พลัสฯ เผยตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ช่วง 6 เดือนแรกแม้จะเปิดตัวใหม่ลดลงแต่ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 35% หลัง ผู้ประกอบการหันมาเปิดโครงการระดับราคาปานกลางถึงสูงมากขึ้น พระโขนง-อ่อนนุช (ตอนต้น), รัชดา-ลาดพร้าว และจตุจักร-บางซื่อขึ้นแท่นทำเลขายดี ด้วยยอดขายสูงถึง 87%
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 นี้ ตลาดคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ มีโครงการเปิดใหม่ทั้งสิ้น 44 โครงการ จำนวน 20,052 ยูนิต ลดลง 21% จากครึ่งปีหลังของปี 2557 ที่มีการเปิดตัว 56 โครงการ จำนวน 22,491 ยูนิต โดยอัตราการขายในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาอยู่ที่ 12,165 ยูนิต หรือคิดเป็น 61% ด้านราคาเฉลี่ยของโครงการเปิดใหม่ปรับเพิ่มขึ้น 35% จาก 97,000 บาท/ตารางเมตร มาเป็น 131,000 บาท/ตารางเมตร
โดยช่วงราคาขายที่ 100,000-200,000 บาท/ ตารางเมตร มีอัตราการขายดีที่สุดถึง 84% รองลงมาคือระดับราคาสูงกว่า 200,000 บาท/ ตารางเมตร มีอัตราการขายที่ 60% ส่วนระดับราคาต่ำกว่า 100,000 บาท/ ตารางเมตร มีอัตราการขายน้อยที่สุดที่ 49%
เมื่อแบ่งตามพื้นที่ในแต่ละโซน พบว่าโซนกรุงเทพฯ ชั้นกลาง เช่น พระโขนง-อ่อนนุช (ตอนต้น), รัชดา-ลาดพร้าว และจตุจักร-บางซื่อ ขายดีที่สุดด้วยอัตราการขายสูงถึง 87% เนื่องจากเดินทางสะดวกมีรถไฟฟ้า/ รถไฟใต้ดินพาดผ่าน ที่สำคัญราคาไม่สูงมากเหมือนโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน มีตลาดเช่ารองรับอัตราผลตอบแทนจากการเช่าสูงกว่าโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน ฐานลูกค้าไม่จำกัดเพราะมีทั้งลูกค้าที่ใช้เงินสดและเงินกู้ซื้อ เป็นผู้มีรายได้และมีศักยภาพในการชำระหนี้ทำให้สถาบันทางการเงินยังคงสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้อย่างต่อเนื่อง
รองลงมาคือโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน ได้แก่ พระราม 4-สีลม-สาทร, ราชเทวี-พญาไท, อโศก-เพชรบุรี และสุขุมวิทตอนต้น มีอัตราการขายที่ 60% ส่วนโซนกรุงเทพฯ ชั้นนอก เช่น บางนา ธนบุรี และ ดอนเมือง-มีนบุรี มีอัตราการขายที่ 46%
อย่างไรก็ตามในส่วนของโครงการที่อยู่พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในแม้ไม่ได้มีอัตราการขายที่ดีที่สุด แต่มีหลายโครงการที่ประสบความสำเร็จขายหมดได้ภายในไม่กี่วันหลังเปิดขายเช่น เดอะโมนูเมนต์ สนามเป้า ของแสนสิริ, นิมิต หลังสวน ของเพซ ดีเวลลอปเมนท์, คลาส สยาม และ แอชตัน เรสซิเดนซ์ 41 ของอนันดา ดีเวลลอปเมนท์ เป็นต้น
จากสถานการณ์ข้างต้น ทำให้พลัสฯ ประเมินว่าตลาดคอนโดมิเนียมหรูยังเติบโตได้ดีและเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ ส่วนสาเหตุที่ทำให้อัตราการขายโดยรวมไม่สูงมาก น่าจะมีสาเหตุมาจากบางโครงการที่เปิดขายมาแล้ว สินค้าไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นขนาดของห้องชุด การเลือกใช้วัสดุ หรือการออกแบบ หรือชื่อเสียงของผู้ประกอบการ เป็นต้น
“แนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายังคงไปได้แต่จะไม่หวือหวา เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม โครงการระดับราคาสูงน่าจะขายดีที่สุด เนื่องจากลูกค้ายังมีกำลังซื้อและความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการลงทุนระยะยาวและซื้อไว้เพื่อเป็นมรดก รวมถึงโครงการที่อยู่ในโซนนี้เริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีความต้องการของการอยู่อาศัยจริงและการซื้อเก็บไว้ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการออกแบบโครงการต้องสอดคล้องกับความต้องการในแต่ละโซน เพราะโซนที่เป็นที่นิยมของการเช่าและโครงการที่เป็นที่นิยมของเจ้าของอยู่อาศัยเองจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ถ้าผู้ประกอบการทำโครงการออกมาตอบโจทย์ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะประสบความสำเร็จ” นายภูมิภักดิ์กล่าว
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่