SENA วางสัดส่วนรายได้ปี’59 โฟกัสธุรกิจเฮ้าส์ซิ่ง 87%

7 เม.ย. 2559

ปีทอง! ของ SENA ลั่นรับรู้รายได้อู้ฟู่ ทั้งอสังหาฯ-พลังงานทดแทน จ่อผุด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 5 พันลบ.

นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า ในปี 59 ทางบริษัทได้วางสัดส่วนรายได้จะมาจากการขายโครงการอสังหาฯ 87% รายได้ค่าเช่าและบริการ 7% รายได้จากกลุ่มโซลาร์ 6% อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอยากให้สัดส่วนเป็นจากการขายโครงการอสังหาฯ 80% รายได้ค่าเช่าและบริการ 10% รายได้จากกลุ่มโซลาร์ 10%

ทั้งนี้ ตามแผนเตรียมเปิด 9 โครงการใหม่ แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการ มูลค่า 2,820 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 2560 ล้านบาท เบ็ดเสร็จแล้วรวมเป็น 5,390 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อให้เป็นการบาลานซ์พอร์ตในปีนี้ โดยโครงการแนวราบที่จะเปิดนั้น ประกอบด้วย เสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5 ,เสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา-วงแหวน, เสนาพาร์ค ทาวน์ รามอินทรา – วงแหวน ,PCC New Residence บ้านเดี่ยวในสนามกอล์ฟ ที่พัทยา ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ The Niche Mono บางนา เฟส 3 ,The Niche ID พระราม 2 เฟส 2 ,The Niche MONO สุขุมวิท 50 ,The Kith Plus สุขุมวิท 113 เฟส 1 ,The Kith Lite บางกะดี เฟส 2

ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2559 ที่ผ่านมา ก็ได้เปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเสนาพาร์ค วิลล์ รามอินทรา-วงแหวน เฟส 1 เป็นบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ทั้งหมด 218 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,120 ล้านบาท และโครงการ บรมราชชนนี-สาย 5 มีทั้งบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ทั้งหมด 202 ยูนิต มูลค่าโครงการ 890 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมิถุนายนจะเปิด The Niche Mono บางนา เฟส 3 คอนโดมิเนียม 8 ชั้น 1 อาคาร 42 ยูนิต มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนงบการลงทุนรวมปีนี้ตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 800 ล้านบาท ซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯในอนาคต และอีก 200 ล้านบาท ใช้ในธุรกิจโซลาร์ฟาร์มภายใต้บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด

สำหรับผลประกอบการในปี’59 ทางบริษัทฯตั้งเป้ารับรู้รายได้เติบโต 40% หรือ 3,500 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 2,200 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งจะรับรู้ปีนี้ 2,000 กว่าล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป

ขณะที่ยอดขายไตรมาส 1/59 คาดการณ์ว่าอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งยอดขายและยอดโอน ไตรมาส 1/59 จะสูงกว่า YoY ขณะที่คาดยอดขายครึ่งแรกน่าจะอยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาท และครึ่งหลังจะมากกว่า ซึ่งเป็นปกติที่ยอดขายครึ่งแรกจะต่ำกว่าครึ่งหลัง โดยทั้งปีบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 4,500 ล้านบาท มาจากโครงการเดิมที่ขายอยู่ 33 โครงการ และเปิดโครงการใหม่ปีนี้อีกเพิ่มอีก 9 โครงการ รวมทั้งสิ้น 42 โครงการ

อย่างไรก็ดี สำหรับโครงการบ้านประชารัฐ ทางบริษัทมีโครงการที่เข้าร่วมบ้านประชารัฐทั้งสิ้น 5 โครงการ จำนวน 500 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 750 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านสร้างเสร็จแล้ว ประกอบด้วย โครงการเดอะ คิทท์ ไลท์ บางกระดี เดอะ คิทท์ ติวานนท์ เดอะ นิชไอดี บางแค เดอะ นิช ไอดี เสรีไทย และเดอะ นิช ไอดี พระราม 2 ระดับราคาตั้งแต่ 870,000 – 1.5 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งเป็นการขยายการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ ของ SENA โดยผ่าน “บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด” ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสระบุรี และนครปฐม จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป โดยจะรับรู้เข้ามาในรูปของเงินปันผลประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อปีและตั้งเป้าขายไฟฟ้าให้ได้ถึง 100 เมกะวัตต์ (MW) ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีในมือ 46.5 MW โดยคาดว่าจะใช้เงินอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ได้ 100 MW หรือลงทุนราวปีละ 200-300 ล้านบาท โดยในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) มากกว่าธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม) เพราะปีนี้โซลาร์ฟาร์มทำยากมากขึ้นซึ่งขึ้นกับนโยบายภาครัฐ เพราะฉะนั้นปีนี้เราจะบุกโซลาร์รูฟที่จะเข้าไปติดตั้งมากกว่า ซึ่งคุยกับโรงงานไว้ 2-3 แห่ง และอพาร์ทเมนท์อีก

อย่างไรก็ตาม ทาง”SENA จะให้ความสำคัญกับการกำหนดกลยุทธ์ในแต่ละปี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิชิตใจลูกค้า สำหรับปีนี้คือ “หัวคิดและหัวใจ” โดยคำว่า “หัวคิด” มาจาก1 ใน 4 Core value ของบริษัทก็คือคำว่า Customer centric คือการคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการบริการดูแลหลังการขาย 360 องศา อาทิ การบริการแจ้งซ่อม ออนไลน์ 24 ชั่วโมง จาก SENA We care การบริหารงานนิติบุคคล ด้วยมืออาชีพจาก Victory (Property Management) การรับฝากขาย-ฝากเช่า จาก Living Agent นอกจากนี้ยังมี Mobile App ชื่อ SENA 360? Service ที่รวบรวมทุกช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัทและลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอีกด้วย ส่วนคำว่า “หัวใจ” คือการบริการด้วยใจของพนักงาน เอาใจใส่ดูแลลูกค้าทุกคนเสมือนเอาใจเขามาใส่ใจเรา รับฟัง แก้ไขปัญหาให้เสมือนปัญหาของตนเองเพื่อก่อให้เกิดความมั่นใจและไว้วางใจในที่สุด

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

APพร้อมเปิด8โครงการใหม่ในQ2

AP เตรียมเปิดเพิ่ม 8 โครงการใน Q2 เป็นคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้า 2 โครงการและแนวราบ 6 โ

อ่านต่อ8 เม.ย. 2559

เฮือกสุดท้าย! LPN ใจดีคูณสอง จัดโปรฯช่วยลูกค้าผ่อน นาน 3 ปี

ผนึกโครงการบ้านประชารัฐจากรัฐบาล สุดพิเศษเฉพาะลูกค้าแบรนด์ “ลุมพินี”

อ่านต่อ7 เม.ย. 2559