นับตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ สำนักพระราชวังได้แถลงถึงการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาภบพิตร ให้ประชาชนได้รับทราบทุกช่องทางการสื่อสาร ซึ่งถือเป็นเรื่องที่โศกเศร้าที่สุดสำหรับพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า เนื่องด้วยความดีและพระปรีชาสามารถที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้สร้างไว้เป็นที่ประจักษ์กับหมู่เหล่าประชาชนทุกภูมิภาคมากมายอย่างหาที่สุดไม่ได้ ปัจจุบันเหล่าพสกนิกรจากทั่วสารทิศจึงเดินทางมาร่วมถวายความอาลัยต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ณ ท้องสนามหลวง
ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ จึงเปลี่ยนพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวงเป็นแหล่งรวมใจ ที่มีศูนย์รวมจิตใจเป็นหนึ่งอันเดียวกันก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และทาง DDproperty เอง ก็ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศนั้น และได้ร่วมน้อมถวายความอาลัย ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยพร้อมคนใทยทั่วประเทศ ซึ่งหากใครที่กำลังคิดจะเดินทางไปยังท้องสนามหลวงเช่นกัน ทาง DDproperty ได้อัพเดทการเดินทางไปร่วมถวายความอาลัย ณ ท้องสนามหลวงไว้ที่นี่แล้ว แต่ทั้งนี้เองการเดินทางมายัง ณ ท้องสนามหลวงหากใครอยากร่วมถวายความอาลัยบริเวณพระบรมมหาราชวัง จำเป็นจะต้องทราบว่าตำแหน่งของประตูที่เปิดให้ประชาชนเข้าลงนามถวายความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ อยู่ที่ใด และควรปฏิบัติตนอย่างไรบ้างให้เหมาะสม ซึ่งสามารถศึกษาได้จากที่นี่เช่นกัน
ใครที่ได้ไปร่วมถวายอาลัยบริเวณท้องสนามหลวงแล้วคงรู้ดีว่า นอกจากบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าแล้วสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือประชาชนชาวไทยกำลังข้ามผ่านวันเวลานี้ไปด้วยกันจากการรู้รักสามัคคี รวมใจเป็นหนึ่งเดียว จำนวนประชากรนับแสนที่มาเพื่อจุดหมายเดียวกันสร้างสิ่งที่พระองค์ปรารถนามาตลอดก็คือการที่คนไทยรักกันและรู้จักกับความสามัคคี ภาพของผู้คนที่เป็นผู้ให้และผู้รับ ทั้งการบริจาคของ งานช่วยเหลือสาธารณะ ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจ ถึงแม้ประชาชนจะสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไป แต่ก็ยังมีเรื่องราวดีดีปรากฏให้เห็น ตามรอยพระบรมโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศตอนหนึ่งว่า
“คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้ จะต้องอยู่เป็นหมู่คณะและถ้าหมู่คณะนั้นมีความสามัคคี คือเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือในทุกเมื่อ ช่วยกันคิดว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่สมควร สิ่งใดที่จะทำให้นำมาสู่ความเจริญ ความมั่นคง ความสุขก็ทำ สิ่งใดที่นำมาซึ่งหายนะหรือเสียหายก็เว้น และช่วยกันปฏิบัติทั้งหน้าที่ทางกายทั้งหน้าที่ทางใจ…”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน
จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๙
ถึงแม้ประชาชนจะยังมีความโศกเศร้าแต่บริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวงก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ ผสมกับรอยยิ้มเล็กน้อยที่มอบให้กัน ได้สร้างความสุขให้กับประชาชนชาวไทย ถึงแม้จิตใจของทุกคนจะห่อเหี่ยวจากการจากไปของพระองค์ แต่ทุกคก็ยังช่วยเหลือกันมอบน้ำใจให้แก่กัน และด้วยความจงรักภักดีของคนไทยทุกคนที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้เองได้กลายเป็นบทพิสูจน์ให้คนทั่วโลกเห็นแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาภบพิตร คือผู้ที่มอบทุกอย่างให้กับพสกนิกรชาวไทยโดยไม่หวังผลตอบแทนอย่างแท้จริง ซึ่งพระองค์ถือเป็นตัวอย่างของผู้ให้อย่างแท้จริง ตามพระบรมโชวาทของพระองค์ที่เคยตรัสไว้ว่า
“คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้ “
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
เมื่อ วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๒๑
การเดินทางมายังท้องสนามหลวงในครั้งนี้ ทำให้คำตรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ที่ว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้” เป็นคำที่ติดตรึงอยู่ในหัวใจของประชาชนมาโดยตลอด ถึงแม้ประชาชนชาวไทยจะสูญเสียพระองค์ไป แต่ความรู้สึก ณ เวลานี้กลับเหมือนพระองค์ยังคงดูแลพสกนิกรชาวไทยอยู่ตลอดเวลา ทั้งพระราชดำริกว่า ๔,๐๐๐ โครงการ พระบรมโชวาทที่นับไม่ถ้วนที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้กลายเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตให้กับชาวไทยต่อไป และการที่ได้มาร่วมแสดงความอาลัยต่อพระองค์กับผู้คนนับแสนนับล้านนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงว่าคนไทยก็ไม่เคยละทิ้งพระองค์ท่านเช่นกันถึงแม้พระองค์จะทรงสวรรคต ซึ่งเราคนไทยย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่พระองค์ทำมาตลอดจะต้องไม่สูญเปล่า ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการทำความดี แง่คิดดังกล่าวที่กำลังซึมซับอยู่ในใจของคนไทยทั่วประเทศ เปลี่ยนแปลงทุกบรรยากาศ ทุกความรู้สึก บนพื้นที่ท้องสนามหลวงให้ดูอบอุ่น และเชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยได้มาสัมผัสกับบรรยากาศในตอนนี้ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
หากใครยังไม่ทราบว่าการมาถวายความอาลัยต้องปฏิบัติตนอย่างไรบ้างสามารถดูได้จาก 4 ข้อควรปฏิบัติ เตรียมความพร้อมเพื่อร่วมถวายสักการะพระบรมศพ
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กิตติคม พจนี Content Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com