สำเพ็ง2สร้างเสร็จพร้อมเปิดเฟสแรก12มิ.ย.นี้!

Kanchana Paha10 มิ.ย. 2558

Sampeng 2

สำเพ็ง 2 เฟส 1 และ 2 เตรียมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ 12-14 มิ.ย.58 นี้ JSP เตรียมทุ่มงบ 70 ล้านโปรโมทหนัก หวังดึงผู้ซื้อ-ผู้ขายและนักท่องเที่ยวเข้าสู่อาณาจักรค้าปลีก-ส่งแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในย่าน ฝั่งธน

นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่าหลังจากที่มีแนวคิดในการนำที่ดินขนาดใหญ่บนถนนสาทร-กัลปพฤกษ์มาพัฒนาเป็นศูนย์ค้าส่ง-ปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในย่านฝั่งธนภายใต้ชื่อ “สำเพ็ง 2” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจนสามารถปิดการขายในแต่ละเฟสภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ล่าสุด การก่อสร้างโครงการใน 2 เฟสแรกเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการแล้ว โดยจะมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ วันที่ 12-14 มิถุนายน 2558

สำหรับโครงการสำเพ็ง 2 ตั้งอยู่บนเนื้อที่โครงการทั้งหมดกว่า 200 ไร่ บนถนนกัลปพฤกษ์ มูลค่าโครงการรวมกว่า 7,564 ล้านบาท โดดเด่นด้วยการตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมจีน แบ่งการพัฒนาโครงการออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่ 1 โครงการสำเพ็ง 2 อยู่ฝั่งซ้ายของถนนกัลปพฤกษ์ มุ่งสู่ถนนสาทร บนพื้นที่ 62 ไร่ แบ่งการพัฒนาเป็น 3 เฟส จำนวน 512 ยูนิต 2 โซน ประกอบด้วย โซนสำเพ็ง 2 เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น สำหรับขายจำนวน 475 ยูนิต และโซนสำเพ็ง 2 พลาซ่า อาคารพาณิชย์จำนวน 37 ยูนิต และอาคารพลาซ่าสูง 3 ชั้น สำหรับจัดสรรพื้นที่ให้เช่าอีก 1 อาคาร พร้อมอาคารจอดรถสูง 8 ชั้น สามารถรองรับที่จอดรถได้ถึง 4,000 คัน

ส่วนที่ 2 โครงการสำเพ็ง 2 เซ็นเตอร์ อยู่ฝั่งขวาของถนนกัลปพฤกษ์ มุ่งสู่ถนนกาญจนาภิเษก บนเนื้อที่กว่า 70 ไร่ แบ่งเป็น 4 โซนหลัก ประกอบด้วย โซนอเวนิว เป็นโซนอาคารพาณิชย์, โซนตลาดน้ำ อาคารชั้นเดียวแบ่งให้เช่าภายใต้คอนเซ็ปต์ตลาดน้ำ จำลองพื้นที่ของโครงการที่อยู่ริมคลองบางโทลัดเป็นตลาดน้ำ 5 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ตัวอาคารถูกออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรมจีน รองรับผู้ประกอบการได้ถึง 300 ราย, โซนสำเพ็งพาร์ค เพื่อตอบโจทย์คนซื้อสินค้าที่มีความสะดวกสบาย และโซนร้านค้าขายส่ง (สำเพ็ง-ประตูน้ำ) จำลองแนวคิดแบบ Walking Street จากแหล่งช้อปปิ้งของโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทางเดินในร่มกว้าง 8 เมตร

ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมงบประมาณกว่า 70 ล้านบาทในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดทั้งปี 2558 นี้

นายทนงศักดิ์ ได้กล่าวถึงภาพรวมในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ JSP ว่ายังคงยึดโมเดลการพัฒนาภายใต้กลยุทธ์ Blue Ocean Strategies ซึ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีทั้งเชิงพาณิชย์และที่พักอาศัยอยู่ในโครงการเดียวกัน มีสัดส่วนของของการขาย และพื้นที่ให้เช่า ซึ่งปัจจุบันสร้างรายได้อยู่ที่ 5% ของรายได้ทั้งหมด โดยแต่ละโครงการจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เน้นทำเลศักยภาพทั่วทุกมุมเมืองพร้อมทั้งเน้นระบบสาธารณูปโภคที่ครบครันในโครงการทั้งถนนขนาดใหญ่ และที่จอดรถจำนวนมาก มีรูปแบบการพัฒนาอสังหาฯในเชิงพาณิชย์และที่พักอาศัยเกื้อกูลกันทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่าย

สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนาของบริษัท นอกจากโครงการสำเพ็ง 2 แล้ว ยังมีโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม สาทร-กัลปพฤกษ์ เนื้อที่โครงการรวม 20 ไร่ ประกอบด้วยอาคารสูง 25 ชั้น 1 อาคาร และอาคารสูง 16 ชั้นจำนวน 6 อาคาร มีจำนวนยูนิตรวม 2,787 ยูนิต มีเนื้อที่ต่อยูนิตตั้งแต่ 25 – 43 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.1 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 4,113 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดจองไปแล้วกว่า 20% ผ่านการรับรองผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560

โครงการทิวลิป สแควร์ ตั้งอยู่ที่อำเภออ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่โครงการรวม 31 ไร่ ประกอบด้วยอาคารสูง 8 ชั้นจำนวน 7 อาคาร จำนวนรวม 1,130 ยูนิต อาคารพาณิชย์จำนวน 95 ยูนิต และศูนย์การค้าสไตล์ยูโรเปี้ยน มูลค่าโครงการรวม 1,710 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดจองไปแล้วกว่า 42%

และโครงการเดอะ ไมอามี่ บางปู คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ความสูง 5 ชั้น ติดรถไฟฟ้า บรรยากาศทะเล ที่ตำบลบางปูใหม่ จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่โครงการรวม 120 ไร่ จำนวน 90 อาคาร รวม 5,010 ยูนิต พร้อมด้วยไลฟ์สไตล์ มอลล์ มูลค่าโครงการรวม 5,800 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดจองไปแล้วกว่า 40%

โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการรับรู้รายได้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 150 % จากปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิกว่า 247 ล้านบาท เติบโตขึ้น 252% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 50% ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านทั้งปีซึ่งอยู่ที่ 34.30%

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 คาดว่ารายได้จะเติบโตจากไตรมาสแรกจากการโอนกรรมสิทธิ์สำเพ็ง 2 เฟสที่ 3 และ 4 รวมทั้งจากโครงการทิวลิป สแควร์ ในส่วนของอาคารพาณิชย์ โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 6,434 ล้านบาท ที่สามารถโอนได้ในปีนี้จำนวน 3,533 ล้านบาท และโอนได้ในปี 2559 อีก 2,901 ล้านบาท

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

PropertyGuruคว้าเม็ดเงินลงทุนกว่า4.3พันล้านจาก3พันธมิตรยักษ์ใหญ่

PropertyGuru บริษัทแม่ DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาฯอันดับ 1 ของไทยได้เม็ดเงินล

อ่านต่อ9 มิ.ย. 2558