เปิดศักยภาพทำเลแหลมฉบัง-ศรีราชา – ลิตเติ้ล โตเกียวในไทย

บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ: แม้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจะชะลอตัว แต่ทำเลแหลมฉบัง- ศรีราชากลับมีทิศทางที่สวนทาง ด้วยการเติบโตที่โดดเด่นมากทั้งโครงการเชิงพาณิชย์และโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม มีผู้ประกอบการจากส่วนกลางให้ความสนใจปักธงเปิดตัวต่อเนื่อง เพราะมองเห็นความต้องการที่อยู่อาศัยย่านนี้สูงมาก

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทำเลแหลมฉบัง- ศรีราชามีศักยภาพดึงดูดนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นั่นคือ ใกล้นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น นิคมอุตสาหกรรมเหมราช ชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมบ้านบึง นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด นิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ และมีชาวญี่ปุ่นอยู่อาศัยจำนวนมาก ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยชั้นดีค่อนข้างสูง

นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง

จากการสำรวจทำเลแหลมฉบัง- ศรีราชา พบว่า ย่านนี้มีชาวญี่ปุ่นทำงานอยู่มากกว่า 10,000 คน แต่จำนวนที่พักอาศัยสำหรับเจาะชาวญี่ปุ่นยังมีน้อยมาก ซึ่งในอดีต ชาวญี่ปุ่นที่เป็นระดับผู้บริหารกับระดับหัวหน้างานจะพักโรงแรมหรือเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ในช่วงวันทำงาน (จันทร์-ศุกร์) ส่วนวันหยุดก็จะเข้าไปพักที่ย่านเอกมัย ทองหล่อ ในกรุงเทพฯ

แต่หลังจากที่เริ่มมีการสร้างชุมชนชาวญี่ปุ่นในย่านศรีราชา ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ่น เจ-พาร์ค ที่นอกจากจะตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นแล้ว ยังมีร้านอาหาร ร้านกินดื่ม และสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น เช่นเดียวกับหลายพื้นที่ในศรีราชาที่มีร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่น ร้านให้บริการด้านต่างๆ กับชาวญี่ปุ่น สถาบันการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับของชาวญี่ปุ่น ทำให้กลุ่มผู้บริหารที่มีครอบครัว พร้อมที่จะอยู่อาศัยในศรีราชา เพราะสามารถให้ลูกเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาเหล่านี้ได้

เจ พาร์ค ศรีราชา

ด้วยการมีชุมชนและสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับการอยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นในศรีราชามากขึ้น มีผลให้ชาวญี่ปุ่นตัดสินใจพักอาศัยในศรีราชาแบบถาวรเพิ่มขึ้น จึงไม่แปลกที่บรรดานักลงทุนและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างให้นิยามศรีราชาว่าเป็น “ลิตเติ้ลโตเกียว” ของเมืองไทย

สำหรับความต้องการที่อยู่อาศัยทำเลแหลมฉบัง- ศรีราชา จะแบ่งเป็น 2 ตลาดใหญ่ๆ คือ ตลาดบ้านแนวราบ และตลาดคอนโดมิเนียม โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานว่า ในอำเภอศรีราชามีโครงการจัดสรร 105 โครงการ จำนวน 18,300 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4,400 ยูนิต บ้านแฝด 5,000 ยูนิต ทาวน์เฮาส์ 7,200 ยูนิต และอาคารพาณิชย์ 1,700 ยูนิต สินค้าส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนหน่วยเหลือขาย 8,100 ยูนิต

ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมในอำเภอศรีราชา มีประมาณ 17 โครงการ จำนวน 5,400 ยูนิต แบ่งเป็นห้องสตูดิโอ 700 ยูนิต, ขนาด 1 ห้องนอน 4,100 ยูนิต, ขนาด 2 ห้องนอน 600 ยูนิต และขนาด 3 ห้องนอน ไม่ถึง 100 ยูนิต โดยปัจจุบันในศรีราชามีคอนโดมิเนียมเหลือขายประมาณ 1,400 ยูนิต และหากรวม 2 โครงการใหม่ที่เปิดในไตรมาส 4 นี้ อีกจำนวน 965 ยูนิต ก็จะมีจำนวนหน่วยเหลือขายทั้งสิ้นกว่า 2,000 ยูนิต

