แม้พระวรกายจะจากไปสู่สวรรคาลัย แต่คุณงามความดีและพระปรีชาสามารถรวมถึงคำสอนในเรื่องต่างๆ ของพ่อหลวงยังคงตราตรึงในใจของพสกนิกรชาวไทยทั่วทุกแห่งหน ไม่เพียงแค่ไหลเวียนอยู่ในพระบรมราโชวาท ในพระราชดำรัสเท่านั้น แต่ยังแฝงอยู่ในของใช้ส่วนพระองค์ทุกชิ้น ชวนให้น้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านอยู่เสมอ
1.ดินสอไม้ในพระหัตถ์
ภาพ via thaigoodview.com
อย่างที่ทราบกันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศทรงเป็นแบบอย่างในหลายด้านแก่ปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ ‘ความพอเพียง และความประหยัดอดออม’ ซึ่งดินสอไม้ที่พระองค์ทรงใช้ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงด้านนี้ได้เป็นอย่างดี มีบันทึกว่าในปีหนึ่งพระองค์ท่านจะทรงเบิกดินสอที่มียางลบติดท้ายแท่ง เพียงแค่ 12 แท่งเท่านั้น โดยใช้เดือนละ 1 แท่ง จนกระทั่งดินสอแท่งนั้นกุดจนเขียนไม่ได้แล้วจึงเปลี่ยน ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท โดยครั้นเมื่อทรงศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา พระองค์ท่านทรงใช้ดินสออย่างคุ้มค่าที่สุด เมื่อสั้นจะทรงใช้กระดาษมาม้วนต่อปลายดินสอให้ยาวเพื่อเขียนให้ได้ถนัดมือจนกระทั่งหมด
นอกจากนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมพระองค์ท่านจึงทรงเลือกใช้ดินสอในการทรงงานแทนปากกาตามสมัยนิยม ที่เป็นเช่นนั้น เพราะ ด้วยทรงเห็นว่าราคาถูกและผลิตได้ในประเทศ อีกทั้งเมื่อผิดก็สามารถลบออกได้ง่าย
2. แผนที่ของในหลวง
ภาพ board.palungjit.org
หากได้ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านอย่างต่อเนื่อง จะพบว่านอกเหนือจากดินสอไม้มียางลบที่เป็นสิ่งของทรงงาน ทุกครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ไป ณ สถานที่ใด จะต้องมีแผนที่อยู่แผ่นหนึ่งติดข้างพระวรกายเสมอ ซึ่งแผนที่ฉบับนั้นเรียกว่า ‘แผนที่มาตรส่วนหนึ่งต่อห้าหมื่น’ เป็นเครื่องมือที่นายช่างชลประทานใช้ในการวางโครงการชลประทานเบื้องต้น และหากคลี่แผนที่ของพระองค์ท่านออกมา จะพบว่ามีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากทรงนำแผนที่หลายแผ่นมาต่อกันด้วยพระองค์เองอย่างปราณีต ขนาดถึง 9 แผ่น หรือ 9 ระวาง แล้วพับให้เหลือขนาดที่ทรงพกพาได้สะดวก เพื่อสามารถคลี่มาดูจุดที่ต้องการได้ในทันทีโดยไม่ต้องกางทั้งแผ่น
ครั้งนึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าถึง “แผนที่ของในหลวง” ไว้ในรายการวิทยุ “พูดจาภาษาช่าง” ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ โดยจะขอยกมาใจความหนึ่ง นอกเหนือจากขนาดที่กว้างกว่าแผนที่คนอื่น “ทุกครั้งก่อนที่จะเสด็จไปไหน พระองค์ท่านจะเตรียมทำแผนที่และศึกษาแผนที่นั้นโดยละเอียด แล้วเมื่อเสด็จไปถึงพระองค์ท่านจะทรงสอบถามชาวบ้านว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน ทิศเหนือมีอะไร ทิศใต้มีอะไร ถามหลายๆ คน แล้วตรวจสอบไปมาระวางคนที่ถามนั้นดูจากแผนที่ว่า แผนที่อันนั้นถูกต้องดีหรือไม่ น้ำไหลจากไหนไปที่ไหน” ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นสาเหตุว่าทำไมแผนที่ของพระองค์ท่านจึงเต็มไปด้วยรอยปะกาว
ภาพจาก board.palungjit.org
3.กล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์รุ่นแรก
ภาพ Via http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/10/X7126197/X7126197.html
จากภาพในสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์และภาพบนอินเตอร์เน็ตที่ปล่อยออกมาอยู่เนืองๆ เรามักจะได้เห็นภาพที่พระองค์ท่านทรงพกกล้องถ่ายภาพ และอยู่ในอิริยาบทของนักถ่ายภาพไม่ว่าจะทรงเสด็จฯ ไปที่ใดเสมอ แค่เฉพาะกล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์ที่เป็นกล้องฟิลม์ก็มีกว่า 20 รุ่น ฉายภาพร้อยเรียงเรื่องราวและแสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพ ซึ่งพระองค์ท่านทรงมีพระปรีชาสามารถไม่แพ้ด้านอื่น สำหรับกล้องตัวแรกที่ทรงใช้เป็นกล้องตัวเล็กๆ มีชื่อว่า Coronet Midget สีเขียวปะดำ ของฝรั่งเศส ราคา ๒ ฟรังก์สวิส ที่พระองค์ท่านทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนมายุเพียง 8 พระชันษา ราวปี พ.ศ.2479
4.หลอดยาสีพระทนต์ ต้นแบบความพอเพียง
ภาพ via http://brainbank.sl.ac.th/brainbank/index.php/ฐานความรู้ที่_38_พระผู้ทรงแบบอย่างความประหยัด
ภาพหลอดยาสีพระทนต์นี้จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีลักษณะแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยิ่งปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะพระองค์ท่านทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋ม หลายคนคงตั้งคำถามว่าแล้วภาพหลอดยาสีพระทนต์ส่วนพระองค์นี้มีมาให้เราชมได้อย่างอย่างไร เรื่องราวมีที่มาดังนี้
ครั้งหนึ่งแพทย์หญิงท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ทันตแพทย์ประจำพระองค์ และอดีตคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กราบถวายบังคม ทูลเรื่องศิษย์ทันตแพทย์จุฬาฯ แก่พระองค์ท่าน ใจความเกี่ยวกับค่านิยมอันฟุ้งเฟ้อในการใช้ของนอกและมีราคาแพง ซึ่งมีความแตกต่างจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงนิยมใช้กระเป๋าผลิตภายในประเทศเช่นสามัญชนทั่วไป ทรงใช้ดินสอสั้นจนต้องต่อด้าม หรือแม้แต่ยาสีพระทนต์ของพระองค์ท่าน ก็ทรงใช้ด้ามแปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบนไม่หลงเหลือยาสีพระทนต์อยู่ในหลอด
ครั้นเมื่อกราบบังคมทูลเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศจึงทรงรับสั่งว่าของพระองค์ท่านก็เหมือนกัน อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้มหาดเล็กห้องสรงเห็นว่ายาสีพระทนต์ของพระองค์คงใช้หมดแล้วจึงได้นำหลอดใหม่มาเปลี่ยนให้แทน เมื่อพระองค์ได้ทรงทราบ ก็ได้ขอให้เขานำยาสีพระทนต์หลอดเก่า มาคืนและพระองค์ท่านยังทรงสามารถใช้ต่อไปได้อีกถึง 5 วัน ด้วยพระจริยวัตรที่ดีงามทันตแพทย์ประจำพระองค์จึงได้กราบพระบาททูลขอพระราชทานหลอดยาสีพระทนต์หลอดนั้นไปประดับที่คณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนำไปเป็นเครื่องเตือนใจให้ศิษย์รู้จักประหยัด ลดการใช้ของฟุ่มเฟือย
ที่มา : ประภาส ชลศรานนท์ จากหนังสือพิมพ์มติชน วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2543 คอลัมภ์ “คุยกับประภาส”
5.ฉลองพระบาทคู่โปรด
ภาพจาก Facebook ต้นแบบแห่งชีวิต รองเท้าของพ่อ
ฉลองพระบาทคู่โปรดของพระองค์ท่านนั้นถึงจะเก่าแต่ก็นำมาซ่อมเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่สามารถซ่อมได้แล้วจึงหยุดรองเท้าหนังสีดำธรรมดา สภาพชำรุดทรุดโทรมเนื่องจากการใช้งานหลายสิบปี ภายในรองเท้าผุกร่อนหลุดล่อนหลายแห่ง ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไป ก็อาจจะทิ้งไปแล้ว เป็นสิ่งที่คุณ ศรไกร แน่นศรีนิล ช่างทำรองเท้า ร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย) ได้เล่าย้อนถึงวันวานอันแสนประทับใจ
ภาพจาก Facebook ต้นแบบแห่งชีวิต รองเท้าของพ่อ
