ธุรกิจก่อสร้าง-อสังหาฯ ติดโผ 1 ใน 10 ธุรกิจดาวเด่นในช่วงครึ่งหลังปี 2558 ในขณะที่ความกังกลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นและปัญหาหนี้ครัวเรือนทำธุรกิจขายรถมือ 1 และเต็นท์รถมือ 2 ติดอันดับธุรกิจดาวร่วง
จากผลการวิจัยในหัวข้อ “10 ธุรกิจดาวเด่น 10 ธุรกิจดาวร่วง” ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยพบว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ สุขภาพและความงามจะเป็นธุรกิจที่น่าจับตามากที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 เนื่องจากกระแสการให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพและการดูแลความงามในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่บริการทางการแพทย์และความงามของไทยก็มีคุณภาพดีและราคาไม่แพงในสายตาของชาวไทยและชาวชาติ
ส่วนธุรกิจที่มีแนวโน้มดีตามมาเป็นอันดับที่ 2 ได้แก่ธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวในและรายได้จากการท่องเที่ยวในแต่ละปีมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ส่งอานิสงส์ให้อีกหนึ่งภาคธุรกิจกลายเป็นธุรกิจดาวเด่น นั่นก็คือ ธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร
สำหรับธุรกิจก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ติดโผอยู่ในอันดับ 6 ของกลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งประเภทที่อยู่อาศัย โรงแรมและพาณิชยกรรมที่มีแนวโน้มการขยายตัวไปยังต่างจังหวัด และการเดินหน้าเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลต่อความต้องการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และที่พักอาศัย
ส่วนธุรกิจที่มีแนวโน้มไม่ดีจนถูกมองว่าจะกลายเป็นธุรกิจดาวร่วงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรกลทางการเกษตร และจำหน่ายปัจจัยการผลิตเนื่องจากวิกฤติภัยแล้งและราคาผลิตผลทางการเกษตรมีแนวโน้มลดลง
ธุรกิจขายปลีก/ให้เช่าสื่อบันเทิงประเภท CD/DVD เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ถูกมองว่ากำลังถึงทางตัน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคหนังในปัจจุบันเปลี่ยนไปพึ่งเทคโนโลยีการดาวน์โหลดผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งง่าย สะดวก และรวดเร็ว ในขณะที่ค่าลิขสิทธิ์ส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินงานสูงขึ้น
อีกหนึ่งธุรกิจที่ถูกมองว่าอยู่ในช่วงขาลง ได้แก่ ธุรกิจขายรถมือ 1 และเต็นท์รถมือ 2 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังกลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง และสถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้การอนุมัติสินเชื่อมีสัดส่วนที่ต่ำลง
ดูรายละเอียดผลการวิจัยฉบับเต็มได้ที่ http://cebf.utcc.ac.th/analysis.php
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
