อัคคีภัย คือ ภัยอันตรายที่เกิดจากไฟที่ลุกลามไปตามฉนวนเชื้อเพลิงที่ขาดการควบคุมดูแลและยับยั้งไว้ไม่ทัน หลายเหตุการณ์มักมีอันตรายถึงชีวิตจากไฟไหม้นั้นซึ่งถือเป็นเหตุที่มีผลกระทบต่อจิตใจของผู้ที่อาศัยอยู่บนที่สูงอย่างเช่นคอนโดมิเนียม ดังนั้นการเลือกอยู่ในคอนโดฯ สูงๆ จึงมีความน่ากังวลใจ มากกว่าผู้อาศัยแนวราบ และเมื่อถึงเวลาที่คับขันจริงๆ การช่วยให้ตัวเองในเบื้องต้นให้รับมือกับอัคคีภัยอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเอาตัวรอด แต่บางครั้งเมื่อเข้าตาจนเราก็มักทำอะไรไม่ถูกจนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียถึงชีวิตได้ ดังนั้นการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดนั้นคือการเรียนรู้วิธีทำงานของหน่วยกู้ภัย และรับทราบว่าพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ตรงไหน มีการช่วยเหลือได้ดีระดับไหน เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับคุณ วันนี้ทาง DDproperty จึงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบรถดับเพลิงของในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้ชาวคอนโดมิเนียมทั้งหลายทราบข้อมูลเบื้องต้นว่ารถดับเพลิงนั้นมีกี่ประเภท สามารถช่วยเหลือคุณในยามคับขันได้ขนาดไหน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับพื้นที่และระดับชั้นที่คุณเลือกอยู่อาศัยอย่าง และมีผลต่อการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมสักแห่งอย่างแน่นอน
1.รถหอน้ำดับเพลิงพร้อมกระเช้าขนาดความสูงไม่น้อยกว่า 90 เมตร
รถแบบนี้เป็นรถของเขตสามเสนสามารถช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยที่อาคารสูงประมาณ 30 ชั้นได้ มี BRONTO SKTLIFT F90HLA เป็นส่วนของกระเช้าที่สามารถขึ้นที่สูงได้ถึง 90 เมตรหรืออาคารสูงประมาณ 30 ชั้น สามารถรับน้ำหนักได้รวม 400 กก. พร้อม ZIEGLER FIRE PUMP FPN-10-6000-2H ปั้มน้ำดับเพลิงที่สามารถทำแรงดันสูงสุดถึง 40 bar หรือประมาณ 400 เมตร แถมยังมีระบบผสมโฟมช่วยดับไฟ แต่จะมีสามารถฉีดสูงถึงได้เพียง 7 bar หรือ 70 ม. ที่ความสูงประมาณ 7-8 ชั้นนั่นเอง รถคันนี้อาจจะไม่เหมาะที่จะกู้ภัยในซอยแคบๆ เพราะขาหยั่งบันไดกู้ภัยที่จะยกกระเช้าขึ้นไปต้องใช้พื้นที่กว้างถึง 7 ม. หรือประมาณถนนรถวิ่งสองเลนส์ รวมถึงต้องอาศัยความชำนาญของเจ้าหน้าที่ด้วย รถจึงจะใช้งานได้มีประสิทธิภาพเต็มที่บนที่โล่งกว้าง
2.รถดับเพลิงขนาด 170 ฟุต (code 02)