ในสมัยนั้นคุณ ศรไกร หลังจากที่เป็นลูกจ้างร้านซ่อมรองเท้ามาสิบกว่าปีก็ได้มาเปิดร้านของตัวเองแถบถนนพิชัย วันหนึ่งเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังก็ได้ถือพานใส่รองเท้าเข้ามาในร้าน และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นอันทรงเกียรติได้มีโอกาสถวายงานแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศยาวนานเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งในครั้งแรกนั้นนอกจากจะใช้เวลาซ่อมฉลองพระบาทคู่สีดำเกือบเดือน เขายังถือโอกาสตัดฉลองพระบาทถวายพระองค์ท่านเพิ่มอีกคู่หนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสซ่อมฉลองพระบาทอีก 4 คู่ที่ทรุดโทรมแตกต่างกันไป
ภาพจาก Facebook ต้นแบบแห่งชีวิต รองเท้าของพ่อ
ปัจจุบันนี้ ร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย) ได้เก็บรักษาชิ้นส่วนพื้นฉลองพระบาทใส่กรอบไว้บนหิ้งบูชา ตกแต่งอย่างดี มีพานและผ้าคลุมพานสีเหลือง
6.เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ
เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ภาพจาก https://th.wikipedia.org/wiki/เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ_รัชกาลที่_9
หนึ่งในเรือพระที่นั่งและเรือในขบวนเรือพระราชพิธี ที่ตั้งอยู่อย่างงามสง่า 8 ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ “เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ” ถือว่าเป็นเรือพระที่นั่งที่มีความใกล้ชิดกับชาวไทยสมัยนี้มากที่สุด เนื่องจากเรือลำนี้เป็นเรือที่สร้างขึ้นมาใหม่โดยกรมศิลปากรร่วมกับกองทัพเรือและสำนักพระราชวังเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 และเพื่อทดแทนลำเดิมที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่ชื่อว่า “เรือมงคลสุบรรณ”
สำหรับใครที่อยากจะยลโฉมความงดงามของเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณและเรือพระราชพิธีที่ลำอื่นที่ถูกใช้ใน กระบวนพยุหยาตราชลมารค รวมถึงเครื่องประกอบและสิ่งของเครื่องใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ สามารถเข้าชมได้ที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี” เชิงสะพานอรุณอมรินทร์ ถ.อรุณอมรินทร์ ศิริราช บางกอกน้อย กรุงเทพฯ เปิดทำการทุกวัน เวลา 9.00-17.00 น.
7.รถพระที่นั่ง ‘เจมส์ บอนด์’
ภาพประกอบจาก CiNNtv3
แม้จะเรียบง่ายแต่ก็เป็นรถพระที่นั่งที่พระองค์ท่านทรงโปรด รถพระที่นั่งคันนี้ที่พสกนิกรชาวไทยเห็นถูกใช้เป็นรถอันเชิญพระบรมศพมีมีนามว่า ‘เจมส์ บอนด์’ เป็นรถรุ่น Volkswagen Caravelle T4 สีเทา หมายเลขทะเบียน 1ด-0929 ด้านในรถมีความเรียบง่าย แทบไม่มีอะไรเลย นอกจากเครื่องวิทยุเดิม ๆ ที่ติดมากับรถ กับโต๊ะขนาดเล็กไว้ทรงงาน มาพร้อมกับนายช่างประจำตัวที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการซ่อมบำรุงรถรุ่นนี้ เพื่อรับหน้าที่ในการดูแลและซ่อมแซมรถ
นอกจากนี้ยังมีรถยนต์พระที่นั่งทรงงานอีกคันที่หากไม่พูดถึงคงไม่ได้ “Daimler Benz” (2489-2500) ที่อยู่จำพวก (ร.ย.ล.1) เพราะถือเป็นรถยนต์พระที่นั่งทรงงานคันแรกประจำรัชกาลที่ 9 ซึ่งปัจจุบันถูกนำไปเก็บไว้ที่ ‘พิพิธภัณฑ์รถยนต์พระที่นั่งโบราณ’ ของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ วังสุโขทัย ในสภาพทั้งธงประจำหน้ารถและป้ายทะเบียนยังคงเสียบอยู่เช่นเดิม
ภาพจาก http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/04/K4327886/K4327886.html
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย วัลย์ลดา หาญยุทธ Content Writer ประจำ DDproperty.com สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ wanlada@ddproperty.com
