“คอลลิเออร์ส” ชี้ตลาดคอนโดฯ ปี 58 เปิดตัวลดลง 30% เทียบฟอร์มกับปี 57 เผยแสนสิริ ! รุกหนักขายผ่านออนไลน์ต่างชาติ Storng สุด! ปี ’59
นายสุรเชษฐ์ กองชีพ รองอำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวในงาน DDPROPERTY EXPERT FORUM ถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯจากปี 2558 ที่ผ่านมา โดยเริ่มจากไตรมาส 1- 4 ว่า ตลาดคอนโดค่อนข้างจะซบเซา มีการเปิดตัวของคอนโดลดน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2557 ด้วยสาเหตุ คือเศรษฐกิจไทยไม่ค่อยดี โดเฉพาะไตรมาส 4 ที่เปิดตัวมาประมาณ 6,000 กว่ายูนิต ซึ่งถ้าเทียบกับปี 2557 ลดลง 30
ส่วนปี 2559 หลายฝ่ายคาดว่าจะมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมค่อนข้างใกล้เคียงกับปี 2558 แต่ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นหรือไหม ซึ่งถ้าในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นตัวเลขน่าจะดีกว่านี้
ในส่วนของภาพรวมราคาคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในกรุงเทพฯ ราคาค่อนข้างปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทุกปีและทุกไตรมาส และราคาคอนโดมิเนียมที่เกิน 2 แสนบาทต่อตารางเมตรค่อนข้างเยอะในช่วงไตรมาส 2 – 4 ทำให้ภสพรวมราคาเฉลี่ยปรับขึ้นค่อนข้างเยอะ
ขณะที่ตลาดชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อคอนโดในเมืองไทยนั้น หลัก ๆ ของดีเวลลอปเปอร์ที่นำโครงการไปขายในต่างประเทศมีรายใหญ่หลายบริษัทในช่วงปีที่ผ่านมา ที่นำโครงการออกไปขาย ส่วนดีเวลลอปเปอร์ต่างชาติที่เข้ามาเปิดขายในประเทศไทย โดยเฉพาะในภูเก็ต พัทยา หัวหิน ซึ่งเมื่อก่อนไม่เข้ามาเปิดขายโครงการในเมืองไทยแต่นำโครงการไปขายในต่างประเทศก่อน รวมทั้ง ดีเวลลอปเปอร์ที่ร่วมทุนกับดีเวลลอปเปอร์ไทย และดีเวลลอปเปอร์จีนบางราย ที่นำโครงการไปขายในต่างประเทศก่อน ก่อนที่จะเปิดขายคนไทยด้วยกัน และดีเวลลอปเปอร์รายเล็ก ๆ ในเมืองพัทยา หัวหิน และภูเก็ตที่จับมือกัน นำโครงการไปขายต่างประเทศ อย่างเช่นโครงการในเมืองพัทยา ก็ไปขายที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งบูมอยู่ก่อนหน้านี้ 2 – 3 ปี หรือหัวหินที่มีสแกนดิเนเวียนที่เข้ามาเยอะรวมตัวกันไปขายที่สวีเดน หรือเดนมาร์ค
ทั้งนี้ พบว่าประเทศในแถบเอเชียที่ดีเวลลอปเปอร์ไทยนิยมนำโครงการเข้าไปขาย เช่น ประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน และมาเลเซีย ส่วนตลาดหลักที่ดีเวลลอปเปอร์นำเข้าไปขายก็คือ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน และมีไปในแถวมาเลเซียบ้าง ในปีที่ผ่านมา
“ที่ผ่านมา เกือบทุกบริษัทที่ไปขายในต่างประเทศ เช่น อนันดา ฯ แมกโนเลีย แสนสิริ ที่นำโครงการไปขายยังต่างประเทศ และพบว่าขายค่อนข้างดี อย่างเช่นโครงการของแสนสิริ บางโครงการขายเกือบ ๆ 49%”
