นารายณ์ฯยังเหนียวแน่นกับทุนจากฮ่องกงเดินหน้าโครงการร่วมทุนต่อ

Kanchana Paha3 ธ.ค. 2558

The Estates at MontAzure

นารายณ์ พร็อพเพอตี้แย้มปีหน้าพร้อมเปิด 7 โครงการใหม่ รวมทั้งประกาศเดินหน้าร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์จากฮ่องกง “อาร์ช แคปปิตอล” ต่อเนื่อง ล่าสุด บิ๊กโปรเจคในภูเก็ต ดึงศิลปินแห่งชาติร่วมออกแบบวิลล่าหรู

นายเจนต์ชัย ลิ้วัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์พร็อพเพอตี้ จำกัด เปิดเผยว่าในปี 2559 บริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งแนวราบและแนวสูง โดยปัจจุบันมีแผนในการเปิดโครงการใหม่แน่นอนแล้ว 7 โครงการรวมมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ในเมือง ราคาเริ่มต้นประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนมกราคม 2559 ส่วนที่เหลือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 แห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งมีที่ดินรองรับแล้ว โดยบริษัทได้มีการปรับแผนในการพัฒนาโครงการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป คือจะดำเนินการเรื่องประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเปิดขาย

ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการนั้น จะมีทั้งการลงทุนพัฒนาเอง และพัฒนาภายใต้การร่วมทุนกับบริษัทพันธมิตรอย่าง “อาร์ช แคปปิตอล” (ARCH Capital) จากฮ่องกงที่มีการร่วมมือกันพัฒนาโครงการมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยโครงการที่ร่วมกันพัฒนาที่ผ่านมา ได้แก่ คอนโดมิเนียมแบรนด์ “พาร์คแลนด์” โดยในปี 2559 ทั้งสองบริษัทก็จะร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 1 โครงการโดยยังคงทำเลศักยภาพในแนวรถไฟฟ้าเช่นเดิม

สำหรับโครงการที่เป็นความร่วมมือล่าสุดระหว่างนารายณ์ฯ และอาร์ช แคปปิตอล ได้แก่ โครงการมิกซ์ยูสระดับซูเปอร์ไฮเอนด์บนหาดกมลา ในจังหวัดภูเก็ต ในชื่อ “มอนท์เอซัวร์” (MontAzure) มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท โดยโครงการจะแบ่งการพัฒนาที่ดินขนาด 454 ไร่ออกเป็นเฟสๆ

สำหรับเฟสแรกซึ่งเป็นการพัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์จำนวน 75 ยูนิตบนเนื้อที่ดิน 9 ไร่ ราคาเริ่มต้น 8-93 ล้านบาท ในชื่อ “ทวินปาล์ม เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์” (Twinpalms Residences MontAzure) นั้น หลังจากที่เปิดตัวโครงการมอนท์เอซัวร์ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 14 ยูนิตแล้ว โดยโครงการดังกล่าวได้เชนรีสอร์ทอย่างทวินปาล์มเข้ามาบริหารจัดการและดูแลเรื่องการปล่อยเช่าให้เป็นเวลา 15 ปีสำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อเพื่อลงทุน โดยมีการการันตีผลตอบแทนการเช่าในอัตรา 6% นาน 3 ปี (เปิด 10 ยูนิตเท่านั้น) และเจ้าของห้องชุดสามารถเข้าพักได้ปีละ 45 วัน สำหรับการก่อสร้างนั้น คาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2559 ก่อนที่จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2560

สำหรับเฟสที่ 2 จะเป็นการพัฒนาในรูปแบบวิลล่าหรูบนเนินเขา ในชื่อ “ดิ เอสเตท แอท มอนท์เอซัวร์” (The Estates at MontAzure) จำนวน 13 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 70 ไร่ โดยได้ศิลปินแห่งชาติอย่าง เล็ก บุนนาค และสถาปนิกชื่อดัง Jaya Ibrahim มาร่วมออกแบบ โดยวิลล่าภายในโครงการนี้จะเป็นยูนิตใหญ่สร้างบนที่ดินขนาด 4-7 ไร่ พื้นที่ใช้สอยกว่า 2,000 ตารางเมตรต่อยูนิต ราคาขาย 8-15 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 280 – 525 ล้านบาท) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างวิลล่าตัวอย่างอยู่ คาดว่าจะเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้บางส่วนในช่วงต้นปี 2559

The Estates at MontAzure

ในขณะที่เฟสที่ 3 คาดว่าจะพัฒนาเป็นฮิลล์ไซด์รีสอร์ทหรู โดยจะมีเชนโรงแรมระดับ 5 ดาวเข้ามาช่วยบริหารจัดการ โดยคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในช่วงต้นปี 2559 เช่นกัน

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำโครงการมอนท์เอซัวร์ไปโรดโชว์ในต่างประเทศในช่วงไฮซีซั่นนี้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการนั้นเป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงเป็นส่วนใหญ่ โดยประเทศที่มีแผนจะไปโปรโมทโครงการนั้น ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหราชอาณาจักร

“ตลาดวิลล่าหรูในภูเก็ตนั้นนับเป็นเซ็กเมนต์ที่ยังมีโอกาสอยู่มาก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีซัพพลายปริมาณที่ค่อนข้างจำกัด เพราะแต่ละโครงการที่เปิดตัวจะมีจำนวนยูนิตที่ค่อนข้างน้อย ราว 10 ยูนิตต่อโครงการ ในขณะที่ดีมานด์จากลูกค้ากำลังซื้อสูงเหล่านี้นั้นมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบันแต่อย่างใด” นายเจนต์ชัย กล่าว

“สำหรับการลงทุนของนารายณ์ฯ จะยังคงการลงทุนแบบ Selective ต่อไป นั่นคือเวลาจะพัฒนาโครงการใดๆ จะเลือกพัฒนาบนทำเลที่ดี มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราค่อนข้างระวังในการพัฒนาแต่ละโครงการ คือต้องมั่นใจว่าทำเลนั้นดีจริงๆ ในช่วงที่ผ่านมา เราอาจจะเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียม ในขณะที่โครงการแนวราบมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 30% แต่ในปี 2559 สัดส่วนของโครงการแนวราบคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ส่วนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็ยังเป็นเซ็กเมนต์เดิมคือกลาง-บน ส่วนทำเลต่างจังหวัดนั้นจะไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ แต่สำหรับโครงการที่ภูเก็ตนั้นถือเป็นกรณีพิเศษเพราะที่ดินแปลงที่เราได้นั้นถือว่าพิเศษจนไม่สามารถที่จะพลาดโอกาสในการจะนำมาพัฒนาได้” นายเจนต์ชัย กล่าวสรุป

 

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com 

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

คาดคนกรุงเทพฯเที่ยวไทยดันเม็ดเงินสะพัด1.8หมื่นล้าน

ผลสำรวจพบคนกรุงเทพฯ แห่เที่ยวในประเทศปลายปี ส่งอานิสงส์ต่อธุรกิจโรงแ

อ่านต่อ2 ธ.ค. 2558