ออริจิ้นฯ เผยคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าย่านสะพานใหม่กระแสตอบรับดี หลังกวาดยอดพรีเซลกว่า 60% ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว ในขณะที่ความคืบหน้าหุ้น IPO คาดเปิดขายได้ช่วงไตรมาส 3
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายโดยรวมของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 คาดว่าบริษัทจะมียอดขายประมาณ 2,500 ล้านบาท จากเป้าของทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 5,500 ล้านบาท โดยในช่วงส่งท้ายไตรมาส 2 นี้ บริษัทได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าแห่งแรกในย่านสะพานใหม่ ในชื่อ “ไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่” มูลค่าโครงการรวม 1,340 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว โดยมียอดจองกว่า 60% จากลูกค้าเก่าและลูกค้า VIP ที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์
สำหรับรายละเอียดของโครงการไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ นั้นเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ ความสูง 15 ชั้น จำนวน 490 ยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่โครงการขนาด 2 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา ริมถนนพหลโยธิน ระหว่างซอย 48 และ 50 ติดกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสถานีสายหยุด ประกอบด้วยห้องชุดแบบ Superior ขนาด 22.52 -23.16 ตารางเมตร, แบบ Deluxe ขนาด 24 – 34.81 ตารางเมตร, แบบ Suite ขนาด 34.15-34.75 ตารางเมตร และ Penthouse 2 ห้องนอน ขนาด 40.1- 48.32 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการแบบโรงแรม มีแกรนด์ล็อบบี้ 2 ชั้น, ห้องประชุม, สวนพักผ่อนสไตล์อังกฤษ, พื้นที่ส่วนตัวลอยฟ้า, สระว่ายน้ำระบบเกลือ , ฟิตเนสลอยฟ้า, มุมบาร์บิคิว, พัตติ้งกรีน, พื้นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 – 4 รวม 245 คัน และระบบรักษาความปลอดภัย ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มเป้าหมายของโครงการดังกล่าว จะเป็นกลุ่มวัยทำงาน เจ้าของกิจการ อายุประมาณ 30 – 45 ปี และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มแยกครอบครัวไปจนถึงกลุ่มคนวัยกลางคนในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560
นอกจากนี้ นายพีระพงศ์ยังได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเตรียมตัวเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งในเบื้องต้น บริษัทคาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2558 นี้
โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ในการขยายโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจํานวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,725 ล้านบาท และโครงการในอนาคตอีกจํานวน 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 7,170 ล้านบาท
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
