บิ๊กก่อสร้างสยายปีกรุกธุรกิจอสังหาฯ เต็มตัว เดินหน้าเข้าซื้อกิจการ พร้อมปั้นโครงการเองประเดิมปีแรก 8 โครงการ ตั้งเป้ากวาดยอดรายได้รวม 5 ปี ทะลุ 13,000 ล้านบาท
นายชุมพล อิศรางกูร ณ อยุธยา (ในภาพ) ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้คลุกคลีอยู่ในธุรกิจก่อสร้างมานานถึง 36 ปีจนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมแล้วที่จะนำความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์มาต่อยอดธุรกิจ จึงตัดสินใจเดินหน้าขยายธุรกิจสู่สายอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการ ควบคู่กับการพัฒนาโครงการของตัวเอง และเสริมความแข็งแกร่งด้วย การดึงมืออาชีพในธุรกิจอสังหาฯ เข้ามาร่วมทีมเพื่อรองรับการขยายธุรกิจครั้งนี้
“การรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาฯ เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่เป็นความตั้งใจที่มีมานานของบริษัท เราอาศัยจังหวะที่ภาครัฐบาลเดินหน้าขยายโครงการเส้นทางคมนาคมส่วนต่างๆ ทำให้ความเจริญกระจายตัวไปสู่จังหวัดต่างๆ รวมทั้งเขตรอบนอกกรุงเทพฯ ได้ดีขึ้น ในช่วงแรกนี้ เราจะเลือกใช้กลยุทธ์เข้าซื้อกิจการและโครงการต่างๆ ที่บริษัทฯ ได้ศึกษาแล้วว่ามีศักยภาพและความต้องการซื้อรออยู่แล้ว ทั้งยังต้องสามารถสร้างรายได้ทันทีภายในครึ่งปีแรกนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการลงทุนของบริษัทฯ หลังจากนั้นจึงเพิ่มจำนวนโครงการที่บริษัทฯ เป็น ผู้พัฒนาขึ้นเอง” นายชุมพล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้ายอดรายได้รวม 5 ปีของบริษัทไว้ที่ 18,730 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากสายธุรกิจอสังหาฯ 13,230 ล้านบาท และสายธุรกิจก่อสร้าง 5,500 ล้านบาท โดยภายในปี 2558 นี้ บริษัทตั้งเป้ารับรู้ รายได้ที่ 1,950 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,050 ล้านบาทจากสายธุรกิจอสังหาฯ และ 900 ล้านบาทจากสายธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งการเปิดตัวธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2558 นี้จะมีผลทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทระหว่างสายธุรกิจอสังหาฯ และก่อสร้างอยู่ที่ 50:50 และจะปรับเป็น 75:25 ภายในปี 2562
ด้านนายเศรษฐวัจน์ ตั้งวัชรพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแผนการลงทุนในระยะ 5 ปีต่อจากนี้จะมีมูลค่ารวมกว่า 17,400 ล้านบาท โดยในปี 2558 นี้ บริษัทได้ทำการเข้าซื้อและพัฒนาโครงการอสังหาฯ รูปแบบต่างๆ รวม 8 โครงการ คิดเป็น มูลค่ารวม 6,530 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่เข้าซื้อกิจการ 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการนอร์ธ บีช รีสอร์ท บางแสน และโครงการนอร์ธ แลนด์ คอนโดมีเนียม จากบริษัท เดอะ นอร์ธ กรุ๊ป จำกัด มูลค่ารวม 2,114 ล้านบาท, โครงการสเตชั่น วัน ไชน่าทาวน์ จากบริษัท อิมพีเรียล แลนด์ จำกัด มูลค่า 657 ล้าน บาท, โครงการสยามไอยรา รีสอร์ท ชลบุรี จากบริษัท สยามบางกอก ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด มูลค่า 360 ล้านบาท และจากบริษัท สยามแกรนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการอเมริกัน ทาวน์, โครงการ สยามธารามันตรา และโครงการเวนิสตะวันออก รวมมูลค่ากว่า 2,150 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองในปีนี้ ได้แก่ โครงการเดอะแลนด์ มาร์ค คอมมูนิตี้มอลล์ ขนาด 21 ไร่ ที่ ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร มูลค่า 1,250 ล้านบาท โดยเป็นการเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ด้วยสัญญา 30 ปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดขายพื้นที่ได้ในช่วงกลางปี 2558 นี้ โดยโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปี 2560
“ตั้งแต่ปี 2559 – 2562 เรามีแผนจะพัฒนาโครงการทั้งไฮไรส์และโลว์ไรส์อีกไม่น้อยกว่า 8 โครงการ คิดเป็น มูลค่ารวม 10,800 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าว่าภายในปีนี้ จะสามารถรับรู้รายได้ 1,050 ล้านบาท และจะสามารถรับรู้เพิ่มขึ้นถึงกว่า 150% ในปี 2559 หลังจากนั้นบริษัทจะรักษาระดับการเติบโตอยู่ที่ 10% ไปจนถึง ปี 2562 ทำให้มียอดรายได้กว่า 13,230 ล้านบาทภายใน 5 ปี” นายเศรษฐวัจน์ กล่าวสรุป
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
