จับตาซัพพลายพื้นที่ค้าปลีกใหม่ในกรุงเทพฯ

Kanchana Paha21 ก.ค. 2558

Bangkok Retail

ตลาดค้าปลีกในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มการแข่งขันสูงขึ้น หลังมีพื้นที่ค้าปลีกเกิดใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดีมานด์ในพื้นที่ค้าปลีกเก่าๆ ลดลง

จากรายงานสถานการณ์พื้นที่ค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำช่วงไตรมาส 2 โดยบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ซีบีอาร์อี ได้ระบุถึงสถานการณ์ตลาดพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพฯ ว่าในช่วงไตรมาสที่ผ่านมามีพื้นที่ค้าปลีกใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันจะเพิ่มสูงขึ้น และพื้นที่ค้าปลีกใหม่ๆ นี้เองจะจะทำให้ความต้องการในพื้นที่ค้าปลีกเก่าๆ ลดลง

นายเจมส์ พิทชอน หัวหน้าแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นว่าดัชนีค้าปลีกในประเทศไทยยังอยู่ในระดับคงที่ โดยมีข้อดีอยู่ที่จำนวนนักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่ค้าปลีกใหม่ 1.5 ล้านตารางเมตร ภายในปี 2560 นั่นหมายถึงการแข่งขันที่จะเพิ่มสูงขึ้น และพื้นที่ค้าปลีกใหม่ดังกล่าวจะแข่งขันกับพื้นที่ค้าปลีกที่มีอยู่เดิม

“ยอดขายค้าปลีกที่ชะลอตัวพบได้ในต่างจังหวัด และกำลังซื้อที่ลดลงเนื่องจากราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ตกต่ำเป็นผลมาจากปัญหาภัยแล้ง ปัจจุบันมีการเปิดตัวคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ลดน้อยลง อาจเป็นเพราะผู้พัฒนารายย่อยตระหนักดีแล้วว่าการบริหารพื้นที่ขนาดเล็กให้ประสบความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องยาก ในขณะที่ราคาค่าเช่ามีโอกาสปรับราคาขึ้นน้อยมากเนื่องจากความต้องการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว เว้นแต่โครงการค้าปลีกที่มีผลการดำเนินงานที่ดีเท่านั้นจึงสามารถปรับค่าเช่าได้ ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 2 ค่าเช่าโดยรวมในตลาดยังคงอยู่ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” นายพิทชอนกล่าว

สำหรับภาพรวมของตลาดพื้นที่ค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงไตรมาสที่ผ่านมานั้นไม่มีความหวือหวามากนัก ยกเว้นในกรุงโตเกียวที่ตลาดมีความคึกคักและแนวโน้มค่าเช่าพื้นที่ปรับตัวสูงขึ้น ที่เห็นถึงแนวโน้มที่ดีของธุรกรรมการเช่าพื้นที่ค้าปลีก ได้แก่ กรุงมะนิลา โอ๊คแลนด์ และซิดนีย์ ซึ่งแบรนด์ต่างชาติยังคงหลั่งไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง แต่ความต้องการในการเช่าพื้นที่ค้าปลีกจะจำกัดอยู่เพียงในทำเลสำคัญของย่านใจกลางธุรกิจหรือซีบีดี

โดยกลุ่มธุรกิจที่มีดีมานด์เช่าพื้นที่ค้าปลีกมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ในขณะที่สินค้ากีฬาและลำลอง รวมถึงแบรนด์กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว/ เครื่องสำอางยังคงมีธุรกรรมการเช่าอย่างสม่ำเสมอ ส่วนแบรนด์สินค้าหรูที่ไม่ค่อยมีธุรกรรมการเช่า ส่งผลให้แบรนด์สินค้าหรูในระดับที่เป็นเจ้าของได้ง่ายมีพื้นที่ในการขยายตัวมากขึ้น

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

เนอวานายุคร่วมทุนสิงห์ยังโฟกัสตลาดไฮเอนด์

เนอวานาฯ ยุคร่วมทุนสิงห์ เอสเตท เตรียมบุกตลาดไฮเอนด์ทั้งแนวสูง-แนวราบ

อ่านต่อ21 ก.ค. 2558