ไนท์แฟรงค์ฯ ออกโรงหนุนแก้กฎหมายยืดระยะเวลาเช่าที่ดินเป็น 99 ปี เชื่อจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น ชี้ตลาดวิลล่า-รีสอร์ทในเมืองท่องเที่ยวจะรับอานิสงส์ไปเต็มๆ
นายมาร์คัส เบอร์เทนชอว์ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายตัวแทนนายหน้า บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยมุมมองต่อการเสนอปรับแก้ไขพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 โดยกระทรวงการคลังว่า หากรัฐบาลอนุมัติการแก้ไขพรบ.ฉบับนี้ ซึ่งเสนอให้มีการยืดระยะเวลาการเช่าที่ดินเป็นระยะเวลา 99 ปี จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ เนื่องจากจะมีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น
“การขยายระยะเวลาการเช่าที่ดิน (เฉพาะบางประเภทของอสังหาริมทรัพย์) ให้เป็นระยะเวลา 99 ปี จะเพิ่มประโยชน์ให้กับเจ้าของที่ดิน ผู้เช่า และเจ้าหนี้ สัญญาการเช่าเป็นสิทธิการครอบครองที่ดินภายในระยะเวลาที่กำหนด หากขยายระยะเวลาการเช่าพื้นที่ จะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับที่ดินมากขึ้นไปอีก”
นายเบอร์เทนชอว์ อธิบายว่าในช่วงเริ่มต้นของสัญญานั้นมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่ให้เช่า (Leasehold) เป็นเวลา 99 ปี จะต่ำกว่ามูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ประเภทเดียวกันที่ซื้อขายแบบสิทธิ์ขาด (Freehold) เพียงเล็กน้อย แต่มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์แบบ Leasehold จะค่อยๆ ลดลงเมื่อสัญญาเริ่มต้นขึ้น และจะลดมูลค่าลงอย่างมากเมื่อใกล้วันหมดอายุสัญญา
“นอกจากความแตกต่างของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายระยะเวลาการเช่าแล้ว การยืดระยะเวลาการเช่าให้นานขึ้น จะเพิ่มสภาพความคล่องตัว เพิ่มตัวเลือกทางการเงินมากขึ้น และช่วยเอื้อให้อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวหาผู้เช่าได้ง่ายยิ่งขึ้น”
ด้านนายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การขยายระยะเวลาของการเช่าที่ดินเป็น 99 ปี หากได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จะส่งผลดีเป็นอย่างมากต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะจะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสแข่งขันในตลาดมากขึ้น หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่มีระยะเวลาการเช่าที่ดินเป็นเวลา 90 ปี และลาวซึ่งมีระยะการเช่าเป็นเวลา 70 ปี
“ระยะเวลาการเช่า 30 ปี ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติที่จะต่ออายุสัญญาเนื่องจากความกังวลด้านการเปลี่ยนแปลงของเงื่อนไขและราคาค่าเช่า หากขยายสิทธิดังกล่าวไปยังตลาดด้านที่อยู่อาศัยก็จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ประเภทวิลล่าและบ้านพักประเภทรีสอร์ทในภูเก็ต พัทยาและหัวหิน ซึ่งลงนักทุนต้องการมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทดังกล่าว”
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
