10อุทยานแห่งชาติในอาเซียนที่สักครั้งในชีวิตต้องห้ามพลาด!

Kittikom 29 ม.ค. 2559

ขอต้อนรับเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ความร่วมมือของทั้ง 10 ประเทศย่อมส่งผลดีให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสิ่งหนึ่งที่ทุกประเทศให้ความสำคัญเสมอมาก็คือการท่องเที่ยว และด้วยความโดดเด่นของภูมิศาสตร์ที่ติดกับทะเลมหาสมุทรทางตอนใต้ จึงทำให้ 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความงดงามทางธรรมชาติ ขนาดที่ว่าเมื่อทั้ง 10 ประเทศมารวมกันแล้ว ก็สามารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็น “ทวีปแห่งธรรมชาติ” วันนี้ DDproperty จึงขอพาทุกท่านไปยลธรรมชาติอันสวยงามที่คนทั้งโลกยกย่องให้เป็นถึงมรดกโลกกันกับอุทยานทั้ง 10 ในประเทศ AEC

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ประเทศไทย

นี่คืออุทยานที่ครอบคลุมรอยต่อสองจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก แม้ในอดีตจะเป็นพื้นที่กบดานของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และมีการสู้รบกันจนเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ แต่ด้วยอานุภาพการทำลายของอาวุธวัตถุปกรณ์ และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ก็ได้สร้างความมหัศจรรย์ที่พิเศษยิ่งกว่าอุทยานแห่งชาติที่อื่นๆ จนต้องกล่าวถึง นั่นก็คือลานหินปุ่ม สัญลักษณ์อันโดดเด่นของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พื้นผิวตะปุ่มตะป่ำกับธรรมชาติที่รายล้อมรอบพื้นที่ของอุทยานกำลังพาสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ไปยังสรวงสวรรค์

การ์เด้น บาย เดอะ เบย์ ประเทศสิงคโปร์

Utayan AEC2 38_20130712094351.-002

ภาพ via travel.thaiza.com/

สวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ตั้งอยู่ริมอ่าว Marina Bay สวนแห่งนี้อาจจะเรียกว่าอุทยานได้แบบไม่เต็มปาก แต่ก็อยู่ในการดูแลของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติสิงคโปร์ สถาปัตยกรรมรูปทรงเปลือกหอยที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมพันธุ์ไม้ต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลกบนพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางเมตร มีไฮไลท์คือกลุ่มต้นไม้ยักษ์ Supertree Grove  ต้นแบบของ Vertical Garden ที่มีการติด Solar cell เพื่อใช้เก็บเป็นพลังงานส่องสว่างในเวลากลางคืน และทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าสวนแห่งนี้ถือเป็นมรดกระดับชาติของสิงคโปร์ และเย้ายวนให้ใครหลายคนได้ไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โต-ปรินเซซา ประเทศฟิลิปปินส์

Utayan AEC3 Ground River_3-003

ภาพ via thaifly.com

 

นอกจากความงามของสาวถิ่นตากาล็อกที่เพิ่งคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส ปี2015 ฟิลิปปินส์ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่เย้ายวนชวนใจให้ไปสัมผัสมากกว่านั้น และนั่นคือหนึ่งในพื้นที่อนุรักษ์ที่โดดเด่นที่สุดในฟิลิปปินส์หรืออุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โต-ปรินเซซา อันเป็นภูมิทัศน์ที่ตั้งของความงดงามระดับโลกของ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างภูเขาหินปูนที่มีแม่น้ำใต้ดินเป็นระยะทางกว่า 8 กม. ในจังหวะที่น้ำขึ้น-น้ำลงมักสร้างความสวยงามจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ อุทยานแห่งนี้จึงถือเป็นความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศภูเขาและทะเลอันมีความหลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นผืนป่าสำคัญที่สุดในเอเชียก็ว่าได้

อุทยานแห่งชาติอูลู เต็มบูรง ประเทศบรูไน

 

