ทิปส์ง่ายๆคลายปวด(หัว)ที่ทำได้เองที่บ้าน!  

Ravikanya Prapharsavat22 ธ.ค. 2558

 

อาการปวดหัวเป็นอาการของระบบประสาทที่ทุกคนต้องเคยประสบกันมาบ้างแล้ว ระดับความรุนแรงและความถี่ของการปวดนั้นจะแตกต่างกันไป บางคนอาจมีอาการปีละ 2-3 ครั้ง ในขณะที่บางคนอาจจะต้องทนทุกข์กับอาการดังกล่าวมากกว่า 15 ครั้งต่อเดือน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดหัวบ่อยเข้าก็อาจจะส่งผลระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณได้ วันนี้  DDproperty มีวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ที่บ้านเพื่อกำจัดอาการปวดหัวได้

 

รู้จักประเภทของอาการปวดหัว

อาการปวดหัวอาจจะเกิดมาจากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด โรคหวัด โรคภูมิแพ้ ก่อนที่จะหาวิธีแก้ไขหรือไปหาหมอ เราควรรู้ตัวเองก่อนว่าอาการปวดหัวของเรานั้นเป็นแบบไหน รูปแบบของอาการปวดหัวที่พบบ่อย ได้แก่:

Picture via: http://www.atlantatmjfacepain.com/signs-and-symptoms-of-headaches.html

Picture via: http://www.atlantatmjfacepain.com/signs-and-symptoms-of-headaches.html

ปวดจากความตึงเครียด เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากกล้ามเนื้อบีบรัดบริเวณด้านหลังของลำคอ หรือหนังศีรษะ มักเกิดจากความเครียด ความเมื่อยล้า หรือภาวะซึมเศร้า อาการปวดหัวตึงเครียด นอกจากนี้ยังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนอน นอนไม่หลับ วิตกกังวล ลดความอ้วน เวียนหัว เมื่อยล้า เป็นต้น

picture via: http://www.skinsight.com/images/dx/webAtlas/clusterHeadache_59961_lg.jpg

picture via: http://www.skinsight.com/images/dx/webAtlas/clusterHeadache_59961_lg.jpg

ปวดแบบคลัสเตอร์ จะมีลักษณะปวดรุนแรง ปวดแบบจี๊ดๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณด้านหลังของตาข้างใดข้างหนึง อาการปวดแบบนี้เกิดขึ้นจากความผิดปกติของส่วนหนึ่งของสมอง (hypothalamus) คุณจะรู้สึกเหมือนอาการร้อนวูบ อย่างต่อเนื่อง Ptosis หรือเปลือกตาตก เป็นสัญญาณที่สำคัญของการปวดหัวแบบคลัสเตอร์

picture via: http://www.skinsight.com/images/dx/webAtlas/sinusHeadache_59965_lg.jpg

picture via: http://www.skinsight.com/images/dx/webAtlas/sinusHeadache_59965_lg.jpg

ปวดหัวไซนัส เกิดขึ้นเมื่อโพรงจมูกอักเสบ เพราะโรคภูมิแพ้ เป็นหวัด หรือไข้หวัด อาการปวดประเภทนี้ยังอาจจะเกิดจาก ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อนในกระเพาะอาหาร ท้องเสีย หรือท้องผูก การเป็นหวัดเวลานานอาจจะทำให้เกิดไซนัสอักเสบ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ปัญหาในช่องปาก หรือการติดเชื้อจากแบคทีเรียและไวรัส

picture via: http://www.epainassist.com/images/Migraine-Headache.jpg

picture via: http://www.epainassist.com/images/Migraine-Headache.jpg

ปวดไมเกรน จะเกิดอาการปวดอย่างรุนแรงที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ จะมีอาการไวหรือ sensitive ต่อแสงและเสียง มีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการปวดนั้นจะปวดเพิ่มมากขึ้น บางคนที่มีปัญหาไมเกรนบางครั้งจะมีอาการเห็นแสง “วูบวาบ” หรือ ไวต่อกลิ่น โดยอาการนั้นจะเกิดขึ้นประมาณ 30-60 นาทีก่อนมีอาการปวดหัว

picture via: http://www.tkopainlaser.com/wp-content/uploads/2013/12/headache-tmj.jpg

picture via: http://www.tkopainlaser.com/wp-content/uploads/2013/12/headache-tmj.jpg