เป็นรถดับเพลิงที่สามารถมีแรงดันน้ำสูงกว่ารถทั่วไป โดยสามารถฉีดน้ำได้ถึงได้ประมาณ 15 ชั้น หรือประมาณ 45-50 ม. และสามารถปรับระดับยกบันไดกู้ภัยเพื่อจะไปรับคนได้ถึงชั้น 15 เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามรถคันนี้ต้องการพื้นที่เยอะและแน่นอนคงไม่เหมาะกับพื้นที่อสังหาฯ ในซอยเล็กๆ ถนนแคบๆ ที่เข้าถึงได้ลำบาก สำหรับคอนโดมิเนียมบางแห่ง
3.รถดับเพลิงสูงขนาดต่ำกว่า 13 เมตร (code 03)
รถดับเพลิงคันนี้มีหัวฉีดน้ำในตัว แต่ไม่สามารถบรรทุกน้ำไม่ได้ แน่นอนถ้าที่อยู่ของคุณอยู่ติดกับแม่น้ำก็วางใจได้ในระดับนึง เพราะรถคันนี้มีปั้มน้ำสำหรับดูดน้ำในแหล่งธรรมชาติได้ หรือถ้าไม่ได้อยู่ติดริมแม่น้ำ ลองหาคอนโดมิเนียมที่มีระบบป้องกันอัคคีภัยที่ดีเยี่ยม โดยมีสายยางดับเพลิงรอบโครงการก็สามารถต่อน้ำจากตรงนั้นเพื่อดับไฟได้ รถแบบนี้มีคันบันไดที่สูงไม่น้อยกว่า 13 เมตร และสามารถฉีดน้ำได้สูงถึง 5 ชั้นโดยประมาณ ซึ่งสามารถช่วยชีวิตผู้ที่ติดอยู่ในอาคารได้ในที่สูงไม่เกิน 5 ชั้น และยังพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ตัดเหล็กอีกด้วย
4.รถดับเพลิงชนิดมีหัวฉีดน้ำในตัว บรรทุกน้ำ 1,500 ลิตร (code 04)
รถคันนี้มีขนาดเล็กและกระทัดรัด คล่องตัว และติดตั้งเครื่องดับเพลิงชนิดที่มีผงเคมีแห้งที่มีประสิทธิภาพในการดับไฟ พร้อมเครื่องช่วยหายใ และจพร้อมอุปกรณ์กู้ภัยขั้นต้น สามารถฉีดน้ำดับเพลิงได้สูงประมาณ 3 ชั้น เหมาะสำหรับ Apartment ที่ไม่สูงมากหรือที่อยู่อาศัยประเภท Town- House ขนาดไม่เกิน 4 ชั้นที่มีที่ตั้งอยู่ในซอย
5.รถดับเพลิงบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร (code 05)
คันนี้เป็นรถดับเพลิงขนาดใหญ่ที่มีถังน้ำบรรจุในตัวรถดับเพลิง รถคันนี้สามารถบรรจุน้ำได้ถึง 6,000 ลิตร และมีเครื่องสูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติพร้อมหัวจ่ายน้ำ
6.รถดับเพลิงบรรทุกน้ำขนาด 10,000 ลิตร (code 05)
รถดับเพลิงบรรทุกน้ำขนาด 10,000 ลิตร (code 05) ที่สามารถฉีดน้ำดับเพลิงใด้สูงได้ประมาณ 3 ชั้น และมีตีนตะขาบบรรทุกเครื่องสูบน้ำ อยู่ในเขตตลิ่งชัน
7.รถบรรทุกน้ำดับเพลิงขนาด 5,000 ลิตร รหัส 05
เป็นรถดับเพลิงและสนับสนุนน้ำดับเพลิงสามารถฉีดน้ำดับเพลิงได้สูงประมาณ 3 ชั้น มีรถตีนตะขาบบรรทุกเครื่องสูบน้ำสำหรับสนับสนุนรถหน่วยกู้ภัยคันอื่นๆ
8.รถไฟฟ้าส่องสว่าง (code 07)
รถคันนี้ไม่สามารถบรรทุกน้ำ และช่วยดับเพลิงได้แต่อย่างได มันมีหน้าที่สำหรับการส่องแสงสว่างให้กับที่เกิดเหตุ และสนับสนุนภารกิจต่างๆ ในตอนกลางคืน รถคันนี้ไม่ต้องการไฟฟ้า เพราะสามารถปั่นและจ่ายไฟได้เองได้ในตัว
9.รถดับเพลิงติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า พร้อมเครื่องดับเพลิงชนิดหาบหาม (code 07)
รถคันนี้มีลักษณะคล้ายกับรถไฟฟ้าส่องสว่างก่อนนี้ เป็นรถที่ช่วยสนับสนุนการดับเพลิง และใช้สำหรับส่องแสงสว่างให้กับที่ที่เกิดเหตุไฟไหม้
