อาการปวดหัวเป็นอาการของระบบประสาทที่ทุกคนต้องเคยประสบกันมาบ้างแล้ว ระดับความรุนแรงและความถี่ของการปวดนั้นจะแตกต่างกันไป บางคนอาจมีอาการปีละ 2-3 ครั้ง ในขณะที่บางคนอาจจะต้องทนทุกข์กับอาการดังกล่าวมากกว่า 15 ครั้งต่อเดือน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดหัวบ่อยเข้าก็อาจจะส่งผลระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณได้ วันนี้ DDproperty มีวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ที่บ้านเพื่อกำจัดอาการปวดหัวได้
รู้จักประเภทของอาการปวดหัว
อาการปวดหัวอาจจะเกิดมาจากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด โรคหวัด โรคภูมิแพ้ ก่อนที่จะหาวิธีแก้ไขหรือไปหาหมอ เราควรรู้ตัวเองก่อนว่าอาการปวดหัวของเรานั้นเป็นแบบไหน รูปแบบของอาการปวดหัวที่พบบ่อย ได้แก่:
ปวดจากความตึงเครียด เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากกล้ามเนื้อบีบรัดบริเวณด้านหลังของลำคอ หรือหนังศีรษะ มักเกิดจากความเครียด ความเมื่อยล้า หรือภาวะซึมเศร้า อาการปวดหัวตึงเครียด นอกจากนี้ยังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนอน นอนไม่หลับ วิตกกังวล ลดความอ้วน เวียนหัว เมื่อยล้า เป็นต้น
ปวดแบบคลัสเตอร์ จะมีลักษณะปวดรุนแรง ปวดแบบจี๊ดๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณด้านหลังของตาข้างใดข้างหนึง อาการปวดแบบนี้เกิดขึ้นจากความผิดปกติของส่วนหนึ่งของสมอง (hypothalamus) คุณจะรู้สึกเหมือนอาการร้อนวูบ อย่างต่อเนื่อง Ptosis หรือเปลือกตาตก เป็นสัญญาณที่สำคัญของการปวดหัวแบบคลัสเตอร์
ปวดหัวไซนัส เกิดขึ้นเมื่อโพรงจมูกอักเสบ เพราะโรคภูมิแพ้ เป็นหวัด หรือไข้หวัด อาการปวดประเภทนี้ยังอาจจะเกิดจาก ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อนในกระเพาะอาหาร ท้องเสีย หรือท้องผูก การเป็นหวัดเวลานานอาจจะทำให้เกิดไซนัสอักเสบ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ปัญหาในช่องปาก หรือการติดเชื้อจากแบคทีเรียและไวรัส
ปวดไมเกรน จะเกิดอาการปวดอย่างรุนแรงที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ จะมีอาการไวหรือ sensitive ต่อแสงและเสียง มีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการปวดนั้นจะปวดเพิ่มมากขึ้น บางคนที่มีปัญหาไมเกรนบางครั้งจะมีอาการเห็นแสง “วูบวาบ” หรือ ไวต่อกลิ่น โดยอาการนั้นจะเกิดขึ้นประมาณ 30-60 นาทีก่อนมีอาการปวดหัว
อาการปวดหัวเพราะบาดแผล เป็นผลมาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ และอาจจะยังระบมอยู่ อาการนี้อาจจะเกิดขึ้นนานเป็นเดือนหรือเป็นปี อาการที่พบบ่อยคือปวดหัว เวียนหัว นอนไม่หลับ และอารมณ์แปรปรวน
ทำอย่างไรถึงจะห่างไกลอาการปวด?
อาการปวดหัวส่วนมากจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม หรือการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไป
- การเปลี่ยนแปลงเพราะอากาศร้อนขึ้น หรือ ความดันของอากาศ เช่น การนั่งเครื่องบิน เดินป่า ว่ายน้ำ
- นอนเยอะเกินไปหรือน้อยเกินไป
- การสัมผัสกับควัน ไอระเหย น้ำหอม รวมทั้งสิ่งที่กระตุ้นการเกิดภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น และ ละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น
- สำหรับคนที่มีปัญหาด้านสายตา ค่าสายตาที่เปลี่ยนก็อาจทำให้คุณมีอาการปวดหัวได้
- ไฟที่สว่างจ้า หรือ ไฟกระพริบ
- ความเครียดหรือได้รับการกระทบกระเทือนทางอารมณ์
- เหล้าและบุหรี่
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเยอะเกินไป เช่น กาแฟ ชา หรือ น้ำอัดลม
- อาหารและเครื่องดืมที่ใช้สารแทนความหวาน โดยเฉพาะสาร aspartame
- อาหารที่ใส่ผงชูรส
- อาหารแปรรูป เช่น เนื้อสัตว์ ปลาซาร์ดีน เนย ถั่ว ช็อกโกแลต ครีม และโยเกิร์ต
วิธีคลายปวดหัวง่ายๆ ที่บ้าน
- ใช้ผ้าขนหนูอุ่นประคบที่บริเวณหัวหรือลำคอ เพราะความร้อนจะช่วยเปิดหลอดเลือด ซึ่งจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ให้ออกซิเจนและสารอาหารขึ้นไปเพื่อลดอาการปวด และช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น
- อาบน้ำอุ่น การอาบน้ำอุ่นจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมคือประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไป
- ซาวน่า เพราะอากาศแห้งหรือขาดน้ำจะทำให้เกิดการระคายเคืองของจมูก รวมทั้งนำไปสู่อาการปวดหัวไมเกรนได้ อากาศชื้นๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
สมุนไพรบำบัด
- ดื่มชาสมุนไพร ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และคุณสมบัติต้านการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาความเครียด และทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ชาบางชนิด เช่น มินต์ คาโมไมล์ และลาเวนเดอร์ อาจจะใช้เวลาถึง 2-3 ชม. ในการออกฤทธิ์
- ขิง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตสูง และปัญหาทางเดินอาหาร ที่อาจจะมาพร้อมกับอาการปวดหัว นักวิจัยยังพบอีกว่าขิงยังช่วยลดโอกาสในการเกิดไมเกรนอีกด้วย
- ยาหม่อง ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว เวียนหัว หรือ คลื่นไส้ อาเจียน นอกจากนี้ ยังสามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
การดูแลตัวเอง ด้วยการนอนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และรัปประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำเยอะๆ และหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ จะช่วยให้คุณห่างไกลจากอาการปวดหัว นอกจากนี้ คนที่ปวดหัวบ่อยๆ อาจจะไปเล่นโยคะ หรือนั่งสมาธิ เพื่อลดความเครียดลงได้