นักวิเคราะห์มองบ้านประชารัฐช่วยปลุกตลาดอสังหาฯได้

Kanchana Paha28 มี.ค. 2559

GHB_Baan Pracharat campaign

นักวิเคราะห์มองโครงการบ้านประชารัฐน่าจะช่วยปลุกความคึกคักให้กับตลาดอสังหาฯ ในภาพรวม ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรับอานิสงส์ แต่เตือนผู้ประกอบการพึงระวังดีมานด์บ้านไม่เกิน 1.5 ล้านชะลอตัวหลังมาตรการอสังหาฯ สิ้นสุด

หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติโครงการบ้านประชารัฐ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยให้วงเงินสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และประชาชนในอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำเพื่อช่วยให้ประชาชนที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า โครงการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ เพราะจะช่วยให้เกิดดีมานด์ในที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทประมาณ 33,000-40,000 ยูนิต ส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถระบายที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทในสต็อก ได้มากขึ้น

จากการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย การที่ผู้ประกอบการสามารถระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยเหลือขายได้มากขึ้นน่าจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่น และส่งผลต่อเนื่องให้มีการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลฟื้นตัวกว่าในช่วงสองเดือนแรกของปี 2559 ซึ่งจากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) พบว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ 12,038 ยูนิต ลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับในช่วงสองเดือนแรกของปี 2558 ที่ผ่านมา

สำหรับสินเชื่อโครงการบ้านประชารัฐนั้น แบ่งออกเป็น สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านประชารัฐ และสินเชื่อบ้านประชารัฐสำหรับประชาชนทั่วไป โดยสำหรับการให้วงเงินสินเชื่อสำหรับประชาชนเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยนั้น ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการรับภาระค่าใช้จ่ายบางส่วนแทนผู้ซื้อ เช่น ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 2 ของราคาที่อยู่อาศัย ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองร้อยละ 1 ของมูลค่าจำนองเป็นระยะเวลา 2 ปี ค่าใช้จ่ายส่วนกลางเป็นระยะเวลา 1 ปี การให้ส่วนลดร้อยละ 2 ของราคาที่อยู่อาศัยสุทธิหลังหักส่วนลดปกติ เป็นต้น ซึ่งทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการที่ผู้ประกอบการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแทนผู้ซื้อในส่วนนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ซื้อได้ราวร้อยละ 6-7 ของราคาที่อยู่อาศัย เมื่อเทียบกับการซื้อที่อยู่อาศัยในกรณีทั่วไป

Baan Pracharat_interest rates
ในขณะที่สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐนั้นยังสามารถผ่อนคลายสัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยให้ไม่เกินร้อยละ 50-80

นอกจากผู้ประกอบการอสังหาฯ ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และผู้ซื้อที่มีรายได้น้อย-ปานกลางที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากโครงการบ้านประชารัฐแล้ว ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่อยู่อาศัย ก็ได้รับอานิสงส์จากโครงการดังกล่าวเช่นกัน เนื่องจากมีโอกาสทั้งการรับจ้างช่วงต่อจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เข้าถึงสินเชื่อและพัฒนาที่อยู่อาศัยออกสู่ตลาด และการรับก่อสร้างที่อยู่อาศัยจากลูกค้าที่ใช้วงเงินสินเชื่อเพื่อก่อสร้างที่อยู่อาศัยเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในต่างจังหวัด

นอกจากนี้ ผู้ครอบครองที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ยังมีโอกาสใช้วงเงินสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมต่อเติมที่อยู่อาศัย ที่จะส่งผลให้ธุรกิจรับซ่อมแซมต่อเติมที่อยู่อาศัยได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยตั้งขอสังเกตว่าแม้ระดับความต้องการที่อยู่อาศัยจะกระเตื้องขึ้น ผู้ประกอบการที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทยังควรต้องมีความระมัดระวัง เนื่องจากภาวะชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และดีมานด์ที่น่าจะชะลอตัวลงหลังมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ต่างๆ สิ้นสุดลง

 

 

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

 

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