10.รถเครื่องช่วยหายใจพร้อมเครื่องอัดอากาศ (code 08)
รถคันนี้เปรียบเสมือนโรงพยาบาลขนาดย่อม ความสามารถพิเศษคืออุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ ที่จะปฐมพยาบาลเบื้องต้นกับผู้ที่เกิดอาการสำลักควันจากอัคคีภัยในอาคาร และยังพกถังดับเพลิงขนาดย่อมในยามฉุกเฉินไว้อีกด้วย
11.รถบรรทุกอุปกรณ์เคลื่อนที่เร็ว RIV (code 11)
รถดับเพลิงคันนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับการดับอัคคีภัยที่เกิดในแหล่งชุมชน หมู่บ้าน หรือครัวเรือน แต่มันมีประโยชน์จากอัคคีภัยที่มีต้นเหตุมาจากการระเบิดของน้ำมัน หรือแหล่งเชื้อเพลิงต่างๆ อาจจะเป็นการระเบิดของรถยนต์ หรือเครื่องปิน หรือยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเช่น ปั๊มน้ำมันเกิดไฟไหม้ เพราะรถคันนี้จะใช้โฟมเพื่อเป็นการหยุดไฟที่ก่อจากน้ำมันหรือเรียกว่าการเจือจางต้นกำเนิดเพลงนั่นเอง
12.รถกู้ภัยวัตถูมีพิษ (code 13)
รถคันนี้จะเหมาะกับสถานการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นในโรงงาน หรือไม่ก็โรงพยาบาล เพราะเป็นรถดับเพลิงที่บรรทุกอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการป้องกันสารเคมี อย่างเช่น ชุดป้องกันสารเคมี หน้ากาก รองเท้า และอีกหลายๆ อย่าง และก็ยังเป็นรถที่ดับเพลิงที่เป็นรถเก็บกู้วัตถุมีพิษที่เกิดขึ้นในขณะเพลิงไหม้
13.รถยกขนาดกลาง 45 ตัน (code 14)
รถคันนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเกี่ยวกับเรื่องไฟไหม้มากเท่าไร แต่เป็นรถสำหรับการกู้ภัยยานต์ยนต์ยกรถเสีย ซากศพรถยนต์ที่พลิกคว่ำกีดขวางการจราจร และมีหน้าที่ในการเก็บกวาดสิ่งต่างๆ ที่เกิดจากเหตุเพลิงไหม้
14.รถบรรทุก 10 ล้อ กระบะเทท้าย (code 15)
รถคันนี้อาจจะดูเก่า แต่ก็เป็นรถที่สนับสนุนการดับเพลิงได้ดี เพราะรถคันนี้นั้นเป็นรถกู้ภัยทางบก หรือเหตุการณ์แผ่นดินไหว มันสามารถขุดตักดินทรายจาก ซากอาคารถล่มได้ เพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่มีโอกาสรอดน้อยนิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
ทั้งนี้อัคคีภัยมีผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยสักแห่งและความเหมาะสมของชั้นที่ต้องการอยู่อาศัยของคอนโดฯ แต่ทั้งนี้เรื่องของประกันอัคคีภัย ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเกิดอัคคีภัยขึ้นจริงๆ เราไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลยหากใครที่ไม่ได้ทำประกันก็ลองคิดดูว่าเราสูญเสียกันไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่า “อัคคีภัย”
อ้างอิง: www.samsenfire.com และ www.talingchanfire.com