กรมธนารักษ์ ปลดล็อกพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแปลงแรกจังหวัด “ตราด” ดึงบิ๊กอสังหาฯ “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” เช่า 50 ปี ขนเงินเข้ารัฐกว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมเปิดประมูลสรรหาผู้ลงทุนพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 4 จังหวัด หนองคาย มุกดาหาร ตากและสงขลา
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์จะดำเนินการขับเคลื่อนในการเปิดประมูลสรรหาเอกชนลงทุนพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดหนองคาย มุกดาหาร ตาก และสงขลา ประมาณเดือนมกราคม 2560 โดยแผนการดำเนินงานได้วางเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 มีเอกชนให้ความสนใจประมาณ 12-13 รายรวมถึงนักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยที่มุกดาหาร และตากนั้น กรมธนารักษ์ได้โฉนดที่ดินมาแล้วและคาดว่าจะใช้งบปรมาณในการเยียวยาประชาชนประมาณ 400 ล้านบาท
ล่าสุด กรมธนารักษ์ ได้จัดให้มีพิธีลงนามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด ระหว่าง กรมธนารักษ์ โดย นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กับ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) โดย นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับสิทธิการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราดโครงการลงทุนภายใต้วิสัยทัศน์ “Golden Gateway” เป็นเวลา 50 ปี และได้สิทธิเป็นรายแรกต่อ 50 ปี โดยรายได้ที่จะได้จากค่าเช่าใน 50 ปีแรกกว่า 2,000 ล้านบาท
สำหรับแผนแม่บทการใช้ประโยชน์ในที่ดินแบ่งโซนนิ่งเป็น โซนพื้นที่สีเขียว ประกอบด้วย ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน อนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะพื้นที่สีเขียวและแหล่งน้ำ ศูนย์บริการชุมชน ศูนย์ราชการ โซนพาณิชยกรรม ประกอบด้วย โรงพยาบาล ศูนย์แสดงสินค้าท้องถิ่นและนานาชาติ ตลาดนัดชุมชน และลานกิจกรรม และ โซนอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ เป็นเขตอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นต้น
“การดำเนินการดังกล่าว คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดตราด 6 เท่า หรือจากปัจจุบันมีรายได้ด้านการท่องเที่ยว 13,100 ล้านบาท เป็น 80,400 ล้านบาท เมืองอาหารปลอดภัย จากเดิมมีรายได้ 17,7 00 ล้านบาท เป็น 50,000ล้านบาท เมืองบริการการค้าระหว่างประเทศครบวงจร จากเดิมรายได้ 26,100 ล้านบาท เป็น 65,000 ล้านบาท”
ด้านนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษตราดมีพื้นที่พัฒนาทั้งหมด 895 ไร่ ความยาว 15 กิโลเมตร ใกล้ชายฝั่งอ่าวไทย โดยมีสัญญาเช่า 50 : 50 ปี โดยบริษัทจะใช้งบลงทุนทั้งหมดกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสดของบริษัท เป็นการทยอยใช้เงินลงทุน เพื่อการจ่ายค่าเช่าพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ทั้งหมด 50 ปี อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจ่ายงวดแรกแล้ว 200 ล้านบาท และงบลงทุนก่อสร้างโครงการต่างๆอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งการก่อสร้างจะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 6-8 ปี เริ่มตั้งแต่ปลายปี 60 โดยในช่วงต้นปีหน้าบริษัทจะยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA)
หลังจากนั้น จะตั้งบริษัทลูกขึ้นมาใหม่ในปีหน้าเพื่อรองรับการดำเนินงานโครงการต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงจะใช้บริษัทลูกนี้ไปร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งอยู่ระหว่างการมองหาพันธมิตรที่มีศักยภาพและสนใจการพัฒนาโครงการในพื้นที่จังหวัดตราด โดยจะเน้นพันธมิตรในประเทศก่อน
