วสท.เร่งเดินหน้าศึกษาการทรุดตัวบ้านกลางกรุง รัชวิภา

Kanchana Paha15 ก.ค. 2558

Baan Klang Krung Ratchavipha

วสท.เผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านทรุดในโครงการบ้านกลางกรุง เดอะ รอยัลเวียนนา รัชวิภา เบื้องต้นพบตัวบ้านยังแข็งแรง แต่มีปัญหาพื้นลานรอบบ้านและถนน แนะให้ทำคอนทัวร์ เจาะชั้นดินไปตรวจสอบเพื่อการซ่อมและแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมต่อไป

ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายก วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้นำทีมผู้เชี่ยวชาญเดินทางเข้าตรวจสอบโครงการบ้านกลางกรุง เดอะ รอยัลเวียนนา รัชวิภา ซึ่งมีการร้องเรียนจากผู้อยู่อาศัยในโครงการกว่า 200 หลังคาเรือนว่าประสบกับปัญหาพื้นดินในหมู่บ้านทรุดตัวนั้น วสท.ได้เข้าสำรวจทางกายภาพในเบื้องต้นซึ่งบ้านในโครงการเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นเป็นส่วนใหญ่พบว่าโครงสร้างของตัวบ้านยังไม่มีรอยร้าวแต่พื้นลานจอดรถด้านหน้าบ้านและหลังบ้าน รวมทั้งถนนหมู่บ้านมีการทรุดตัวมากในบริเวณเฟส 2 ของโครงการ

ถนนที่ทรุดตัวตามการทรุดของพื้นดินได้ดึงพื้นหน้าบ้านของผู้อาศัยเอียงตามลงไป 50 -100 ซม. ในขณะที่ลานจอดรถหน้าบ้าน และพื้นหลังบ้านหลายหลังกลายเป็นแอ่งกระทะ ปูดบวม ประตูรั้วบ้านปิดไม่ได้ และบ้านบางส่วนมองเห็นพื้นดินใต้ตัวบ้านเป็นโพรงลึก

โดยบ้านที่ได้รับผลกระทบมีกว่า 130 หลังคาเรือน จากทั้งหมด 330 หลังคาเรือน ในจำนนวนนี้ มีบ้านที่ได้รับผลกระทบทรุดหนักจำนวน 69 หลังในพื้นที่เฟส2 ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยเอกชน และบ่อบัว ส่วนบ้านที่มีรอยร้าวเล็กน้อยทรุดไม่มากจำนวน 213 หลังนั้นเริ่มมีปัญหาในช่วง 5 – 6 ปีหลัง

“พื้นถนนซึ่งมีการซ่อมแซมแล้ว แต่ยังมีรอยแตกร้าวและทรุดตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะที่จอดรถในบ้านซึ่งทรุดตัวลง 50-100 ซม. น่าจะมาจากการทรุดตัวของดินที่ผิดปกติ เพราะว่าปกติพื้นที่กรุงเทพฯ มีการทรุดตัวของดินไม่เกิน 10 ซม. ต่อปี จะต้องศึกษาที่ดินว่ามีความเป็นมาอย่างไร ตอนสร้างได้มีการอัดดินให้แน่นหรือไม่” ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ กล่าว

สำหรับข้อสรุปจากการสำรวจในครั้งนี้ วสท. ระบุว่าตัวบ้านทาวน์โฮมยังมั่นคงแข็งแรง แต่ส่วนที่เป็นปัญหาคือพื้นรอบตัวบ้านและถนนที่มีการทรุดตัวมากกว่าปกตินั้นเป็นส่วนที่ไม่มีเสาเข็มรองรับ เมื่อพื้นดินมีการทรุด พื้นหน้าบ้านจึงทรุดตาม โดยปกติบ้านที่สร้างเกิน 5 ปี การทรุดน่าจะอยู่ในช่วงอยู่ตัวหรือเปลี่ยนแปลงน้อยลงแต่ที่พบในพื้นที่เฟส 2 มีการทรุดลง 50-100 ซม. ในระยะ 3 ปี ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ และการทรุดตัวเช่นนี้อาจนำไปสู่ปัญหาการทรุดตัวของดินใต้บ้านที่อาจมีแรงดึงเสาเข็มให้หลุดจากตอม่อโดยมักจะเกิดรอยร้าวขึ้นก่อน

ในส่วนของการแก้ไขทางวิศวกรรมธรณีเทคนิคนั้น ควรมีการวิเคราะห์ตรวจชั้นดิน และทำการศึกษาการทรุดตัวของพื้นที่นั้นว่า มีสถานะของการทรุดตัวอยู่ในช่วงใด หากเป็นการทรุดตัวในช่วงกราฟสูงชันจะมีการทรุดเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่หากการทรุดตัวในระยะลาดต่ำจะเปลี่ยนแปลงน้อยหรือเริ่มอยู่ตัวแล้ว ทั้งนี้เพื่อนำผลวิเคราะห์มาออกแบบเสาเข็ม หรือกำหนดขนาดเสาเข็มและเทคนิคการถมดินให้ถูกต้อง ดังนั้นการถมดินเพื่อซ่อมแซม ขอให้รอข้อมูลวิเคราะห์และคำแนะนำจาก วสท. ก่อน

โดยหลังจากนี้ วสท. จะเก็บข้อมูลและนำตัวอย่างดินตามจุดต่างๆ ในโครงการไปวิเคราะห์ ทำคอนทัวร์ (Contour) แสดงลักษณะการทรุดตัวของพื้นดินในบริเวณต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์กับดำเนินการแก้ไขในจุดพื้นที่ที่เป็นปัญหาต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ

“สำหรับการซ่อมที่บ้านกลางกรุง มีเจ้าของบ้านบางหลังได้ลงเสาเข็มบริเวณลานที่จอดรถหน้าบ้านด้วยเสาเข็มขนาด 33 เมตร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เราขอแนะนำให้ตัดแยกส่วนพื้นที่ซ่อมใหม่นี้ออกจากตัวบ้านเพื่อไม่ให้มีแรงดึงจากการทรุดตัวที่ไม่เท่ากัน โดยทั่วไปสำหรับบ้านที่สร้างใหม่นั้น ตัวบ้านและลานบ้านควรมีเสาเข็มขนาดเท่ากันเพื่อเวลาดินทรุดจะได้ทรุดลงเท่ากัน ในการวัดอัตราการทรุดตัวว่าอยู่ในสถานะใด เราจะหาพื้นที่บริเวณที่มั่นคงที่สุด เพื่อใช้เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ (Benchmark ) แล้วนำมาศึกษาเปรียบเทียบกับอัตราการทรุดของพื้นที่โครงการ ทั้งนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เป็นอย่างน้อยในการศึกษาวิเคราะห์” นายก วสท. กล่าวทิ้งท้าย

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

วิธีตรวจสอบโครงสร้างง่ายๆก่อนบ้านทรุด

การซื้อหรือสร้างบ้านสักหลัง นอกจากความสวยงามที่ปรากฏต่อสายตาแล้ว สิ่

อ่านต่อ6 ก.ค. 2558