SIRI เผยยอดขายแนวราบไตรมาสแรกปี59 ปิดที่ 3,000 ล้านบาท เร่งเครื่องเปิดหนักครึ่งปีหลัง 7 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 14,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 30% อย่างไรก็ดีในไตรมาสแรกของปี2559 สามารถปิดการขายได้กว่า 3,000 ล้านบาท
และในครึ่งปีหลังนี้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 7 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ ในจำนวนนี้คือโครงการสราญสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต มูลค่า 1,040 ล้านบาทซึ่งจะเปิดในเดือนมิ.ย.นี้ด้วย นอกจากนี้ จะมีทาวน์เฮ้าส์และโฮมออฟฟิศ รวม 3 โครงการที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4
โดยล่าสุดได้เปิดตัวบ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ พัฒนาการ” บนพื้นที่โครงการ 85ไร่ บนถนนพัฒนาการ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว มีแบบบ้าน 5 แบบ ขนาดที่ดิน 55-125 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 173-336 ตร.ม. จำนวน 284 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,100 ล้านบาท พร้อมจัดโปรโมชั่น ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน ราคาขายเริ่มต้น 8.15 ล้านบาทเมื่อปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยเฟสแรกเป็นบ้านพร้อมอยู่จำนวน 65 ยูนิต ภายใน1 เดือนขายได้กว่า 50 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยยูนิตละ 10 ล้านบาทขึ้น ส่วนความคืบหน้าโครงการที่อยู่ในโซนนี้ได้แก่ “เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา” ในเฟสแรกมียอดขายแล้ว 60% และ “เศรษฐสิริ อ่อนนุช ศรีนครินทร์” มียอดขายแล้วถึง 90% นอกจากนี้เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์บ้านเดี่ยวให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แสนสิริได้ทุ่มงบ 60 ล้านบาทเปิดตัวแคมเปญ “แสนสิริ บ้านที่ใช่ในทุกความรู้สึก” เป็นแคมเปญไฮไลท์ในปีนี้
สำหรับโซนกรุงเทพฯตะวันออกนับว่าเป็นโซนที่ยอดขายดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีอุปทานสะสม 936 ยูนิต และมีการตอบรับถึง 83% เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากใจกลางกรุงเทพฯ และมีจุดเด่นด้านเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกเดินทางไปยังพระราม 9 เพชรบุรี รามคำแหง รัชดาด้วยทางด่วนศรีรัช และถนนสุขุมวิท เพื่อเชื่อมต่อกรุงเทพฯชั้นในนอกจากนี้ยังใกล้สนามบินสุวรรณภูมิและแอร์พอร์ตลิงค์ รวมถึงเส้นทางในอนาคต อาทิ ถนนตัดใหม่ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) อีกทั้งยังแวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์หลายแห่ง
อย่างไรก็ตาม มองว่าภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวในครึ่งปีหลังนี้ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับบนราคาอยู่ที่ 8-10 ล้านบาท ซึ่งมีเรียลดีมานด์จริงจากผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัย และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่มองว่าแนวโน้มการราคาบ้านเดี่ยวอาจมีแนวโน้มปรับขึ้นประมาณ 5-10% ตามราคาที่ดินที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ส่วนตลาดรวมทาวน์เฮาส์มองว่ายังไปได้ขึ้นอยู่กับเซกเมนต์และทำเลแต่ทว่าแนวโน้มราคาจะแพงขึ้นเนื่องจากต้นทุนที่ดินสูง
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com