เบื้องต้นวางไว้ว่า ภายในโครงการจะประกอบด้วย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ตลาดสินค้าเกษตร ร้านค้าปลอดภาษี สวนสนุก สวนสาธารณะ โรงพยาบาล และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ซึ่งการลงทุนจะให้ผลตอบจากการลงทุนอยู่ที่ 10-20% ต่อปี โดยบริษัทคาดว่าการลงทุนโครงการดังกล่าวจะคืนทุนได้ในระยะเวลา 6 ปี หรือภายในปี 66 และจะสร้างรายได้ค่าเช่าให้กับบริษัทเฉลี่ยปีละ400-500ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ นายชายนิด ยังกล่าวเสริมว่า ได้มีการพูดคุยกับนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) เพื่อเชิญชวนให้เข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่จังหวัดตราดแบบคู่ขนาน เนื่องจากสายการบินบางกอกแอร์เวย์มีความต้องการขยายความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด จากปัจจุบันมีเที่ยวบินของบางกอกแอร์เวย์บินลงทุกวัน แต่ยังมีจำนวนเที่ยวบินไม่มาก ขณะที่ในอนาคตสนามบินตราดจะเปลี่ยนเป็นสนามบินนานาชาติเพื่อให้สามารถรองรับเที่ยวบินจากต่างประเทศ
อีกทั้งสายการบินบางกอกแอร์เวย์ยังสนใจเข้าร่วมประมูลสัมปทานสนามบินเกาะกงของประเทศกัมพูชา หากเชื่อมโยงกับสนามบินตราดก็จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการท่องเที่ยวทั้งในไทยและกัมพูชา ซึ่งเป็นโอกาสในการขยายการท่องเที่ยวในจังหวัดตราดเพิ่มขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเกาะกงจะต้องผ่านจังหวัดตราดก่อน
“ที่ดินผืนนี้เหมาะแก่การลงทุน เพราะในอนาคตจะมีการพัฒนาเป็นสนามบินตราดเป็นสนามบินนานาชาติ มีท่าเรือคลองใหญ่ ซึ่งจะพัฒนาเป็นท่าเรือสำหรับการค้าและการท่องเที่ยว โดยผมได้มีการคุยกับหมอปราเสริฐแล้ว เขาก็มีแผนที่จะลงทุนพัฒนาเป็นสนามบินนานาชาติ และมีความตั้งใจที่จะทำให้ตราดติด 1 ใน 5 จังหวัดท่องเที่ยวรองจากภูเก็ต พัทยา หัวหิน และเชียงใหม่ และมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านคน เป็น 5 ล้านคนต่อปี โดยการลงทุนของทั้ง 2 บริษัทจะเป็นการลงทุนแบบคู่ขนาน”นายชายนิด กล่าว
ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีหน้า คาดว่าจะมีการเติบโตได้ดีกว่าปีนี้ที่คาดว่าภาพรวมจะทรงตัว เนื่องจากภาวะการชะลอตัวในไตรมาส 4/59 จากปัจจัยในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายเลื่อนเปิดโครงการไปเป็นปีหน้า และ ทำให้แนวโน้มการเปิดโครงการใหม่ในปี‘60 เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีความคึกคักมากขึ้นในปีหน้าด้วย
นอกจากนี้ ความชัดเจนและการเร่งการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของภาครัฐ จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากขึ้น รวมถึงเพิ่มความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของประชาชน และทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์สามารถพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ๆได้เพิ่มขึ้น ซึ่งการที่โครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐออกมาล่าช้าในปีนี้ ส่งผลฉุดตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 59 ชะลอตัว
“โปรเจ็คต์อินฟราสตรัคเจอร์ต่างๆ ในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู สีเหลือง จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและภาคอสังหาในปีหน้า หลังจากปีนี้มีความล่าช้าออกไป ซึ่งการขยายโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆจะทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯมีความมั่นใจในการลงทุนตาม และเป็นการเปิดทำเลพัฒนาในพื้นที่ใหม่ๆด้วย”
ส่วนแนวโน้มราคาขายอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี แม้ว่าราคาวัสดุก่อสร้างและค่าก่อสร้างจะยังทรงตัวอยู่ อย่างไรก็ตาม การซื้อที่ดินในปีหน้าคงต้องเผชิญกับราคาที่แพงขึ้น ซึ่งจะเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดจับมือร่วมกันซื้อที่ดินแปลงใหญ่และแบ่งกันพัฒนาโครงการ โดยในปีนี้บริษัทได้มีการขายที่ดินแปลงใหญ่ย่านกรุงเทพกรีฑาและรังสิตให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่าง PS, SIRI และ SC
ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะมีผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีหน้า คือ ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยในประเทศ และความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะนโยบายของประธานธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนและการตัดสินใจซื้อทั้งผู้ประกอบการและลูกค้า
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือใครกำลังมองหาบ้านและคอนโดก็สามารถดูรีวิวโครงการใหม่ได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com