LH BANK ปรับโฉมไอที รองรับเป็นธนาคารดิจิตอล ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่ม 8 สาขา ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) แถลงผลการดำเนินงานปี 2558 ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง ร้อยละ 2.8 จากปีก่อน แต่ผลการดำเนินงานของธนาคารยังสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยผลการดําเนินงานปี 2558 บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHBANK) มีกำไรสุทธิ 1,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 37.5% และผลการดำเนินงานของธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิ 1,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 35.5% หลักๆ มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากเงินลงทุน ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost-to-Income Ratio) ลดลงจาก 47.0% ในปีก่อนมาอยู่ที่ 41.5% รวมถึงการมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ในระดับต่ำเพียง 1.89% ของเงินให้สินเชื่อรวม และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 180.4% เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านเงินสำรองและเพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ
โดยสินทรัพย์รวม 198,039 ล้านบาท เติบโต 20.2% เป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ที่มุ่งขยายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยสินเชื่อ Corporate ของธนาคารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 56% ณ สิ้นปี 2557 ขึ้นมาอยู่ที่ 62% ขณะที่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 21% และสินเชื่อ SMEs อยู่ที่ 17% ของเงินให้สินเชื่อรวม
ทั้งนี้ ทางธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทย ปี 2559 ที่มาจากการลงทุนของภาครัฐจะเริ่มประคองตัวได้ จึงมีแผนปรับโฉมไอทีเพื่อรองรับการทำธุรกรรมด้วยระบบดิจิตอล การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า การสร้างแบรนด์ LH Bank ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างผ่าน Social Media ต่างๆ เช่น LINE Facebook YouTube รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มอีก 8 สาขา ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2559 ธนาคารจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 134 สาขา ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และธนาคารยังคงร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HomePro) ในการขยายสาขาไปในทุกจังหวัดที่ HomePro ตั้งอยู่ รวมถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้า
ทั้งนี้ ทางธนาคารมีสาขาทั้งสิ้น 126 สาขา เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2557 จำนวน 9 สาขา แบ่งเป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ 45 สาขา และสาขาในภูมิภาค 81 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วน 36% และ 64%
ด้านนายธานี ผลาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารมีแผนปรับระบบเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเป็นธนาคารดิจิตอล (Digital Banking) และเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้มีศักยภาพในการแข่งขัน อาทิ การให้บริการแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ที่เรียกว่า LH Bank M Choice Application ที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวก รวดเร็ว สามารถเช็คยอดเงิน โอนเงิน เติมเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการ ดูกองทุน รวมไปถึงการค้นหาสาขาและตู้เอทีเอ็มของธนาคาร ซึ่งสามารถใช้บริการได้ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา โดยธนาคารมีแผนเปิดให้บริการประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ การออกบัตรเดบิตร่วมกับ UnionPay International (UPI) ด้วยเห็นว่าปัจจุบันมีฐานผู้ถือบัตรเดบิตUnionPay อยู่ทั่วโลก และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์ในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ในการเบิกถอนเงินสดหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆ ได้ทั่วโลก ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการประมาณไตรมาส 2 ปี 2559
และมีการปรับระบบมาตรฐานความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้แก่ บัตร ATM และบัตร Debit จากเดิมเป็นบัตรที่ใช้แถบแม่เหล็ก ซึ่งมีการโจรกรรมเงินโดยการใช้เทคนิค Skimmer คัดลอกบัตรบ่อยครั้ง ธนาคารจึงปรับมาตรฐานความปลอดภัยโดยการเปลี่ยนมาเป็นบัตรแบบ “ชิปการ์ด” ที่มีความปลอดภัยสูง ป้องกันการปลอมแปลงจากภัย Skimmer โดยธนาคารจะให้บริการบัตร ATM และ บัตร Debit ในรูปแบบบัตรชิปการ์ด ประมาณเดือนพฤษภาคม 2559
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่