อาการปวดหัวเพราะบาดแผล เป็นผลมาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ และอาจจะยังระบมอยู่ อาการนี้อาจจะเกิดขึ้นนานเป็นเดือนหรือเป็นปี อาการที่พบบ่อยคือปวดหัว เวียนหัว นอนไม่หลับ และอารมณ์แปรปรวน

 

ทำอย่างไรถึงจะห่างไกลอาการปวด?

picture via: http://www.drugs.com/health-guide/images/205295.jpg

picture via: http://www.drugs.com/health-guide/images/205295.jpg

อาการปวดหัวส่วนมากจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม หรือการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไป

  1. การเปลี่ยนแปลงเพราะอากาศร้อนขึ้น หรือ ความดันของอากาศ เช่น การนั่งเครื่องบิน  เดินป่า ว่ายน้ำ
  2. นอนเยอะเกินไปหรือน้อยเกินไป
  3. การสัมผัสกับควัน ไอระเหย น้ำหอม รวมทั้งสิ่งที่กระตุ้นการเกิดภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น และ ละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น
  4. สำหรับคนที่มีปัญหาด้านสายตา ค่าสายตาที่เปลี่ยนก็อาจทำให้คุณมีอาการปวดหัวได้
  5. ไฟที่สว่างจ้า หรือ ไฟกระพริบ
  6. ความเครียดหรือได้รับการกระทบกระเทือนทางอารมณ์
  7. เหล้าและบุหรี่
  8. ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเยอะเกินไป เช่น กาแฟ ชา หรือ น้ำอัดลม
  9. อาหารและเครื่องดืมที่ใช้สารแทนความหวาน โดยเฉพาะสาร aspartame
  10. อาหารที่ใส่ผงชูรส
  11. อาหารแปรรูป เช่น เนื้อสัตว์ ปลาซาร์ดีน เนย ถั่ว ช็อกโกแลต ครีม และโยเกิร์ต

 

วิธีคลายปวดหัวง่ายๆ ที่บ้าน  

  1. ใช้ผ้าขนหนูอุ่นประคบที่บริเวณหัวหรือลำคอ เพราะความร้อนจะช่วยเปิดหลอดเลือด ซึ่งจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ให้ออกซิเจนและสารอาหารขึ้นไปเพื่อลดอาการปวด และช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น
  2. อาบน้ำอุ่น การอาบน้ำอุ่นจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมคือประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไป
  3. ซาวน่า เพราะอากาศแห้งหรือขาดน้ำจะทำให้เกิดการระคายเคืองของจมูก รวมทั้งนำไปสู่อาการปวดหัวไมเกรนได้ อากาศชื้นๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้

 

สมุนไพรบำบัด

  1. ดื่มชาสมุนไพร ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และคุณสมบัติต้านการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาความเครียด และทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ชาบางชนิด เช่น มินต์ คาโมไมล์ และลาเวนเดอร์ อาจจะใช้เวลาถึง 2-3 ชม. ในการออกฤทธิ์
  2. ขิง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตสูง และปัญหาทางเดินอาหาร ที่อาจจะมาพร้อมกับอาการปวดหัว นักวิจัยยังพบอีกว่าขิงยังช่วยลดโอกาสในการเกิดไมเกรนอีกด้วย
  3. ยาหม่อง ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว เวียนหัว หรือ คลื่นไส้ อาเจียน นอกจากนี้ ยังสามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้อีกด้วย

 

การดูแลตัวเอง ด้วยการนอนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และรัปประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำเยอะๆ และหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ จะช่วยให้คุณห่างไกลจากอาการปวดหัว นอกจากนี้  คนที่ปวดหัวบ่อยๆ อาจจะไปเล่นโยคะ หรือนั่งสมาธิ เพื่อลดความเครียดลงได้

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

9 สิ่งภายในบ้าน ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้  

เมื่อดูสถิติขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization) สาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต

อ่านต่อ18 ธ.ค. 2558