กลุ่มรับเหมาชิงเค้กก้อนใหญ่ 5 เส้นทางรถไฟรางคู่

หลังจากที่ประชุมครม.มีมติและสร้างความชัดเจนให้กับโครงการรถไฟทางคู่ ล่าสุด อนุมัติเส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาทที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติประกวดราคาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้ ได้มีการเร่งประกาศเอกสารประกวดราคาคาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ และหาตัวผู้รับจ้างพร้อมเซ็นสัญญาให้แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2559

พร้อมระบุ เส้นทางที่เหลือ ประกอบด้วย เส้นทางนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร วงเงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท คาดการณ์จะเสนอประกวดราคาเดือนมิถุนายนนี้ เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 2.9 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะได้เข้าครม.ภายในเร็ววันนี้ เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กิโลเมตร วงเงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท และเส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาท รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 700 กิโลเมตร รวมกว่า 1.02 แสนล้านบาท

บวกกับ 2 เส้นทางที่อยู่ระหว่างการนำเสนอครม.คือ โครงการรถไฟสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมากและสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 4.4 หมื่นล้านบาทและแอร์พอร์ตลิ้งค์ส่วนต่อขยายช่วงพญาไท-บางซื่อ ระยะทาง 11 กิโลเมตร ที่ใช้วงเงินลงทุน 2 หมื่นล้านบาท

ศึกแดงเดือดครึ่งปีหลัง กลุ่มรับเหมา จ่อประมูลบึ๊กโปรเจคภาครัฐ

ด้านบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือซีเค เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างและรับเหมา มีแนวโน้มคึกคักมากขึ้น เนื่องจากมั่นใจว่าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเริ่มทยอยออกมา และเริ่มเปิดประมูลช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ในกรุงเทพฯ อาทิ สายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีชมพู มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 เป็นต้น มูลค่ารวมกว่า 4.8 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมความพร้อมเช่นเดียวกับผู้รับเหมารายอื่น ทั้งด้านการเงิน ด้านบุคลากร และเครื่องมือต่างๆ เพื่อรองรับงานการประมูลงาน โดยศักยภาพของบริษัทสามารถรับงานได้ทุกรูปแบบ ซึ่งบริษัทจะเข้าประมูลทุกงานที่ภาครัฐ ทั้งการลงทุนเองและการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) คาดว่าจะสามารถประมูลงานปีนี้ได้ประมาณ 20-25% หรือมูลค่าอย่างน้อย 8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ โครงการต่างๆ ของภาครัฐมีการแบ่งสัญญาเป็นสัญญาย่อยมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้รับเหมารายย่อยได้ประโยชน์ด้วย

ทั้งนี้ ได้มีการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพิ่มวงเงินการออกหุ้นกู้อีก 1 หมื่นล้านบาท จาก 2.5 หมื่นล้านบาท เป็น 3.5 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทมีช่องทางในการระดมทุนเพื่อรองรับโครงการลงทุนภาครัฐที่ทยอยจะออกมา ทั้งนี้ บริษัทมีผู้รับเหมาจากต่างชาติ ทั้งในเอเชียและยุโรป เข้ามาเจรจาเพื่อร่วมธุรกิจ ซึ่งบริษัทจะมีการพิจารณาเป็นรายโครงการไป อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของบริษัทสามารถประมูลงานและรับงานได้เองอยู่แล้ว รวมทั้งบริษัทยังมองโอกาสการออกไปรับงานยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประเทศเหล่านี้ อยู่ระหว่างการพัฒนาประเทศ และมีโครงการก่อสร้างที่จะออกมาจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันได้เข้าไปรับงานในลาว หากมีโครงการใหม่ออกมาก็พร้อมที่จะเข้าประมูล และยังศึกษาไปรับงานในพม่า ซึ่งรอรายละเอียดรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

ปัจจุบัน งานก่อสร้างในมือของบริษัทที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 8.3 หมื่นล้านบาท โดยล่าสุด ได้ลงนามสัญญาโครงการมอเตอร์เวย์ พัทยา-มาบตาพุด สัญญา 5 มูลค่า 727 ล้านบาท และมีงานที่รอลงนามคือ บริษัทโครงการสถานีไฟฟ้าย่อยนาบง ที่ลาว มูลค่า 2.2 พันล้านบาท ส่วนงานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ที่ลาว บริษัทได้งานก่อสร้างเพิ่มเติมอีก มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท จากบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ทั้งนี้ หากปีนี้บริษัทสามารถประมูลงานโครงการภาครัฐใหม่ๆ ที่ออกมาได้อีก คาดว่าจะมีงานในมือรวมกว่า 2 แสนล้านบาท ด้านการดำเนินงานของบริษัท คาดว่าจะรับรู้รายได้จากการก่อสร้างประมาณ 3.5-3.8 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้รวมบริษัทในเครือกว่า 4 หมื่นล้านบาท

ขณะที่กลุ่มซิโน-ไทย ฯ วางแผนตั้งรับเข้าร่วมประมูลรถไฟทางคู่ในพื้นที่โซนภาคใต้ด้วย ซึ่งปัจจุบันซิโน-ไทยฯอยู่ระหว่างก่อสร้างสนามบินภูเก็ต ส่วนงานระบบรางนั้น ทางบริษัทพร้อมร่วมประมูลงานไม่ว่าจะเป็นรถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐม-หัวหิน,หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์,ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ส่วนรถไฟความเร็วสูง(นครปฐม-หัวหิน) นั้นคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปีจึงยังมีเวลาเตรียมความพร้อม

ด้านทางซิโน-ไทย ปัจจุบันแบล็คล็อกประมาณ 5.5หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นปริมาณที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ถ้าหากรัฐบาลผลักดันโครงการต่างๆออกมาได้ตามแผนแบล็คล็อคปีนี้ก็คงจะใกล้เคียงกับที่กำหนดไว้หรือไม่เกิน 1 แสนล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างเส้นทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และกำลังเซทต้นทุนโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 เช่นเดียวกับโครงการมอเตอร์เวย์ของกรมทางหลวง ที่มีไม่น้อยกว่า 40 สัญญา ซึ่งจะต้องรอดูว่าจะสามารถเร่งผลักดันออกมาเร็วหรือช้าเท่านั้น โดยเฉพาะกรณีที่สามารถเปิดประมูลได้ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองคงต้องรอปี 2560-2561 ให้ชัดเจนก่อน เช่นเดียวกับสายสีส้มยืนยันเข้าร่วมประมูลด้วยอย่างแน่นอน