พลัสฯ เผยตลาดอสังหาฯ นิวยอร์กยังคึกคักต่อเนื่อง แม้ขาดสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด ราคาที่อยู่อาศัยปรับขึ้นกว่า 18% ในรอบ 1 ปี
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของนิวยอร์กยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตาในกลุ่มผู้ซื้อและนักลงทุนต่อเนื่อง หลังจากที่ปี 2557 ราคาปรับเพิ่มมาจากปี 2556 ถึง 18.8% นับเป็นการปรับตัวที่สูงที่สุดเมืองหนึ่งของโลกและยังสะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนิวยอร์กถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและศูนย์กลางทางการเงินของโลก และการที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กับการตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน ซึ่งมีพื้นที่จำกัด ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากรายงานล่าสุดของ Corcoran โบรกเกอร์อันดับ 1 ของนิวยอร์กระบุว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม บนเกาะแมนฮัตตัน ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2558 ราคาเฉลี่ยต่อตารางฟุตปรับเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้จะมีโครงการใหม่พัฒนามากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาแต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด
รายงานดังกล่าวยังสอดคล้องกับข่าวการปิดตัวของร้าน FAO SCHWARZ ซึ่งเป็นร้านขายของเล่นเก่าแก่ของนิวยอร์กย่าน Fifth Avenue เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมาเนื่องจากสู้ราคาค่าเช่าพื้นที่ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ไหว
ทั้งนี้ จากการสำรวจล่าสุด ยังพบอีกว่าคอนโดมิเนียมในแมนฮัตตันใช้เวลาเพียงประมาณ 3 เดือนเท่านั้นในการขาย ในขณะที่อัตราปกติของตลาดจะใช้เวลาขายราว 7 เดือน แสดงให้เห็นว่าจำนวนคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ในตลาดยังอยู่ในระดับที่ต่ำและยังมีน้อยกว่าความต้องการ
จำนวนห้องชุดที่เสนอขาอยู่ในตลาดมีเพียง 5,800 ยูนิตเท่านั้น ถ้าเทียบกับจุดสูงสุดที่เกือบ 12,000 ยูนิตในปี 2552 แล้วยังถือว่าต่ำมาก
คอนโดมิเนียมในนิวยอร์กที่มีการเสนอขายอยู่ในตลาดมีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ คอนโดมิเนียมที่กำลังก่อสร้างหรือโครงการใหม่, คอนโดมิเนียมในโครงการเก่าหรือรีเซล และคอนโดมิเนียมในรูปแบบการซื้อหุ้นของบริษัทหรือ Co-Op โดยราคาห้องชุดในโครงการใหม่จะสูงสุด รองลงมาเป็นยูนิตรีเซล และห้องชุดแบบ Co-Op จะมีราคาต่ำที่สุด
สำหรับราคาเฉลี่ยต่อตารางฟุตของคอนโดมิเนียมทุกประเภทในนิวยอร์กอยู่ที่ 1,673 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 600,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกันในกรุงเทพฯ แล้วจะมีราคาแพงกว่าประมาณ 1.5-2 เท่า
ทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนเกาะแมนฮัตตันได้แก่ ย่าน Mid-Town (ด้านล่างของ Central Park) ซึ่งเป็นบริเวณที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 37% ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางฟุตของโครงการคอนโดมิเนียมในย่านนี้ขยับขึ้น 30% ในรอบ 1 ปี และระยะเวลาที่สินค้าเสนอขายอยู่ในตลาดลดลง 5%
ในส่วนของตลาดเช่า มีข้อมูลจาก Douglas Elliman โบรกเกอร์อีกรายในนิวยอร์ก ระบุว่า ในเดือนมิถุนายน 2558 ที่ผ่านมามีอัตราการเข้าอยู่อาศัยลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย อยู่ที่ 98% เนื่องจากมีจำนวนคอนโดมิเนียมใหม่ที่แล้วเสร็จเข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น โดยระยะเวลาเฉลี่ยที่คอนโดมิเนียมจะสามารถปล่อยเช่าได้เมื่อเข้าสู่ตลาดคือ 38 วัน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ในตลาดนาน 41 วัน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยในมหานครนี้เป็นอย่างดี
“สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์กตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลสนับสนุนให้มีการสร้างตึกใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดโดยจะเห็นว่ามีการนำพื้นที่จอดรถเดิมหรือปั้มน้ำมันมาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งโครงการใหม่เหล่านี้ยังคงอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 ปีในการสร้างเสร็จ อีกไม่นานเราก็คงได้เห็นตึกระฟ้าที่ออกแบบให้มีความสวยงามแปลกใหม่ และก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีใหม่มากขึ้นในนิวยอร์ก ซึ่งปัจจุบันตึกที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลกของนิวยอร์ก ก็จะเป็น ตึก Empire State, ตึก Rockefeller และตึก One World Trade เชื่อได้ว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้คงมีตึกใหม่ๆ ที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นอีกหลายแห่งด้วยกัน” นายภูมิภักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
56 Leonard Street โครงการที่พักอาศัยในนิวยอร์กที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปีนี้
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่