 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงกลางปี 2557 อยู่ประมาณ 10,000 ยูนิต หรือประมาณ 3.5% ของจำนวนที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จแล้วทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากพอสมควร โดน AREA มองว่าหากตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 5% จะเข้าขั้นวิกฤติได้ แต่ขอย้ำว่าปัจจุบันยังไม่ถึงขนาดวิกฤติ แต่การขายอาจเชื่องช้าลงตามภาวะเศรษฐกิจ
“บางท่านห่วงว่าสินค้าที่ยังเหลือขายนี้จะขายไม่ออก ข้อนี้คงไม่ต้องห่วง เพราะตลาดคงดูดซับซัพพลายนี้ไปอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นเพราะในช่วงที่ AREA ทำการสำรวจนั้นยังไม่มีการขายเกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่าสินค้าขายไม่ออกแต่อย่างใด สำหรับบางท่านที่ห่วงว่าคอนโดมิเนียมจะล้นตลาด จากผลการสำรวจล่าสุดพบว่าในจำนวนหน่วยที่รอขายอยู่นี้ มีห้องชุดเพียง 38% เท่านั้น ที่เหลือขายรองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 31% และบ้านเดี่ยว 24%” ดร.โสภณ กล่าว
ทั้งนี้ AREA คาดว่าสินค้าที่เหลือขายอยู่นี้จะใช้เวลาขายเฉลี่ย 22 เดือนจึงจะหมด หากไม่มีซัพพลายใหม่เกิดขึ้น โดยคอนโดฯ จะใช้เวลาขายสั้นที่สุดคือ 15 เดือน ส่วนทาวน์เฮ้าส์ใช้เวลา 37 เดือน และบ้านเดี่ยวใช้เวลานานถึง 59 เดือนจึงจะขายสินค้าที่คงค้างอยู่หมด
ส่วนโครงการที่หยุดการขายนั้นพบว่า ณ สิ้นปี 2557 มีจำนวน 122 โครงการ จำนวน 34,519 ยูนิต มูลค่ารวม 81,704 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงกลางปีที่ผ่านมา 9 โครงการ จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 7,034 ยูนิต โดยสาเหตุที่โครงการล้มเลิกไปเนื่องจากสถาบันการเงินไม่อำนวยสินเชื่อ (31%) และเป็นโครงการที่ไม่เหมาะสม ขายไม่ออก (20%) นอกนั้นเป็นเหตุผลอื่น
“คาดว่าในปี 2558 นี้ ตลาดอสังหาฯ จะฟื้นตัวกว่าปี 2557 ซึ่งมีวิกฤติทางการเมือง โดยน่าจะฟื้นตัวอยู่ที่ 10% แต่ก็คงยังไม่มากเท่าปี 2556 อย่างไรก็ตามก็ยังไม่แน่ว่าจะมีการเติบโตได้เท่าที่คาดการณ์หรือไม่ เพราะเชื่อว่าการเมืองไทยอาจจะร้อนระอุขึ้นในเวลาไม่ช้าไม่นาน และการลงทุนของภาครัฐอาจสะดุดหยุดลงได้เช่นกัน” ดร.โสภณ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่