SONY DSC

ภาพ via googledrive.com

เบื่อไหมกับการล่องแพบนธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้น นี่ไม่ใช่การขายตรงแพ็คเกจทัวร์แต่อย่างใด แต่นี่คือเรื่องจริงของความงดงามทางธรรมชาติที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศบรูไน อุทยานแห่งชาติอูลู เต็มบูรง นี้คือแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศบนพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของเขตบูรงในประเทศบรูไน ลักษณะที่เป็นป่าดิบชื้นและไม่ถูกรุกรานจากมนุษย์มากนัก บ่มเพาะผืนป่าแห่งนี้ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศที่รวบรวมพันธุ์ไม้หายาก และสัตว์โลกที่ใกล้สูญพันธุ์ เช่น ลิงจมูกยาว ผีเสื้อราชาบรูก เป็นสถานที่เดียวในบรูไนสำหรับคนที่รักและต้องการศึกษาสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศธรรมชาติอย่างแท้จริง

อุทยานแห่งชาติดงหัวสาว สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว

Utayan AEC5 bggh657acdgafbh5aaf8d-005

ภาพ via trekkingthai.com

อุทยานแห่งชาติดงหัวสาวตั้งอยู่ที่บ้านหนองหลวง เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก  สปป.ลาว หลายคนคงได้ยินโฆษณาทางโทรทัศน์ “เอิ้นดาว ก่ะได้” ที่มาของกาแฟชื่อดังจากสปป. ลาว ผู้ผลิตกาแฟ Dao Coffee ที่ราบบอละเวน พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลผลิตทางการเกษตร การเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติดงหัวสาวจะต้องผ่านหมู่บ้าน บ้านหนองหลวง  ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพปลูกกาแฟ เนื่องจากพื้นที่เดิมเป็นภูเขาไฟเก่า ดินจึงมีแร่ธาตุและเหมาะสมจะปลูกกาแฟโดยเฉพาะสายพันธุ์อาราบิก้า การเดินทางจากหมู่บ้านไปสู่ตัวอุทยานนั้นมีระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ด้วยความเป็นที่ราบสูงจึงเป็นแหล่งรวบรวมเหวและน้ำตกตลอดระยะทาง จนสิ้นสุดระยะทางและพบกับทุ่งดอกเปราะภูบานสะพรั่งท่ามกลางสายหมอก

อุทยานแห่งชาติลำปี ประเทศเมียนมาร์

เมียนมาร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ตั้งแต่มีการเปิดตัวประชาคมอาเซียน ก็เริ่มพัฒนาประเทศและเปิดประตูบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาให้มากขึ้น ดูได้จากอภิมหาโปรเจคท่าเรือทวาย และตามมาติดๆ ด้วยการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งแรก คือ อุทยานแห่งชาติลำปี อุทยานแห่งแรกของเมียนมาร์ บนพื้นที่กว้างกว่า 120,000 ไร่ ภายในอุทยานประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามตั้งแต่ บ่อน้ำแร่ธรรมชาติ ถ้ำหินปูน หินงอก หินย้อย รวมไปถึงหาดทรายขาวที่ทอดตัวยาวคู่ขนานไปกับแนวปะการัง และความสวยงามที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามานี่เองทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกอาเซียนในปี 2546

อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู ประเทศมาเลเซีย

Utayan AEC7 38_20150116161432.-007

ภาพ via travel.thaiza.com

อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู อีกหนึ่งมรดกโลกทางธรรมชาติ ที่ตั้งอยู่ที่รัฐซาราวัค ประเทศมาเลเซีย สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้พื้นที่ของอุทยานแห่งนี้เป็นมรดกทางธรรมชาติ เริ่มจากในอดีตที่เป็นตำแหน่งที่ตั้งของเขามูลู หรือยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของรัฐซาราวัคที่ความสูง 2,376 เมตร ภูมิประเทศที่เป็นพื้นผิวสูงต่ำไม่เท่ากันจากการทรุดตัวของแผ่นดินและภูเขาไฟในอดีต ทำให้เกิดหน้าผาสูงชัน มียอดแหลมจนพัฒนาเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามของถ้ำขนาดกว้างที่เชื่อมโยงเป็นโพรงยาวกลายเป็นราชวังที่อยู่อาศัยของเหล่านกถ้ำและค้างคาวกว่าล้านชีวิต และหนึ่งในถ้ำที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจก็คือ ถ้ำที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีชื่อว่า ซาราวัค แชมเบอร์ ที่ประกอบไปด้วยผนังถ้ำที่ถูกกัดเซาะจนเป็นรูปร่างต่างๆ ซึ่งความโดดเด่นของถ้ำบนพื้นที่อุทยานนี้แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยากว่า 1.5 ล้านปี และยังเป็นแหล่งศึกษาพันธุ์พืชเขตร้อนกว่า 530 ตร.กม.