ซึ่งถ้าถามว่าโครงการที่นำไปขายในต่างประเทศนั้น ประสบความสำเร็จหรือไหมนั้น พบว่ามีบางโครงการเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ไม่ประสบความสำเร็จทุกโครงการ ส่วนโครงการี่ประสบความสำเร็จจะเป็นโครงการที่มีความน่าเชื่อถือ และค่อนข้างมีคอนเน็กชั่นที่ดีกับ Local Agent ช่วยการประชาสัมพันธ์ก่อนที่จะนำโครงการออกไปขาย
ส่วนทำเลที่ขายดีจะอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวตามชายทะเลต่าง ๆ ไม่รวมจังหวัดอย่างเชียงใหม่ ซึ่งไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่มีกลุ่มคนจีน และญี่ปุ่นบางรายเท่านั้น ส่วนเมืองพัทยา ภูเก็ตยังขายได้อยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาพัทยาจะพึ่งพาตลาดรัสเซียมากเกินไป แต่ยังมีกลุ่มอื่นเข้ามาทดแทน และโครงการที่สนใจนั้น จะเป็นโครงการที่มีความคุ้มค่ากับการลงทุน สามารถทำยิวได้ค่อนข้างสูง โครงการนี้ซื้อเพื่อลงทุนเท่านั้น ไม่ได้ซื้อเพื่ออยู่เอง สาหตุที่ซื้อคอนโดในบ้านเรา เพราะราคาคอนโดอย่างที่ฮ่องกง สิงคโปร์ เริ่มที่ 5 แสน – 6 แสนบาทต่อตารางเมตร ส่วนคอนโดมิเนียมในเมืองไทย เกรดเอ หรือพรีเมี่ยม เทียบกันแล้วขาย 3 แสนบาทต่อตารางเมตร อย่างล่าสุดของ แสนสิริที่จะเปิดตัวขาย ตารางเมตร 6.3 ต่อตารางเมตร ยังถือว่าไม่แพง และราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอด
ขณะเดียวกัน บางประเทศไม่เอื้อกับการลงทุน เนื่องจากราคาสูงเกินไป เศรษฐกิจไม่ดี ตลาดหุ้นมีปัญหา มีการควบคุมการซื้้อคอนโดมิเนียมมากว่า 2 – 3 ยูนิตขึ้นไป หรือควบคุมกลุ่มซื้อคอนโดเพื่อการเก็งกำไร นักลงทุนกลุ่มนี้ พยายามหาทางนำเงินออกจากประเทศ รวมถึงประเทศในญี่ปุ่น ทางธนาคารกลางในญี่ปุ่นออกดอกเบี้ยติดลบมาทำให้ธนาคารรายย่อยในญี่ปุ่นนำเงินออกนอกประเทศ เพราะมีดอกเบี้ยติดลบ
การลงทุนในประเทศไทยถือว่ายังไม่มากยังต่ำอยู่ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนด้วยกันไม่ว่า สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย ประกอบในต่างประเทศราคาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมีราคาสูง กลุ่มนักลงทุนคนจีนเข้ามาซื้ออสังหาฯในเมืองไทย ส่วนหนึ่งคนไทยค่อนข้างจะให้เกียรติ และช่วงที่ผ่านมาเงินบาทค่อนข้างอ่อนทำให้เป็นตัวเร่งให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากยิ่งขึ้น
นายสุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ราคาคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมีบางยูนิตเท่านั้น ที่มีราคาค่อนข้างสูงถึง 6 แสนบาทต่อตารางเมตร และดีเวลลอปเปอร์ที่เห็นว่า แอคทีฟที่สุดในเวลานี้ น่าจะเป็นแสนสิริ ที่เพิ่งจะเปิดตัว แอพพิเคชั่น กับ พร็อพเพอร์กูรู ขายโครงการผ่านออนไลน์กับตลาดต่างประเทศ ซึ่งคงต้องคอยติดตามดูว่าเป็นอย่างไร ประกอบกับมีพาสเนอร์ที่แข็งแกร่ง อย่าง บีทีเอส ที่มีพาวเวอร์พอสมควรในตลาดฮ่องกงและดึงเอเจ้นท์ฮ่องกงเข้ามาซื้อโครงการได้ นอกจากนี้ โครงการแสนสิริยังมีทัวร์จากต่างประเทศทัวร์อสังหาฯ มาดูโครงการที่สร้างเสร็จแล้วในไทย และซื้อโครงการอยู่มากพอสมควรด้วย
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่