กลุ่มเป้าหมายของบ้านจัดสรร จะเป็นกลุ่มครอบครัวคนไทยซื้ออยู่อาศัยเป็นหลัก อาจจะมีปล่อยเช่าครอบครัวชาวต่างชาติที่ทำงานในบริเวณใกล้เคียงบ้าง แต่ไม่มากนัก ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมจะมีความต้องการจากผู้ซื้อ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนซื้ออยู่เองทั้งคนไทยและต่างชาติ กับกลุ่มซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าชาวญี่ปุ่น

แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่าตลาดคอนโดมิเนียมในศรีราชาส่วนใหญ่เป็นตลาดซื้อเพื่อลงทุน เพราะได้อัตราค่าเช่าค่อนข้างสูง โดยถ้าเป็นห้องชุดแบบสตูดิโอ และแบบ 1 ห้องนอนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในแบบที่ชาวญี่ปุ่นต้องการ อัตราค่าเช่าเริ่มต้น 15,000-25,000 บาท/เดือน ทำให้มีหลายโครงการเสนอขายเจาะนักลงทุนโดยเฉพาะ พร้อมกับมีบริการหาผู้เช่าให้ ซึ่งมีทั้งแบบรับประกันอัตราผลตอบแทน (Guarantee yield) และไม่รับประกันอัตราผลตอบแทน

โครงการไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา คอนโดมิเนียม

ขณะที่แนวโน้มราคาคอนโดมิเนียมในศรีราชายังไม่สูงมากนัก หากเทียบกับคอนโดมิเนียมบริเวณสุขุมวิทตอนกลางอย่าง เอกมัย ทองหล่อที่มีกลุ่มผู้เช่าเป็นชาวญี่ปุ่นเหมือนกัน จึงทำให้การลงทุนคอนโดมิเนียมในศรีราชามีโอกาสได้อัตราผลตอบแทนจากค่าเช่าที่สูง และยังมีโอกาสได้ Capital Gain หรือกำไรที่ได้มาจากการเพิ่มขึ้นของราคาคอนโดมิเนียมในอนาคตด้วย โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาคอนโดมิเนียมในศรีราชามีราคาที่ขยับขึ้นค่อนข้างสูง จากเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 บาท/ ตร.ม. กลายเป็นแตะๆ 1 แสนบาท/ ตร.ม.แล้ว

อย่างไรก็ตาม การซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุน ต้นทุนที่ได้มีความสำคัญมาก เพราะอัตราค่าเช่าในแต่ละปีไม่ได้ปรับขึ้นมาก ยิ่งได้ต้นทุนที่ดี ยิ่งมีโอกาสได้อัตราผลตอบแทนที่ดีด้วย

ภาพจำลองโครงการ Notting Hill แหลมฉบัง – ศรีราชา

โครงการ Notting Hill แหลมฉบัง – ศรีราชา พัฒนาโดยบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่กำลังจะเปิดตัว จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ฝั่งทะเล ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ในราคาราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท หรือราคาขายเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 63,000 บาท/ ตร.ม. ถือว่ายังไม่สูงเกินไป เหมาะทั้งการซื้อเพื่ออยู่เองและซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าทั้งคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ และนักศึกษา

โครงการดังกล่าวอยู่บนเนื้อที่โครงการขนาด 2-0-67 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 534 ยูนิต รูปแบบห้องชุด มีด้วยกัน 6 รูปแบบ คือ สตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 25.50 ตร.ม., 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 26.50 ตร.ม./ 27.00 ตร.ม., 1 ห้องนอน พลัส พื้นที่ใช้สอย 32.00 ตร.ม. / 32.50 ตร.ม. / 45.00 ตร.ม. คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณไตรมาส 3 ของปี 2559 และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 4 ปี 2561

การออกแบบภายใต้แนวคิด Modern Luxury ผสมผสานความทันสมัยกับความหรูหรา ลายเส้นสถาปัตยกรรมแนว Vintage ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Notting Hill โดยงานออกแบบตกแต่งภายใน รวมถึงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ เลือกใช้โทนสีน้ำตาล ดำ เทา มาเป็นธีมหลักในการตกแต่งเพื่อถ่ายทอดบรรยากาศแห่งความหรูหราทันสมัย

โครงการตั้งอยู่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แหล่งงาน สถาบันการศึกษาชั้นนำ และศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็น โรบินสัน ศรีราชา, ตึกคอม, ฮาร์เบอร์ มอลล์ แหลมฉบัง, เจ-พาร์ค, นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง, สหกรุ๊ป, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา และโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา เป็นต้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ http://nottinghill.origin.co.th/laemchabang/

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่