อุทยานแห่งชาติฟงงา-เคบัง ประเทศเวียดนาม

นอกจากอุทยานแห่งชาติกุนุงมูลูของประเทศมาเลเซียจะมีจุดเด่นในเรื่องของถ้ำแล้ว ยังมีอีกหนึ่งประเทศที่ภูมิประเทศเป็นกลุ่มหินปูนเช่นกันและมีขนาดใหญ่กว่าถึง 857 ตร.กม. ทอดยาวจากอำเภอโบ๊จักและอำเภอมิญฮว้า จังหวัดกว๋างบิ่ญ ประเทศเวียดนามไปจนถึงชายแดนจนตอนใต้ของกรุงฮานอยโดยมีระยะห่างเพียง 500 เมตร ก็จะเข้าสู่ตัวกรุงฮานอย ถึงแม้พื้นที่ของประเทศเวียดนามนี้จะไม่ได้อุดมสมบูรณ์เท่ากับผืนป่าของอุทยานอื่นๆ แต่สภาพทางธรณีวิทยาของอุทยานแห่งนี้บ่งบอกถึงวิวัฒนาการตั้งแต่ยุคน้ำแข็งหรือราว 400 ล้านปีก่อน หนำซ้ำถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำอย่างถ้ำซันดองยังอยู่ในพื้นที่อุทยานนี้ด้วย และนี่คือ 1 ใน 2 ของโลกเท่านั้นสำหรับถ้ำหินปูนที่มีลำธารใต้ดินไหลผ่าน

อุทยานแห่งชาติอูจุงกูลอน ประเทศอินโดนีเซีย

หากพูดถึงภูเขาไฟในภูมิภาคอาเซียน คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในอดีตเคยมีการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลกในปี พ.ศ. 2426 หรือประมาณ 130 กว่าปีมาแล้วที่ภูเขาไฟกรากะตัว การระเบิดครั้งนี้รุนแรงจนเรียกได้ว่าบรรดาปู่ ย่า ตา ยาย ของคุณรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนและเขม่าควันที่ลอยเข้าไปสู่ประเทศไทยได้เลย จากเหตุการณ์นี้จึงเป็นที่มาของวิวัฒนาการของกระบวนการทางธรณีวิทยา และเป็นที่สนใจของเหล่านักธรณีวิทยา ด้วยเหตุการณ์ทางธรรมชาติดังกล่าวปัจจุบันพื้นที่อุทยานแห่งนี้จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อต้นไม้นานาชนิด และเอื้อประโยชน์ต่อสัตว์หายากใกล้สูญพันธุ์อย่าง แรดชวา

อุทยานแห่งชาติคีรีรมย์ ประเทศกัมพูชา

Utayan AEC10 original_khirirom2-010

ภาพ via gotoknow.org

มาถึงอุทยานสุดท้ายในประเทศกัมพูชาหรืออุทยานแห่งความสุข (คีรีรมย์ แปลว่าความสุข) อุทยานแห่งนี้เป็นอุทยานแห่งแรกของกัมพูชาที่ถูกทิ้งรกร้างมากว่า 40 ปี แล้วได้รับการทะนุบำรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวบนความงดงามของธรรมชาติด้วยฝีมือขององค์กษัตริย์สีหนุแห่งกัมพูชา ดังที่กล่าวมาอุทยานแห่งนี้ถูกหล่อหลอมและฟื้นฟูขึ้นมาใหม่โดยฝีมือมนุษย์ ตัวอุทยานจึงสะดวกสบายในเรื่องของถนนที่ตัดผ่าน สาธารณูปโภคต่างๆ จากชาวบ้านที่ทำการค้าขายในอุทยาน และอาคารที่พักสไตล์เขมรไว้รองรับนักท่องเที่ยว พื้นที่ป่าสนสามใบที่เขียวชะอุ่มเป็นพื้นที่สุดโรแมนติกบนภูมิอากาศแถบเมืองร้อน เพราะภูมิทัศน์ของภูเขาที่ล้อมรอบได้ปกคลุมเอาความชุ่มชื้นไว้ทำให้อากาศเย็นตลอดปี แม้แต่อดีตกษัตริย์แห่งกัมพูชา คือ สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ  พระราชบิดาของสมเด็จเจ้านโรดม สีหมุนี ครั้งหนึ่งก็ยังมาฮันนีมูนดื่มดำกับความสวยงามของอุทยานแห่งนี้

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย  กิตติคม พจนี Content Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com 

 

 

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