จากเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนั้น โดยที่เจ็บที่สุดเห็นทีจะเป็นในส่วนของธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว นักลงทุนต่างดึงเงินออกจากไทยเป็นจำนวนมากในช่วงนั้นสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดหุ้นไทยไม่น้อย ดังนั้นจึงต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสน่ห์ของประเทศไทยต่อนักลงทุน และหนึ่งในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจโปรเจคใหญ่ของประเทศเห็นทีจะไม่พ้นโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะวิ่งผ่านพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศทั้งขนาดเล็ก, กลาง และใหญ่
ระบบการคมนาคมที่รวดเร็วจัดเป็นหนึ่งในระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเมืองและเมื่อเข้าไปถึงยังพื้นที่เมื่อไรแน่นอนจะนำไปสู่ความเจริญที่จะตามมาทั้งในเรื่องการแลกเปลี่ยนไอเดียอุตสาหกรรมหรือตัวผลิตภัณฑ์ที่รวดเร็วขึ้นระหว่างเมืองเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ เมื่อระบบโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) เข้ามา สิ่งอำนวยความสะดวก (amenities) ก็จะเกิดขึ้นบริเวณรอบๆ เมื่อสิ่งเจริญเริ่มผุดขึ้นบรรดาดีเวลลอปเปอร์จึงมองเห็นศักยภาพการเติบโตของดินแดนนั้นๆจึงเข้าไปพัฒนาในเรื่องอสังหาฯ เมื่ออาคารเพื่อการอยู่อาศัยมีสิ่งอำนวยความสะดวกเกิดขึ้นรอบๆพร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายจึงดึงดูดประชากรจากดินแดนต่างๆเข้ามาอย่างกรณีศึกษาของ New York City ที่แซงอดีตเมืองประชากรหนาแน่นอย่าง Baltimore ได้ด้วยการดำเนินการพัฒนาในรูแบบนี้จนผู้คนต่างย้ายหนีออกจากเมืองบัลติมอร์สาเหตุด้วยขาดการพัฒนา
อีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดนั่นคือการเกิดขึ้นของรถไฟความเร็วสูงชินกังเซ็งที่ก่อให้เกิดเมืองเจริญใหม่อย่าง โยโกฮาม่า ขึ้นในปี 2547 กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญพร้อมจำนวนประชากรที่หนาแน่นอีกเมืองหนึ่ง ณ ตอนนี้ รัฐบาลไทยกำลังนำโมเดลพัฒนาเมืองลักษณะนี้มาใช้ เพราะหากรอให้เมืองโตก่อนเราไม่รู้ว่าเมื่อไรเมืองจะโต จึงต้องเอารถไฟความเร็วสูงเป็นตัวนำแล้วไปสร้างเมือง เป็นการกำหนดทิศทางของเมืองได้
ประเทศไทยพึ่งพาเศรษฐกิจในเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมากจนเกินไปจนขาดในเรื่องการพัฒนาด้านเทคโนโลยี นอกเหนือจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯแล้ว การกระจายความเจริญในลักษณะนี้ยังคงน้อย แต่ถ้าประเทศเรามีเมืองที่เจริญอย่างกรุงเทพฯเกิดขึ้นอีกสัก 3-4 แห่งขึ้นเมื่อไร แต่ก็ต้องพึงระวังว่านอกจากโครงสร้างทางคมนาคมที่ทั่วถึงแล้วในชุมชนนั้นๆมีการส่งเสริมแรงงาน การศึกษา สาธารณสุขที่ดีหรือไม่ มิฉะนั้นแทนที่ความเจริญจะขยายจากเมืองมาชนบท (dispersion) จะกลายเป็นว่ารถไฟนำพาแรงงานให้ย้ายถิ่นสู่เมืองอย่างกรุงเทพฯ มากขึ้นและทำให้ให้เมืองยิ่งหนาแน่น (over-agglomeration)
เมื่อดินแดนมีความเจริญขึ้นประชากรก็จะเริ่มมองหาบ้านหรือคอนโดเพื่ออยู่อาศัยในพื้นที่เจริญนั้นๆ ลองคิดดูว่ามูลค่าเศรษฐกิจและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP จะเพิ่มขึ้นเท่าไรต่อปี ซึ่ง ณ ตอนนี้ทางรัฐบาลเองกำลังเริ่มสร้างให้นิคมอุตสาหกรรมที่ระยองให้กลายเป็นศูนย์รวมเหล่าเนิร์ดด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งจะทุ่มงบเพื่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุดโดยอาศัยการสร้างอาคารเทคโนโลยีต่างๆให้อยู่ใกล้กัน (proximity) เพื่อให้กลุ่มคนแต่ละกลุ่มเข้าถึงกันได้โดยง่ายก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียต่างๆซึ่งนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆได้ ดั่งที่เราได้เห็นตัวอย่างที่ California ซึ่งได้นำแนวความคิดเช่นเดียวกันมาใช้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกมากที่สุดไปแล้วโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี
เรื่องข้างต้นเขียนโดย ชัยสิทธิ์ บุนนาค Content Writer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ chaiyasit@ddproperty.com