เป็นประเด็นที่กำลังอยู่ในกระแส โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตกรที่ได้รับผลกระทบจากภาคเกษตรกรรม บางกระแสระบุ ปี 2559 อาจแล้งที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ถ้าสำหรับคนเมืองอย่างเราๆ แล้ว ยังจะดูไกลตัว ที่จริงๆแล้วไม่ไกลตัวอยู่มาก เพียงแค่คุณ คิดสักนิด ก่อนใช้น้ำ ไม่เพียงแต่จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติจากภัยแล้งแล้วยังเป็นการช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย
1. เปิด เมื่อจำเป็น
การดำรงชีวิตในแต่ละวัน คงจะเลี่ยงการใช้น้ำไม่ได้ แต่เราสามารถใช้อย่างรู้คุณค่าได้ เช่น
– การซักผ้า ควรรวบรวมผ้าให้ได้ มากพอต่อการซักแต่ละครั้ง ทั้งการซักด้วยมือและเครื่องซักผ้า
– การล้างถ้วยชามภาชนะ ให้ใช้กระดาษเช็ดคราบสกปรกออกก่อน แล้วจึงนำมาล้างพร้อมกันในอ่างหรือภาชนะที่จัดเตรียมไว้
– ใช้ฝักบัวรดน้ำแทนการใช้สายยางเพื่อรดน้ำต้นไม้ หรือใช้น้ำที่เหลือจากกิจกรรมอื่นมารดต้นไม้
– การเช็ดพื้น หรือ การล้างรถ ควรรองน้ำใส่ภาชนะ การใช้สายยางฉีดน้ำโดยตรงเพื่อล้างรถ จะเสียน้ำเป็นปริมาณมากถึง 150-200 ลิตร/ครั้ง
2. ปิด ทุกครั้ง เมื่อไม่ใช้งาน
– อย่าเปิดน้ำทิ้งขณะล้างจาน เพราะจะสิ้นเปลืองน้ำ 9 ลิตร/นาที
– ปิดน้ำขณะแปรงฟัน การใช้น้ำบ้วนปากและแปรงฟันโดยใช้แก้ว จะใช้น้ำเพียง 0.5–1 ลิตร เทียบกับการปล่อยให้น้ำไหล จะใช้น้ำถึง 20–30 ลิตรต่อครั้ง
– ใช้ฝักบัวอาบน้ำแทนการนอนแช่น้ำในอ่าง เพราะการใช้อ่างอาบน้ำจะสิ้นเปลืองน้ำ 110-200 ลิตร
หลายคนยังสงสัยว่าภัยแล้งในประเทศไทยเกิดจากอะไร กรมอุตุนิยมวิทยาระบุ ส่วนใหญ่เกิดจากฝนแล้งและทิ้งช่วง ซึ่งฝนแล้งเป็นภาวะปริมาณฝนตกน้อยกว่าปกติหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องถึงฤดูร้อน
คุณสามารถติดตามสถานการณ์น้ำแบบรายวันด้วยตัวคุณเอง ผ่านทาง http://www.thaiwater.net
โดยเกณฑ์การแบ่งระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำตามคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มีดังนี้
0-30% น้ำน้อย
31-80% น้ำปกติ
81-100% น้ำมาก
รู้อย่างงี้แล้ว จะรออะไร เริ่มลงมือปฏิบัติกันเลย ตั้งแต่วันนี้
ที่มา: การประปานครหลวง และกรมชลประทาน
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
