ตลาดค้าปลีกกรุงเทพฯ ยังขยายตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางกำลังซื้อแผ่ว คาดห้างเปิดใหม่ปี 59 จะชะลอตัว ก่อนเปิดใหม่ล็อตใหญ่อีกครั้งในปี 60
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ภาพรวมของตลาดพื้นที่ค้าปลีกในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากมีโครงการพื้นที่ค้าปลีกเปิดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 มีพื้นที่ค้าปลีกทั้งหมดรวม 7,250,820 ตารางเมตร ในขณะที่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้จะมีพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้นอีกราว 225,820 ตารางเมตร จากประมาณ 10 โครงการ ส่งผลให้ปีนี้นับเป็นอีกหนึ่งปีที่มีซัพพลายพื้นที่ค้าปลีกใหม่เข้าสู่ตลาดในปริมาณที่ค่อนข้างมาก
ด้านนายสัญชัย คูเอกชัย รองกรรมการผู้จัดการ คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่าผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดพื้นที่ค้าปลีกของกรุงเทพฯ ยังคงเป็นผู้ประกอบการพื้นที่ค้าปลีกรายใหญ่ที่ยังคงเดินหน้าเพิ่มจำนวนสาขาในแต่ละรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแนวกรุงเทพฯ รอบนอก และจังหวัดตามแนวชายแดน
ศูนย์การค้าเป็นธุรกิจค้าปลีกที่มีสัดส่วนมากที่สุดในตลาดโดยมีพื้นที่รวมประมาณ 4.23 ล้านตารางเมตร ตามมาด้วยคอมมูนิตี้มอลล์ 1.07 ล้านตารางเมตร และซูเปอร์สโตร์มอลล์ หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต 0.82 ล้านตารางเมตร
“พื้นที่ค้าปลีกประเภทคอมมูนิตี้มอลล์มีการขยายตัวมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยเพิ่มจาก 300,000 ตารางเมตรในปี 2550 ขึ้นมาถึง 1,073,460 ตารางเมตรในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 และสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,150,460 ตารางเมตร อย่างไรก็ดี คอมมูนิตี้มอลล์หลายแห่งที่เปิดมาก็ไม่ประสบความสำเร็จและต้องปิดตัวลงในที่สุด ซึ่งต่างจากศูนย์การค้าที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการที่มีสายป่านทางธุรกิจยาวและแข็งแรงทำให้โอกาสในการไม่ประสบความสำเร็จน้อยมาก” นายสัญชัยกล่าว
ทำเลที่มีโครงการค้าปลีกไปเปิดใหม่มากที่สุด ได้แก่ บริเวณกรุงเทพฯ รอบนอก คิดเป็นสัดส่วนถึง 53% ของพื้นที่ค้าปลีกทั้งหมด เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียด โซนกรุงเทพฯ รอบนอกฝั่งตะวันออกมีซัพพลายพื้นที่ค้าปลีกเข้าไปเปิดมากที่สุดคิดเป็น 21% ตามมาด้วยโซนกรุงเทพฯ รอบนอกฝั่งเหนือ 19% และฝั่งตะวันตก 13% ตามลำดับ
สิ่งที่น่าสังเกตคือ แม้จะมีปริมาณพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy rate) ลดลงแต่อย่างใด โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 97% ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดพื้นที่ค้าปลีกในประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่มีอัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80% แสดงให้เห็นว่าตลาดพื้นที่ค้าปลีกในเมืองไทยยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าวิตกแต่อย่างใด แม้กำลังซื้อจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันก็ตาม
ในส่วนของอัตราค่าเช่าพื้นที่นั้น มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน โครงการในพื้นที่ใจกลางเมืองเป็นทำเลที่มีค่าเช่าสูงเฉลี่ยอยู่ที่ระหว่าง 2,000-5,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน (สัญญาเช่าส่วนใหญ่ 3 ปี) ในขณะที่ค่าเช่าพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกเริ่มที่ประมาณ 800-2,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
สำหรับแนวโน้มตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ คอลลิเออร์ส์ฯ คาดว่าตลาดจะยังคงอยู่ในสภาวะที่ดี โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งแบรนด์ไทย และต่างชาติที่ยังคงมั่นใจในกำลังซื้อของคนไทยในระยะยาวและพยายามหาช่องทางในการเปิดร้าน หรือสาขาใหม่ในประเทศไทยต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ
นอกจากทำเลในกรุงเทพฯ แล้ว ผู้ประกอบการยังมีแนวโน้มที่จะมองหาโอกาสในการลงทุนในจังหวัดชายแดนทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ในแผนจะพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อรองรับกำลังซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน
ในขณะที่ผู้ประกอบการพื้นที่ค้าปลีกต่างชาติก็พยายามที่จะเข้ามาเจาะตลาดค้าปลีกในเมืองไทยด้วยการเปิดโครงการพื้นที่ค้าปลีกแห่งแรกของตนเองในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ในช่วงปีนี้และปีหน้า อาทิ กลุ่มอีออนจากประเทศญี่ปุ่น และกลุ่ล็อตเต้จากประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น
โดยในปี 2559 คาดว่าจะมีโครงการพื้นที่ค้าปลีกเปิดตัวน้อยลงกว่าปีนี้ เนื่องจากหลายโครงการเลื่อนกำหนดไปเปิดในปี 2560 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโครงการแบงค็อก มอลล์ ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
