หลังจากที่เรารู้จักการทำเสาคาน และการก่อสร้างในระบบต่างๆ ทั้งแบบโบราณที่ยังคงคลาสสิกและคงทนยืนยาวมาถึงปัจจุบัน และระบบก่อสร้างแบบสมัยใหม่ที่ว่ากันว่าเป็นเทรนด์แห่งอนาคต กันมาบ้างแล้วจากบทความตอนก่อนๆ วันนี้ผมอยากพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ “เทรนด์ของระบบการสร้างบ้านใหม่ๆ” ที่กำลังมาแรงในต่างประเทศ ซึ่งว่ากันว่าแนวทางเหล่านี้ สามารถตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์ และโครงสร้างประชากรของเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกได้เป็นอย่างดี และก็น่าดีใจที่วันนี้ เราได้เห็นแนวคิดเหล่านี้เริ่มเข้ามาอยู่ในกระบวนการออกแบบสร้างบ้าน หรืออาคารในบ้านเราบ้างแล้ว มาดูกันครับว่า เทรนด์ของ “การก่อสร้าง” เพื่ออนาคตนั้นเป็นอย่างไร
1. Real Insulation (ความเป็นฉนวน): โจทย์ของโลกร้อนเป็นตัวตั้งในทุกกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ การก่อสร้างก็เช่นกันครับ โลกเราร้อนขึ้นทุกวัน บ้านของเราเองก็ต้องมีคุณสมบัติในด้านความเป็นฉนวน หมายถึง จะต้องสามารถป้องกันอุณหภูมิจากภายนอกได้ เรียกว่า หน้าร้อนก็อยู่เย็น – หน้าหนาวก็อบอุ่น และถ้าจะให้ดี ก็จะต้องลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ทำความร้อน และทำความเย็นภายในบ้านได้ด้วย วัสดุก่อสร้างที่เจ๋งสุดๆ อาจสามารถทำให้เจ้าของบ้านประหยัดค่าไฟได้มากถึง 30% ทีเดียว
2. Real Dry Process (ระบบแห้ง): คอนเซ็ปต์ของระบบการก่อสร้างยุคใหม่ระบุว่า เราน่าจะต้องใช้คอนกรีตเหลวที่หน้างานให้น้อยที่สุด เพราะงานปูนเป็นสาเหตุหลักของปัญหาการก่อสร้างดั้งเดิมอยู่ไม่น้อย แต่เทรนด์การก่อสร้างยุคใหม่จะเป็นการใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาประกอบที่หน้างานด้วยเวลาเพียงนิดเดียว ประหยัดแรงงาน ลดเวลาก่อสร้าง และช่วยควบคุมการบริหารจัดการได้ดีมาก
3. Real Zero – Waste (ขยะหน้างานเป็นศูนย์): คงจะดีไม่น้อยนะครับ ถ้าเราไม่ต้องสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างมากองเผื่อที่หน้างาน ไม่มีกองหินกองทราย หรืองานคอนกรีตสกปรกอีกต่อไป จึงใช้เงินคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ วัสดุก็เป็นไปตามสเปค เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาแล้ว
4. Real DIY (สร้างเองได้ง่ายจริง) : ฝรั่งบอกว่าพวกเขาสามารถสร้างบ้านเองได้ ผมเองก็มีความเชื่อครับว่า การสร้างบ้านมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้าหากระบบที่เราสร้างมีแนวคิดคล้ายๆ กับ การประกอบเฟอร์นิเจอร์ตามคู่มือ และใช้เพียงสว่านเป็นเครื่องมือเพียงอย่างเดียว เพราะชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมีรหัสและวิธีการประกอบที่ “ง่ายมาก – เบามาก – สะอาดมาก – และแข็งแรงมาก” ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเห็น “บ้านที่ค่าแรงเป็นศูนย์”
5. Super Light Weight (เบามาก): เราคงต้องทลายความคิด ความเชื่อในเรื่องอุปกรณ์การก่อสร้างแบบเดิมๆ เพราะจริงๆ แล้ว วัสดุที่หนักกว่า ไม่ได้แปลว่าแข็งแรงกว่า แต่ตรงกันข้ามครับ น้ำหนักที่มากอาจจะสร้างปัญหาตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น สิ้นเปลืองเหล็กโครงสร้าง, ต้านแผ่นดินไหวไม่ได้, แตกร้าวง่าย, ทรุดง่าย, สิ้นเปลืองระบบฐานราก ฯลฯ โลกกำลังเปลี่ยนไปครับ เทรนด์ คือ “ยิ่งเบายิ่งดี” (ในเงื่อนไขว่า ความแข็งแรงอย่างน้อยต้องเท่ากับหรือสูงขึ้นกว่าเดิมด้วย)
ส่วนเรื่องความเร็วในการก่อสร้างที่ผมไม่กล่าวถึงในตอนนี้ ก็เพราะระบบการก่อสร้าง Prefabที่กำลังมาแรงมากๆ ในขณะนี้นั้น แต่ละระบบสร้างเร็วมากจนแทบไม่ต่างกัน (1-2 วันต่อบ้านขนาดไม่เกิน 100 ตารางเมตร) จึงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่เราควรใส่ใจอีกต่อไป เพราะความเร็วที่ได้..ไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของผู้อยู่อาศัย หากแต่ความสบาย ความประหยัด ความแข็งแรงทนทาน ดูแลรักษาง่าย หรือสามารถย้ายถอดประกอบใหม่ได้ตามใจ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น น่าท้าทายกว่าการไปพยายามลดเวลาในการก่อสร้างไปแล้วครับ
สร้างบ้าน หรืออาคารหลังต่อไป อย่าลืมนำปัจจัย “แห่งอนาคต” เหล่านี้มาประกอบการพิจารณากันนะครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
พงษ์ธร ปัทมจินตธำรง กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งบริษัทวอลรัส โฮม จำกัด www.walrushome.net หากมีข้อสงสัยหรือคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ walrushome@gmail.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่